10 เมษายน 2550 08:17 น.
บุญนำ
ความฉลาดของคนไม่ได้อยู่ที่ตนเองจะคิดเองว่าตนเองฉลาดหรือตนเองโง่
การพินอบพิเทาการเอาอกเอาใจการเลียการเสนอหน้าการแสดงตนเองว่ายอมเป็นขี้ข้าอย่างน้อยก็ทำให้คิดได้เช่นนั้น บางคนยอมได้แม้กระทั่งฆ่าลูกของตนเอง เพื่อจะได้มา ได้มาในสิ่งที่ตนต้องการ
ในเส้นทางของการเดินของเขา ไม่ได้ปูด้วยดอกกุหลาบจริงแล้ว หากแต่เป็นเศษเลือดเศษเนื้อของคน น้ำตาของคน ความซื่อสัตย์ของคน ที่ถูกเขาหักหลัง และสร้างเป็นบันไดเหยียบย่ำขึ้นสูงต่อไป
มันยังไม่เข้าใจ ถึงตอนนี้แล้วมันยังไม่เข้าใจ
...สงสัยแล้วว่า ขนาดเห็นโลงศพแล้วยังมิยอมหลั่งน้ำตาแล้วจะหลั่งหรือจะมีเวลาหลั่งหรือไม่...
...เมื่อชอบแต่ความหวานของลิ้น แล้วก็ย่อมต้องโง่เง่าเป็นธรรดา....
...การทำร้ายคนลับหลัง ไม่ใช่นิสัยของคน...
ความช้ำใจของข้าพเจ้า นับกระไรได้ เป็นแต่เพียงความช้ำใจของมดตัวหนึ่ง
ความช้ำใจของมดหลายๆตัวก็อาจจะทำร้ายสัตว์ใหญ่ได้
...ตอนนี้ทำอะไรอาจไม่คิดถึงคนอื่น เพราะว่ากำลังมัวเมาเลยเถิดและไม่ทันได้คิด...
สมน้ำหน้าผู้ที่คิดว่าตนเองฉลาดนัก โปรดอย่าลืมว่า หากมิใช่ข้อมูลจริงในการพิจารณาแก้ปัญหา ชาตินี้ก็อย่าหวังจะแก้อะไรได้
...แม้ผมจะต้องลำบากกับคนที่คิดว่าตนเองฉลาด แต่ผมก็จะทนลำบากให้ได้ ว่าไปแล้วบางที ในโลกนี้อาจมีเพียงคำว่า ผู้ชนะ หรือ ผู้แพ้ เท่านั้นก็เป็นได้
...เมื่อยังมีหมูมามามองก็คงบ้าต่อไป
แต่ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีหมูมามามองแล้วก็คงบ้าไม่ออก..
ฮ่าๆ...สมน้ำหน้าตนเองนัก...
2 เมษายน 2550 10:46 น.
บุญนำ
..สูจงอย่าประพฤติปฏิบัติในทางใดที่สูคิดว่าเป็นผลดี หากว่าสิ่งนั้นจะทำให้สูต้องเสียสัตย์เสียความน่านับถือ....มาร์คัส ยูเรลิอุส อันโทนิอุส
เอี้ยก้วย...นั่งบนหินใหญ่กลางสายน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกแล้วนั่งคิดพิจารณาถึงความรักของเขากับแม่นางเสียวเหล่งนึ่งในสุสาน
ตั้งแต่ได้สอนวิชาให้กับเขาจนเขาสามารถพิชิตนักบวชเกเรในสำนักช่วนจินได้ไม่ต้องถูกจมูกโคเฒ่ารังแกเหมือนเมื่อก่อน มิหนำซ้ำวิชาฝีมือในปัจจุบบัน ยังสามารถกลั่นแกล้งไอ้พวกนักพรตได้อย่างสาสมใจยิ่งอีกตากหาก
ความรักมันก็แปลกมาก จากสองเพศที่แตกต่างกัน ได้มาอยู่ใกล้ชิดกันแม้ฐานะทางสังคมจะแตกต่างกัน ก็ทำให้เกิดความรักต่อกันได้
โดยเฉพาะความรักอย่างเดียวก็จะมีวิถีเป็นไปตามครรลองของมันเองตามธรรมชาติ แต่ทว่ากับสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนไปตามวันเวลาได้กระทำให้เกิดการลืมเลือนเป้าหมายของความรักกัน เกิดการเปลี่ยนแนวเปลี่ยนความคิดทำให้ความรักเกิดการเบี่ยงเบนมากเกินกว่าค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือมีระดับความรักต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางก็เป็นได้
แต่ทว่าการซึ้งใจในการดูแลเอาใจใส่กัน ไม่ได้ดูถูกกัน และห่วงหาอาทรกันอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้เกิดความรักที่มิใช่แต่รักกันที่รูปร่างภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทว่ามีความสุขที่ได้ไกล้ชิดกอดหอม
