16 กันยายน 2547 13:37 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
นอนลืมตา ในคืน ที่มืดมิด
เงียบสนิท ข้างกาย ไร้สุ้มเสียง
แต่ในใจ กึกก้อง ต้องสำเนียง
พันล้านเสียง คำถาม ตามติดใจ
ด้วยคำถาม ในใจ ล้านคำถาม
พยายาม เก็บไว้ ไม่สงสัย
ไม่อยากรู้ ในสิ่ง ที่ปวดใจ
ไม่อยากรู้ ความเป็นไป ในคืนวัน
เพราะรักมาก จึงไม่อยาก รู้คำตอบ
เพราะความจริง นั้นบอก ตอกย้ำฝัน
ว่าที่ฝัน และหวังไว้ ในทุกวัน
คงไม่อาจ พลิกผัน เป็นความจริง
ฟ้าให้มา ครึ่งใจ ทำไมฟ้า
อีกครึ่งหนึ่ง ใยฟ้า ต้องหยุดนิ่ง
ให้ตามหา อีกครึ่งใจ ในความจริง
ใยไม่ส่ง ทุกสิ่ง เต็มหัวใจ
ไม่โทษฟ้า ที่ให้ ใจเพียงครึ่ง
อีกเสี้ยวหนึ่ง เรารู้ ว่าอยู่ไหน
ใช้เวลา และวันคืน ที่เป็นไป
ตามอีกครึ่ง ของหัวใจ ให้เต็มดวง
11 กันยายน 2547 16:16 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ขาดเธอ เหมือนขาดใจ
โลกนั้นไร้ สรรพสิ่ง
เงียบกริบ สงบนิ่ง
ไม่ไหวติง ยิ่งเงียบงัน
สายลม ไม่พริ้วผ่าน
ทั้งสายธาร ไม่ผ่านผัน
หยุดไหล สงบงัน
สะท้อนจันทร์ สะท้านใจ
นั่งเศร้า ในเงาโศก
โลกทั้งโลก ไม่เคลื่อนไหว
เหมือนรู้ ความเป็นไป
วันที่ใจ ต้องอ่อนแอ
ขาดเธอ เหมือนขาดใจ
จิตหวั่นไหว เหมือนจะแพ้
เหน็บหนาว ในดวงแด
ฤาจะแพ้ แน่ครานี้
10 กันยายน 2547 12:34 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
กึกก้องเสียง ฟ้าลั่น สนั่นทุ่ง
ทั่วโค้งคุ้ง เลื่อนลั่น สนั่นไหว
ลมพัดโบก กรรโชกแรง แกว่งไม้ใบ
ปลิดปลิวไป ลอยคว้าง ตามแรงลม
ฝนรดหลั่ง สั่งฟ้า หนาแน่นฝน
ชุ่มโชกจน เนืองนอง คลองล้นหลาม
ทั้งฝนหลั่ง ฟ้าลั่น ลมซัดตาม
ประเคนคาม สู่หล้า ดูน่ากลัว
ไม้น้อยใหญ่ แกว่งกวัด ระบัดไหว
โอนเอนไป ท่ามกลาง ความสลัว
ทานทั้งฝน ต้านทั้งลม อย่างไม่กลัว
ว่าละล้ม เกลื่อนทั่ว ผืนแผ่นดิน
หลังฝนซา ฟ้าใส ลมไร้เสียง
ทุกสำเนียง คืนกลับ ลับคืนถิ่น
รุ้งคืนร่าง จากโค้งฟ้า สู่แดนดิน
ได้ยลยิน ความสวยสด ช่างงดงาม
เปรียบปานใจ ดวงหนึ่ง ซึ่งครั้งก่อน
ความร้าวรอน โศกเศร้า เข้าแบกหาม
ต้องฟันฝ่า ให้พบสุข ทุกโมงยาม
เปรียบก็ปาน ฟ้าหลังฝน ของคนคอย
8 กันยายน 2547 16:28 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ระยิบดาว บนห้วง สรวงสวรรค์
สุกสกาว พราวแสงจันทร์ อร่ามเหลือง
เดือนเคียงคู่ ดาวน้อย ที่ร้อยเรียง
โอบล้อมเคียง เดือนอยู่ คู่ราตรี
เอนอิงกาย หนุนตัก คนรักมั่น
หยอกเย้ากัน ดูดาว พราวแสงสี
อธิษฐาน ขอพร จันทร์เทวี
ให้รักนี้ คงมั่น นิรันดร
ลมหนาวพริ้ว พรมกาย ไม่ไหวหวั่น
เพราะใจนั้น อยู่ใกล้ ดวงสมร
ร้อยลมหนาว หรือคิด เข้าริดรอน
ความอบอุ่น ไม่เคยจร ออกจากกาย
แว่วสำเนียง เสียงไก่ขัน พลันผวา
แสงทองเริ่ม ทาบทา น่าใจหาย
ตื่นจากฝัน กลับพบวัน อันเดียวดาย
มองข้างกาย ไร้เงา เจ้าแอบอิง
อยากหยุดคืน แห่งฝัน อันแสนหวาน
อยากหยุดกาล แห่งราตรี และทุกสิ่ง
เพื่อเก็บเกี่ยว ความสุข เข้าซุกพิง
ให้แนบนิ่ง ในใจ ไปชั่วกาล
6 กันยายน 2547 15:18 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
เขียวต้นข้าว พริ้วไสว ในสายฝน
โอนเอนลม อ่อนลู่ ดูสดสวย
เพราะฝนพรม ประโลมไล้ ใช่ไหมเอย
เจ้าทรามเชย จึงเขียวสด ดูงดงาม
พอฝนหลั่ง สั่งฟ้า ห่าสุดท้าย
เจ้าทรามวัย ช่อจะชู ดูเกรงขาม
อร่ามเหลือง เมลืองทอง มองเมื่อยาม
แสงทองตัด ฟ้าสีคราม ยามสนธยา
ภาพติดตรา ตรึงใจ เหมือนในฝัน
หาดูได้ ไม่ทุกวัน แปลกนักหนา
ทั้งทั้งที่ อยู่ใกล้ เพียงปลายตา
กลับเหมือนว่า อยู่ไกล เกินใฝ่มอง
หรือคนเรา เฝ้าจม กับหล่มปลัก
สังคมหลัก สังคมเมือง เฟื่องสนอง
ทาสอารมณ์ ทาสกาย ที่ใฝ่ปอง
จนลืมมอง ความไสว ที่ปลายตา