ไม่มีคมมีดใดที่ไหนคงถ้าจำนงค์ใช้มันไปฟันหินถึงเหล็กกลัาแค่ไหนก็ต้องบิ่นสุดท้ายสิ้นคมไปไร้คนมองเพียงใช้หินลูบหน่อยค่อยขัดถูอย่าไปหลู่หินนั้นมันจะหมองสติมี เอาไว้ ใช้ไตร่ตรองอย่าไปมอง หินทราย ไร้ค่าเลยมีดจะคมอยู่ได้ใช้หินลับขืนไปสับไม่ยั้งพังเพื่อนเอ๋ยถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เหมือนเคยจะลงเอยเหมือนเก่าที่เรามีจะตัดฟันสิ่งใดครวญใคร่นิดเป็นชีวิต เว้นไว้ ก็ได้นี่มองเขาเป็นของเล่นเห็นว่าดีมันบ่งชี้ ว่าวิปริต ผิดผู้คน
อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เองนะเพิ่งเข้าใจในธรรมะที่พระสอนเหตุที่เกิดมากมายหลายขั้นตอนก่อตะกอนโรคร้ายในกายคนจิตผูกติดว้าวุ่นจึงครุ่นคิดภวังค์จิดวกวนจนเกิดผลสิ่งที่สะสมไว้ในใจตนจึงไหลล้นแสดงออกมานอกกายจิตสะสมสิ่งใดได้สิ่งนั้นต้องเจอกันอยู่ดีไม่มีสายตัวกระตุ้นบ่งชี้มีรอบกายเกิดดี ร้ายอยู่ที่กรรมตัวทำมากรรมดี ใจดี ย่อมมีสุขกรรมชั่วใจทุกข์สุขก็ลัาสุขบ้างทุกข์บ้างวางอุราธรรมดาของคนย่อมปนกัน
ใต้ธารา นั้นยาก ลำบากเดาว่ามีเต่า ตอไม้ หรือไอ้เข้ขืนประมาท พลาดไป ได้จบเห่จึงโอ้เอ้ เรื่องมาก ไม่อยากลงใช้ขันตัก รดกาย สบายกว่าจะติดมา เพียงแต่ แค่ฝุ่นผงเปื้อนนิดหน่อย ไม่ตาย สบายองค์ดีกว่าลง ไปแช่ เสี่ยงแน่นอนแต่ผู้คน ก็ยัง ต้องการน้ำขาดเช้าค่ำ ร่างกาย ก็ผ่ายผอมขาดบ่อยบ่อย มีไหม ใครเขายอม ถึงหว่านล้อม แค่ไหน ใครจะฟัง
ขณะเรา ร้องไห้ ใครโอ๋อุ้มยามร้อนรุ่ม ใครจัด พัดวีให้มีใครบ้าง สรรสร้าง อย่างห่วงใยทุ่มเทใจ ฟูมฟัก ให้ตักนอนโอ้ละเห่ โอละหึก จนดึกดื่นรอวันคืน หวังไว้ ได้พักผ่อนเจ้าเติบใหญ่ พอได้ อาศัยนอนก่อนต้องจร จากกัน วันสิ้นใจถึงวันนั้น คงเข้าใจ ในหน้าที่เป็นแม่นี้ ลำบาก ยากแค่ไหนเว้นแต่เจ้า ใจดำ จึงทำไปผิดวิสัย แม่ลูก ไม่ถูกเลย
ลมชวยระ รวยริน กลิ่นตุตุเหมือนจะยุ ให้กาย คายของเก่าใครหนอสรร มาฝาก ก็ยากเดากลิ่นนั้นเร้า จนแมลง แย่งกันดมมีมนุษย์ คนใด ที่ไหนหนอจะมาขอ ปันกลิ่น ประทินโฉมแค่ได้กลิ่น ก็เห็น จะเป็นลมคิดจะชม เขาก็หน่าย ย้ายก้นไปมนุษย์ชอบ ของหอม ตามตอมตื้อแล้วร่ำลือ ถือมั่น เชียร์กันใหญ่ต่อเมื่อกลิ่น นั้นคลาย ละลายไปก็เปลี่ยนใจ เป็นอื่น ไม่คืนคงดังเขาว่า เอาอะไร กับใจคนเช้านั่งบ่น เย็นมา ข้าเสริมส่งปราชญ์จึงสอน เอาไว้ ให้เราปลงสรรพสิ่ง ล้วนมิคง ตรงใจใคร