14 กันยายน 2555 12:05 น.

หมอกม่านหม่นมัวสลัวแสง

บุญเพิ่ม

หมอกม่านหม่นมัวสลัวแสง

เดินโดดเดี่ยวเดียวดายสู่ปลายฝัน
ยิ้มยืนยันเหยียบย่างบนทางฝุ่น
ท้อทุกข์ทนท่วงท่ายังการุญ
เหน็บหนาวหนุนเนื่องในหาได้เกรง

เกี่ยวเกื้อกูลเก็บก่อไม่ท้อถอย
ค่ำคืนคอยใคร่ครวญทบทวนเพ่ง
ข่มขมขื่นขีดเขียนพากเพียรเอง
เรียบเรียงเร่งเร็วรี่สุนทรีกลอน

โหยหิวหาหดหู่ยังสู้ต่อ
พากเพียรพอพึ่งพิงไม่ยิ่งหย่อน
ลบลืมเลือนแล้งลาให้อาวรณ์
จำใจจรจากจึงซาบซึ้งทรวง

มองหมอกม่านหม่นมัวสลัวแสง
ทาบทอแทงท้าทายดูคล้ายบ่วง
ความคิดแค้นคับแคบคือแบบลวง
ปั่นป่วนป่วงปกปิดชีวิตงาม ฯ

                        อริญชย์
                    ๑๓/๑๑/๒๕๕๕				
13 กันยายน 2555 11:22 น.

งามเด่นเดือนสกาว……….โจ่งแจ้ง

บุญเพิ่ม

ดวงจันทร์โจ่งแจ้ง

ดาวทอแสงแจ่มฟ้า..วะวับวาว
งามเด่นเดือนสกาว.โจ่งแจ้ง
ลมเย็นผ่านพัดพราวจากป่า ไพรแล
ฉันนั่งริมทุ่งแล้ง....เหม่อเศร้ารอฝน ฯ

ฟังเรไรร่ำร้อง.....ลอยลม
เป็นห่วงควายตาคม...อดหญ้า
พิรุณบ่โปรยพรม.......แนวทุ่ง นาเฮย
จึงหม่นกันทั่วหน้า....อ่อนทั้งคนควาย ฯ

ดวงจันทร์งามเจิดจ้า.....ดวงเดียว
ดาวอื่นใครฤๅเหลียว..แจ่มบ้าง
นกไพรร่อนปราดเปรียวยามดึก 
เงาหนึ่งใครเคียงข้าง....เบิ่งแล้วชวนสยอง ฯ

                             อริญชย์
                         ๑๒/๑๑/๒๕๕๕				
12 กันยายน 2555 11:53 น.

๐มองภาพถ่ายข้างฝาเวลาดึก๐

บุญเพิ่ม

๐มองภาพถ่ายข้างฝาเวลาดึก๐

มองภาพถ่ายข้างฝาเวลาดึก
สุดระทึกวาบในดวงใจฉัน
เป็นของเก่าที่ผ่านคืนวานวัน
ห้อยตรงนั้นแน่แน่วกรอบแก้วบาง

เสียงออดแอดสายลมพัดพรมพลิ้ว
ชวนหวาดหวิวทุกคราริมหน้าต่าง
ยามเมื่อฟ้ากำสรวลร้องครวญคราง
ยิ่งเป็นลางบอกเหตุสื่อเลศนัย

เพราะภาพถ่ายทุ่งข้าวรวงพราวเหลือง
สื่อสารเรื่องชาวนาน้ำตาไหล
เมื่อหนุ่มสาวลูกหลานแห่งบ้านไพร
แรมร้างไกลจากถิ่นแผ่นดินตน

ต่างทำงานปลดเปลื้องในเมืองหลวง
ทิ้งทุ่งรวงสีทองให้หมองหม่น
ด้วยครอบครัวลำบากแสนยากจน
เหลือเพียงคนแก่เฒ่าอยู่เฝ้าคอย

มองภาพถ่ายข้างฝาเวลาดึก
จึงระทึกวาบในดวงใจบ่อย
คล้ายกับแว่วเสียงเพลงวังเวงลอย
ที่เรียงร้อยเรื่องราวของชาวนา!ฯ

                             อริญชย์
                         ๘/๗/๒๕๕๕				
10 กันยายน 2555 07:22 น.

