11 มีนาคม 2548 14:12 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
อวดตัวไปทั่วแคว้น.................อหังการ
แถมโอ่ดั่งสันดาน...................อวดรู้
ป่าวร้องแห่ประจาน.................จิตต่ำ
เพียงแค่กบคุดคู้....................หลบใต้กะลา
ยกตนข่มท่านไซร้...................จิตมาร
ปากชั่วช่างระราน...................ล่มล้าง
บทกลอนแห่งวันวาน...............มูลเหตุ
เกิดก่อความคิดสร้าง................พวกพ้องศัตรู
อัตตาพาสูญสิ้น.....................ความดี
จึงเสื่อมศักดิ์ราศี...................สง่าสิ้น
ยินธรรมเร่งรีบหนี..................สุดกู่
เหมือนดั่งมารด่าวดิ้น..............เมื่อซึ้งรสธรรม
มืดบอดเห็นจักรใกล้...............กายตัว
จึงเพ่งเป็นดอกบัว.................เลิศล้ำ
ดั่งโง่เง่าพันพัว......................วิปริต
ยึดชั่วเฉกเสาค้ำ...................อย่างนี้ดีฤา
10 มีนาคม 2548 13:31 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ยังรู้สึกอยู่ใกล้ข้างกายลูก
ยังรู้สึกพันผูกมิจางหาย
ยังรู้สึกอบอุ่นไม่เว้นวาย
มิเลือนหายแม้กาลผ่านนานวัน
สิบเจ็ดปีพ่อจากสู่ฟากฟ้า
สิบเจ็ดปีลูกล่าสร้างสิ่งฝัน
ตามคำสั่งสอนไว้เป็นสำคัญ
อรหันต์ของลูกปลูกทางเดิน
คอยย้ำเตือนอบรมบ่มนิสัย
อย่าอาลัยลาภยศสรรเสริญ
อารีย์คนไม่เหยียบย่ำและซ้ำเติม
มิฮึกเฮิมอวดศักดาค่าตนเอง
กตัญญูรู้คุณเกื้อหนุนน้อง
ทั้งเพื่อนพ้องวงศ์วารอย่าข่มเหง
มีรักใจยุติธรรมดั่งนักเลง
ไม่ใช่เก่งอันธพาลระรานคน
ขอวิญญานศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อ
จงเกิดก่อบนฟ้าเวหาหน
อยู่บนห้วงสวรรค์ชั้นเบื้องบน
ลูกทุกคนยังอาลัยรักพ่อนั้น..นิรันดร..
9 มีนาคม 2548 12:37 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
หากน้องนางหมดเยื่อใยในตัวพี่
ดั่งไมตรีร้างไกลไม่ร่วมฝัน
ขอเวลาเล็กน้อยก่อนจากกัน
นิทานอันโบราณกล่าวขอเล่าไป
ณ ทุ้งร้างห่างไกลในสีแสง
ที่ซึ่งแห่งชาวนาอยู่อาศัย
เพียงลำพังโดดเดี่ยวเปลี่ยวหัวใจ
ดำเนินไปตามทางอย่างเคยเป็น
จวบวันหนึ่งดั่งว่าชะตาร้าย
งูใกล้ตายอยู่ตรงหน้าสายตาเห็น
นอนขดร่างตากน้ำค้างพรมพร่างเย็น
แสนลำเค็ญดูสาหัสไม่รัดกาย
ด้วยสงสารจึงเก็บเอามาเลี้ยง
ให้อยู่เคียงในเรือนเหมือนสหาย
เฝ้าดูแลใส่ใจมิเว้นวาย
จนล้าคลายคืนแรงแห่งนาคา
หารู้ไม่ความตายมากลายกล้ำ
คมเขี้ยวย้ำพิษร้ายเกินรักษา
ต้องทิ้งร่างจากไปเพราะเมตตา
อสรพิษหาเห็นค่าในพระคุณ
โบราณสอนให้จำนำมาคิด
อันงูพิษหลีกไกลอย่าเกื้อหนุน
แม้เพียงน้อยอย่าให้ในการุณ
ร่มใบบุญมิควรให้สัตว์ร้ายพิง
7 มีนาคม 2548 12:32 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ยามโสมส่องราตรีที่เยือนหล้า
พลันอุราปวดร้าวเศร้ามิหาย
แสนหวั่นทรวงนวลน้องจะกลับกลาย
ด้วยอื่นชายมากล้อมหวังครองนาง
แสงจันทร์แจ่มนภาเวหาหน
พี่พร่ำบ่นถึงเจ้าก่อนคราวสาง
ยังละเมอเพ้อหวนแต่นวลนาง
ยากหาทางข่มใจดั่งไฟลาม
พระพายแผ่วพัดกายมิวายคิด -
ถึงมิ่งมิตรเคยใกล้ใจหวาบหวาม
เนื้อเบียดเนื้ออุ่นไอในคืนยาม
สุดจะห้ามหักข่มอารมณ์รัก
เอื้อนเอ่ยถ้อยร้อยคำลำนำฝัน
ผ่านคืนวันทุกความย้ำแน่นหนัก
ทั้งวจีที่กล่อมเจ้าคราวเอนพัก
ให้ตระหนักถึงรักนั้นมิผันแปร
จันทร์เลื่อนลับลอยหายจากห้วงฟ้า
หมู่ดาราลี้แสงแห่งดวงแข
หวั่นวิตกอกสะท้านในดวงแด
ตะละแม่จักเลือนเหมือนรักวาย
4 มีนาคม 2548 13:08 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ฤๅถึงกาลล่มแล้ว..............ธารธรรม
ชนชั่วจิตใจดำ.................ต่ำช้า
มิเกรงต่อบาปกรรม.........มันก่อ
กี่ศพไล่ฆ่าคว้า.................ด่าวดิ้นในแดน
ร่วมชาติแต่ต่างไซร้..........ศาสนา
คำสั่งสอนศาสดา............แจ่มแจ้ง
ทำดีจิตเมตตา....................ละชั่ว
แม้นต่างศาสน์อย่าแกล้ง..........หมิ่นสิ้นน้ำใจ
อยากถามพวกชั่วช้า................สามานย์
หากท่านมีวิญญาน.............ผู้กล้า
ควรหรือล่ารุกราน...............ผองเพื่อน
นัดหนึ่งลั่นคือฆ่า...............พี่น้องร่วมแผ่นดิน
ฤๅถึงการล่มแล้ว...............ธารธรรม
ดีชั่วไม่น้อมนำ..................สู่เกล้า
อ้างศาสน์ก่อประจำ...........บาปบ่ม
จวบซากแหลกคาเถ้า..........มิรู้นรกสวรรค์