ทว่าในตอนนี้ท่านอาเซียวเล่งหนึงได้จากไปแล้ว ที่ได้น้อยใจว่าข้าไม่ยอมเรียกหานางว่าเป็นเมีย จะให้เรียกคำวาอาเฉยๆนั้นไม่ได้เสียแล้ว แล้วจะทำอย่างไรดี นี่เองเรียกว่าผู้ใดมีความรักก็มักจะเหมือนตาบอดไม่สามารถหาวิธีการแก้ปัญหาให้กับตนเองได้ แต่ทว่าอีกตัวหนึ่งก็คือความคิดถึงนี่เอง อดีตเก่าๆที่หวานชื่นได้หวนระลึกเข้ามาเป็นวีดีโอสคริ๊ป เป็นฉากๆ บ้างก็ทำให้เอี้ยก้วยอมยิ้มหน้าบาน บ้างก็ทำให้หน้าเศร้าโศรกไปอีก
ดังนั้นเอี้ยก้วยจึงลุกยืนขึ้นแล้วกู่ตะโกนก้องไปทั่วหุบเขาน้ำตก เสียงของเขาลั่นสะท้องออกไปไกลแว่วๆอยู่ในบริเวณแนวชายป่านั้น
เมื่อต่างคนต่างคิดถึง ต่างคนต่างตามหา และแล้วก็ได้มาประสบพบกัน เขาและเธอไม่อาจจะทำอะไรได้อีก นอกจากวิ่งเข้ากุมมือกัน หัวใจทั้งสองก็กุมกัน ความอบอุ่นได้ถ่ายทอดจากร่างกายหนึ่งสู่อีกร่างกายหนึ่งทำให้ความต่างศักดิ์แห่งความอบอุ่นเท่ากัน สายตาที่มองต่อกันได้เปิดช่องว่างถึงกันยิ่งกว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสที่แล่นอย่างไรก็ไปถึงกันจากต้นสายไปปลายสายตามเวลาไม่สะดุดติดขัดและราบเรียบไม่ส่งเสียงและผลิตมลพิษเพิ่ม
ในตอนนี้เขาไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาอีกแล้วใครจะเป็นหัวหน้าพรรคกระยาจกพรรคกระยาจอก ข้ากะแม่นางก็ไม่สนใจอีกแล้ว ในขณะนี้เมื่อความคิดถึงสองดวงมาพบกัน และได้เห็นคุณค่าของความคิดถึงแล้ว ใยเล่าจะโง่งมเพียงพอที่จะหันเหดวงใจไปสนใจหรือกระทำเรือ่งราวอื่นได้อีก
แม้บทกวีของไป๋จวีอี้ที่เขียนเอาไว้นานแล้วว่าเจียงหนานแสนงามก็ยังไม่สามารถขย่มจิตใจให้ไขว้เขวออกไปได้แม้เพียงครู่ยามรำๆจะสวมหัวใจของกวีแต่งเองออกมาจากใจได้ว่า
ท่านอาเหล่งแสนงาม
ดวงหน้าดวงตาปากพริ้มที่คุ้นเคยนัก
แม้แดดจะออกหรือว่าฝนหรือหิมะจะตก
ฤดูใดๆจะผ่านมาก็ตาม
คิดถึงแต่เจ้าทุกชั่วยาม
เมื่อคิดถึงตอนนี้เอี้ยก้วยยิ้มและแม่นางเสียวเหล่งนึ่งก็ยิ้มต่างฝ่ายต่างก็โอบกอดกัน สองมือต่างก็รัดกันแน่นเข้าแน่นเข้าเหมือนดังคีมเนื้อแกนกระดูก ที่ตรงข้ามแทนที่จะหน้าแดงเพราะความอึดอัดแต่ทว่ากลับหน้าแดงเพราะความซาบซ่านด้วยความสุข
มีกี่เวลากันที่เราจะมีห้วงเวลาอย่างนี้
มีกี่เวลากันที่เราจะได้เกี่ยวก้อยพัวพันกันไปในที่ต่างๆด้วยความหฤหันต์
มีกี่เวลากันที่เราต่างจะได้เห็นใบหน้าอิ่มสุขสดชื่นของกันและกัน
เวลามันได้เดินมาเรื่อยๆและผ่านไปเรื่อยไม่ได้รอผู้ใด
สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดเหมือนกันอย่างนี้ตลอดไปเหมือนเดิมเมื่อไหร่
คงมีแต่ดวงใจข้าและเจ้าเท่านั้นที่อบอุ่น
เหมือนกับได้ฉีดเซรุ่มแห่งความทนความอึดไว้แล้ว
พร้อมแล้วที่จะเผชิญกับโลกธรรมแปดประการที่จะพรั่งพรูมา
พร้อมแล้วที่รับคลื่นลูกหลังที่มาพร้อมกับความไม่ชอบใจอย่างอื่น
เราหวังไว้ด้วยสองเราว่า
หัวใจของเราสองดวงจะยืนยงคงอยู่ด้วยความหฤหรรษ์อย่างนี้ทุกวี่วัน
....ปัจจุบัน....แม้ว่าร่างกายสองเราจะเปื่อยไปแล้วก็ตาม
แต่นามธรรมของความรักของเรายังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของชาวโลกต่อต่อไป จนกระทั่งโลกนี้จะแตกสลายไปเท่านั้นเอง....