มหานที…แม่น้ำชี

บุญเพิ่ม

มหานทีแม่น้ำชี

4                 2               3
มหานที  หลั่งไหล ยาวไกลโค้ง
เป็นสายใยโยง อีสาน มานานเนิ่น
คือแม่น้ำชี  จุนเจือ  สวยเหลือเกิน
จากแนวโขดเขิน ขุนเขา ลำเนาไพร

ลำธารวับวาว  พร่างสี   สุรีย์ส่อง
ปูปลาลอยล่อง สุขตาม สายน้ำไหล
หมู่สกุณา   ร่ำร้อง  ดังก้องไกล
เสียงซอกอไผ่  คล้ายมนต์ แห่งดนตรี

ให้ชนสองฝั่ง  พึ่งพา  และอาศัย
หากินกันไป  เรียบง่าย ไม่หน่ายหนี
สืบสานศาสตร์ศิลป์ บ้านนา คุณค่ามี
อยู่บนวิถี  ถักทอ ความพอเพียง

เป็นดั่งอ้อมแขน  อารี  โอบอีสาน
สร้างความชื่นบาน จุดหมาย ไม่บ่ายเบี่ยง
งามสมเพลงพิณ เลิศลอย  ที่ร้อยเรียง
เมตตาหล่อเลี้ยง  ชาวนา  ทุกคราเอย ฯ

                                    อริญชย์
                                ๙/๙/๒๕๕๕

ปล.เป็นเพียงการทดลองค้นหาจังหวะกลอนใหม่ ๆ เล่น ๆ  ยังไม่ควรยึดเป็นแบบอย่างเน้อ ทุกท่าน				
9 กันยายน 2555 08:41 น.

๐แม่น้ำมูล ระบายกระแส๐

บุญเพิ่ม

๐แม่น้ำมูล ระบายกระแส๐

แม่น้ำมูล  หลั่งสาย ระบายกระแส
แวววาวแท้   คลื่นน้ำ  อร่ามไสว
เสียงนกร้อง กล่อมเวิ้ง ระเริงพงไพร
มวลดอกไม้ ริมฝั่ง สะพรั่งตระการ

เสียงแคนพิณ หมอลำ ระบำรำฟ้อน
ผีเสื้อว่อน พร่างพรม ผสมผสาน
กุ้งปูปลา  แหวกว่าย เรียงรายสายธาร
งามหมอกม่าน ธารทอง เรืองรองรวี

คนจับปลา ล่องเรือ  สุขเหลือเกินหนอ
เกื้อกูลก่อ    ตำนาน พื้นบ้านวิถี
ยึดหลักความ พอเพียง  หาเลี้ยงชีวี
สายนที      แม่มูล   เกื้อกูลการุญ

หัตถกรรม  สืบสาน คืองานท้องถิ่น
อีกศาสตร์ศิลป์   บรรจบ มีครบอบอุ่น
ชนพึ่งพา   เปรมปรีดิ์   นทีมีคุณ
ต่างเจือจุน   ต่อกัน  สัมพันธ์มิคลาย!ฯ

                           อริญชย์
                        ๘/๙/๒๕๕๕


ปล.ขออนุญาตแหวกแนว เป็นเพียงการทดลองทางความคิด ยังไม่ควรยึดเป็นแบบอย่างเน้อ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุญเพิ่ม
Lovings  บุญเพิ่ม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุญเพิ่ม
Lovings  บุญเพิ่ม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุญเพิ่ม
Lovings  บุญเพิ่ม เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบุญเพิ่ม