31 ตุลาคม 2548 10:22 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เคยพลาดพลั้งแพ้พ่ายไร้สภาพ
จนเข็ดหลาบกลัวเกรงเพลงบทเหงา
ความทรงจำเก่าก่อนยังหลอนเรา
ตามเป็นเงาสนิทแนบแทบทุกครา
ยังหวาดหวั่นพรั่นพรึงถึงความเจ็บ
ที่แนมเหน็บหยอกเอินเกินรักษา
ปล่อยกาลผันผ่านลับนับเวลา
ให้เยียวยาหัวใจหายตรอมตรม
ริ้วรอยแผลเลือนรางอย่างช้าช้า
ท่ามอุราเปลี่ยวเหงาเศร้าขื่นขม
บางครั้งต้องกล้ำกลืนฝืนอารมณ์
กดเก็บข่มสายสวาทที่บาดใจ
แต่วันนี้ไยขบถกับอดีต
ที่เฉือนกรีดดวงมานจนหวั่นไหว
ฤๅลืมเลือนรอยหมองครองทรวงใน
จึงเปิดใจให้ความรักเข้าทักทาย๚ะ๛
28 ตุลาคม 2548 14:55 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ จิตมนุษย์สูงต่ำดำหรือขาว
ลองพิจดูเรื่องราวที่พบเห็น
อีกวาจาที่ร้อนรุ่มหรือชุ่มเย็น
แสดงถึงธาตุที่เร้นอยู่ภายใน
คนใจสูงเยือกเย็นเห็นถูก-ผิด
เพราะชีวิตมีธรรมอันผ่องใส
คนใจต่ำร้อนระอุดั่งคุไฟ
เพลิงเผาไหม้ซากร่างดั่งเพลิงกัลป์
อันดีชั่วปะปนบนโลกกว้าง
และหนทางหลากหลายให้คัดสรร
มากผู้คนยื้อแย่งบ้างแบ่งปัน
สิ่งเหล่านั้นจงใช้จิตพิจารณา
หนึ่งจิตใจติดตัวมาครากำเนิด
จะเลอเลิศหรือต้อยต่ำห่ามตัณหา
งดงามแท้หรือเพียงฉาบทองทาบทา
ต้องค้นหากันไปในจิตคน๚ะ๛
26 ตุลาคม 2548 11:07 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ยามความเหงารุกล้ำเข้าซ้ำซ้อน
รักถูกซ่อนหนใดเฝ้าใฝ่หา
เคยชื่นชมดมดอมหอมผกา
กลับร้างลาลับหายไปจากกัน
หนึ่งหัวใจเหว่ว้าคราคืนหมอง
เพียงเศร้าครองทรวงในให้โศกศัลย์
ตำนานรักเร้นหลบคราจบวัน
ตำนานฝันเลื่อนลับกับราตรี
กอดคำมั่นสัญญาน่าสงสาร
ฝันวันวานเหือดหายมลายหนี
วิมานรักวาดหวังสร้างชีวี
เพียงฤดีที่รวดร้าวเศร้าลำพัง
จำฝืนตนทนรับนับรอยแผล
ไร้คนแลจมปลักกับความหลัง
ทั้งขื่นขมรุกเร้าเข้าประดัง
เกินหยุดยั้งจำหยัดกายท้าทายมัน
เมื่อสลัดตัดไม่ได้ในความโศก
เหมือนแบกโลกหนักหน่วงคอยถ่วงฝัน
เฉกวิหคบินหมื่นลี้เร่งหนีพลัน
เผื่อพ้นความโศกศัลย์ในวันคอย๚ะ๛
20 ตุลาคม 2548 11:55 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หมอกบางน้ำค้างใส.......................หนึ่งหัวใจที่คอยเคียง
รอร้อยสร้อยสำเนียง........................ขับขานเสียงแห่งฝันเรา
จากลาเมื่อคราก่อน..........................ยามนึกย้อนแสนสุดเหงา
โศกหมองครองเป็นเงา.....................มิบางเบาแม้นยามใดฯ
๏ ยามนอนสะอื้นอั้น.........................ยากจะกลั้นหยดน้ำใส
ท่วมขังยังหัวใจ................................จนหลั่งไหลที่ปลายตา
ด้วยจิตพิสวาส.................................ถูกบากบาดเกินรักษา
เจ็บกายหลายโรคา...........................มิเจ็บกว่ายามห่างกันฯ
๏ วารคืนที่ลับล่วง............................ให้หวงห่วงจนโศกศัลย์
เพียรเฝ้านับเงาจันทร์.....................ที่ผ่านผันของคืนคอย
ราตรีที่เงียบเหงา.............................หนึ่งคนเฝ้าหาเจ้ากลอย
สัญญาอย่าเลื่อนลอย........................ลืมคนคอยที่กลางไพรฯ
๏ หมอกบางน้ำค้างพรม...................วอนสายลมหอบรักไป
โอบเอื้อเกื้อคนไกล.........................อย่าหวั่นไหวนะคนดี
คนไกลที่ปลายฟ้า............................รอเวลามานานปี
ตราบจน ณ วันนี้.............................ดวงฤดียังรักเธอ๚ะ๛
11 ตุลาคม 2548 07:42 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ร้อยลำนำอักษรผ่านกลอนสวย
ปรุงแต่งด้วยหัวใจใส่งานศิลป์
ด้วยมีจิตมิตรภาพตราบฟ้าดิน
มิสูญสิ้นศรัทธาแม้คราใด
ร่ายกลอนรักแว่วหวานเพื่อสานฝัน
พลอดรำพันจนจิตคิดสั่นไหว
คำห่วงหาอาทรแทรกซอนใจ
ร้อยเรียงนัยเสน่หาเพิ่มค่ารัก
ยามกลอนเศร้าขื่นขมก็ตรมแสน
โศกถึงแก่นหม่นใจให้ประจักษ์
ร้อยทำนองตรอมตรมเกินข่มนัก
ดั่งจมปลักว่ายวนกลน้ำตา
กลอนปรัชญาตัวอย่างทางชีวิต
หล่อหลอมจิตนักสู้แห่งภูผา
ส่วนกลอนธรรมก็เน้นเห็นอนัตตา
ล้วนล้ำค่าทุกตอนสอนชีวิน
กลอนเสียดสีมีบ้างเป็นบางครั้ง
เพื่อยับยั้งสิ่งปลอมจอมปล้อนปลิ้น
ใสว่าดำกระด่างอำพรางจินต์
หรือเล่นลิ้นปกปิดจริตตน
หลากอารมณ์ชิ้นงานจารอักษร
สื่อสะท้อนจากใจไม่สับสน
ด้วยวิญญาณ์นักประพันธ์บันดาลดล
ในกมลจึงสรรสร้างอย่างตั้งใจ๚ะ๛