12 กันยายน 2548 09:51 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
เส้นทางที่ทอดยาวข้ามขุนเขาสลับซับซ้อนดูร่มรื่นเย็นตาอย่างบอกไม่ถูก ผมขับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพโดยมีคนรักของผมซ้อนอยู่ข้างหลัง ครับผม..เธอชื่อพิม บ่อยครั้งที่ผมเหลือบมองกระจกหลังมองหน้าเธอ ซึ่งผมก็รู้ว่าเธอแอบมองผมอยู่เป็นระยะ ๆ ผมเห็นเธอส่งยิ้มให้ผมผ่านกระจก ผมก็ส่งยิ้มให้เธอเช่นกัน ยามที่ทางข้างหน้าไม่เป็นทางโค้งผมก็จะขับรถมือเดียว มืออีกข้างหนึ่งกุมมือของเธอที่โอบเอวผมไว้คล้ายกับว่ายังชิดใกล้กันไม่พอ...แต่พอผมแตะเบรคมือที่โอบเอวผมอยู่กลับมาดันหลังผมซะนี่ เหมือนกับรู้ทันผมว่าผมเบรคแบบไม่มีสาเหตุ เพื่อให้กันชนของเธอชนผม..555
พิมจะแวะดูสวนดอกไม้ไหมครับ ผมถามเมื่อใกล้ถึงรีสอร์ทกลางหุบเขา
อยากให้แวะเหมือนกันนะคะ แต่ว่าจะดีหรือเดี๋ยวดอกไม้ก็เฉาหมดน๊ะ
โห..พิมงั้นนางสาวไทยก็มาชมดอกไม้ไม่ได้อะดิ ผมหยอกเธอแต่ผลที่ได้คือเธอบิดสีข้างผมซะเขียว
ผมจอดรถหน้ารีสอร์ทแล้วจูงมือเธอเดินดูดอกไม้ยามหน้าหนาวที่กำลังบานสะพรั่ง ท่ามกลางดอกไม้ที่สวยงาม ยามที่เธอยืนอยู่กลางหมู่ดอกไม้เธอกลับเด่นสง่ากว่าดอกไม้ยิ่งกว่า...ผมลอบมองเธออยู่หลายหน เธอเองก็มัวแต่ชื่นชมดอกไม้จึงไม่ได้สังเกต ผมเห็นความงดงามของเธอซึ่งเป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่มีการเสแสร้ง รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกไม้บาน แก้มของเธอเป็นชมพูระเรื่อ ผมอยากเปรียบเธอเป็นนางในวรรณคดีที่ออกชมสวน แต่ถ้าเธอรู้ เธอคงทุบหลังผมพลั่กและบอกว่า ..ผมนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว
2 กันยายน 2548 17:00 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
เฮ้ยตู่ น้องขวัญจะแต่งงานสิ้นเดือนนี้ก็รู้หรือยังแล้วมึงจะไปไหม เสียงตะโกนถามข้ามโต๊ะทำงานจากเพื่อนเล่นเอาสายตาหลายคู่จ้องมาที่ผมคล้ายอยากรู้คำตอบ
อือ เพียงคำสั้นๆที่แทบไม่ได้ใจความหลุดออกจากปากผมที่กำลังง่วนกับการดูตัวเลขในเอกสาร
อือของแกนะ รู้หรือไม่รู้ ไปหรือไม่ไป เอาให้มันกระจ่างหน่อยโว๊ย เพื่อนมันคงรำคาญผมที่ตอบแบบขอไปทีเพราะผมรู้ว่าเดี๋ยวมันต้องมีคำถามกลับมาอีก
ถ้าเขาบอกกูก็ไป ยาวขึ้นมาอีกนิดในคำตอบ
แล้วมึงทำใจได้เหรอในงานแต่งน้องเขานะ ว่าแล้วไงยังไงมันต้องถามแบบนี้
นี่ไอ้หนึ่ง มึงเลิกถามซอกแซกซะทีได้ไหม ทำไมมึงจะให้กูเมาแอ๋ในงาน แล้วฟูมฟายให้เขาเห็น หรือมึงจะให้กูเอาระเบิดไปปาในงานดีหละ เลิกยุ่งกับกูได้ไหม แล้วงานนะไม่มีทำเหรอนั่งถามคำถามอยู่ได้
ผมตอกกลับเพื่อนที่ชอบสรรหาคำถามมาย้ำความรู้สึกที่มันได้จางเลือนไปจากความทรงจำเมื่อไม่นานมานี่เอง