เจ้างูเขียว เปรี้ยวปาก อยากกินช้าง
งับได้หาง คิดว่า ช่างน่าหม่ำ
ขย้อนกลืน ติดก้น บ่นว่ากรรม
เป็นเรื่องขำ ชวนคิด สะกิดใจ
อุทาหรณ์ สอนไว้ ให้ได้คิด
หากทำผิด คลองธรรม นำเงื่อนไข
อาจเสียหน้า เสียชื่อ ร่ำลือไกล
หักห้ามใจ ไว้บ้าง ช้างมันโต
เปรียบเธอจันทร์ งามผ่อง บนท้องฟ้า
ยามเมื่อไร้ เมฆา มาบังปิด
อร่ามแสง ขาวนวล ช่างชวนพิศ
ร้อนในจิต ค่อยคลายปม เมื่อชมจันทร์
นอนชมจันทร์ จนเคลิ้ม เริ่มจะง่วง
จันทร์ก็ล่วง ลอยหาย คล้ายความฝัน
ลืมตาตื่น อีกที ไม่มีจันทร์
หรือเธออาย ตะวัน มิทันลา
วันนี้ไม่ มีจันทร์ ที่ฉันรัก
จึงสลัก อักษร มาวอนหา
ด้วยอยากเจอ วงพักตร์ อีกสักครา
ก่อนจะลา จากกัน….. นิรันดร
ความจริงทำจนเพี้ยน….เกินงาม
วายวุ่นเหมือนเมื่อยาม..ศึกแท้
วาดภาพให้คนคร้าม…เกินเหตุ
ก็ใครเล่าพ่ายแพ้……ไม่พ้น..โครตตัว
เราต่างก็เป็นครูได้รู้เรียน
ถนัดเขียนทำนาและค้าขาย
ทำประมงค้าอ่างบ้างเลี้ยงควาย
แต่ละรายย่อมชำนาญการที่ทำ
แค่มองมองแล้วว่าข้าก็รู้
ใช้คำหลู่ ว่าไร้ค่าช่างน่าขำ
ไม่ทันรู้ความยากใช้ปากนำ
เวลาทำจึงเห็นไม่เป็นเลย
ควรมอบความสำคัญให้กันบ้าง
มีบางอย่างต้องให้เขาเล่าเฉลย
เห็นรูปกายภายนอกแล้วบอกเชย
ผลลงเอยจึงแย่แพ้……ทั้งปี
หากเอาทองกองไว้ ให้ไก่ดู
ไก่หรือรู้ค่าทอง ที่กองสุม
กลับคุ้ยเขี่ยดินหมก จนปกคลุม
คงต่างมุมต่างมอง ไม่พ้องกัน
พวกที่หนึ่งเห็นว่า มีค่ายิ่ง
ได้พึ่งพิงผ่อนทุกข์ พอสุขสันต์
จากที่เคยอ้างว้าง หนทางตัน
ก็มาพลันพบทาง ให้ย่างไป
พวกสองว่าไม่ปอง ทองที่ว่า
ยังบ่นมาเป็นทอง ไม่ผ่องใส
ทั้งปลอมปนหม่นหมอง ไม่ต้องใจ
ไม่อยากได้ ทองเปรอะ ให้เลอะเรา
แค่เห็นกันแตกต่าง มาสร้างทุกข์
เคยสนุกร่วมกัน พลันมาเศร้า
เพราะทองคือต้นเหตุ แบ่งเขาเรา
ขออย่าเอาทองมาล่อ พอเสียที
ก็พอจะมองออกว่าทำไมบ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้ ขอเป็นบุญพร้อมคนเก่าดีก่า
ไม่ปวดหัวอีกด้วย ระยะนี้ผมโต้ตอบอะไรไม่ได้เลยไม่รู้คอม หรือคนเล่นมันรวน