18 กันยายน 2553 20:15 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ อุษาสางเคลื่อนแสงเข้าแต่งคาบ
กวาดกลบภาพราตรีลับลี้หาย
ดวงจันทร์งามเลือนดับลับแสงกราย
ดารารายผันล่วงจากสรวงแดน
งามภาพงามแห่งฝันก็พลันจบ
ทิวาลบร่องรอยของร้อยแสน-
จินตภาพเลือนหมดถูกทดแทน
ด้วยเปลือกแก่นครรลองของโลกจริง
มิอยากพบความจริงทุกสิ่งสรรค์
ด้วยวารวันโหดร้ายทำลายสิ่ง-
ที่ถักทอก่อรักหวังพักพิง
กลับถูกทิ้งถูกขว้างเพราะวางใจ
ว่าดวงมานสองเราที่เฝ้าสร้าง
จักมิร้างลากันแม้นวันไหน
ตราบสูรย์สิ้นดินหายสลายไป
จักมั่นในวาจาสัญญารัก
มาดแม้นใครผิดคำจงช้ำชอก
ปฎักตอกทิ่มทรวงให้หน่วงหนัก
อยู่ท่ามความมืดมนร้างคนภักดิ์
จึ่งสลักคำมั่นหมายสัญญา
แต่ยามนี้ใครเล่าต้องเศร้าสร้อย
รักจางรอยเลือนไปเกินไขว่หา
ใครกันหนอผิดคำจำนรรจา
สัตย์สัญญาลอยหายกับสายลม
คนผิดคำมั่นหมายลับหายสิ้น
ผลักชีวินคนอยู่คู่ขื่นขม
ดวงฤทัยห้อมล้อมด้วยตรอมตรม
เกินจักข่มล่มเจ็บที่เหน็บทรวง
คงได้แต่รอคอยวันคล้อยแสง
ราตรีแปลงคาบจับประดับสรวง
คอยดาราพร่างพรายเรียงรายดวง
เพื่อผันช่วงวันโศกของโลกจริง
คงได้แต่รอคอยวันคล้อยแสง
เพื่อทอนแรงโศกเศร้าที่เข้าสิง
หวังดวงมานล้าหนักได้พักพิง
และหยุดนิ่งในฝันอนันต์กาล๚ะ๛
16 กันยายน 2553 14:30 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ พระลบร่ำทำนองตระกองฟ้า
สุริยาเคลื่อนดวงลับห้วงหาว
เพลงราตรีเจื้อยแจ้วแกมแววดาว
ร่ำเรื่องราวทำนองแห่งท้องไพร
ทิ้งสังคมอึกทึกแลครึกโครม
ที่คอยโหมโรมรันจนหวั่นไหว
ทั้งยื้อยุดฉุดลากกระชากใจ
ติดตรึงในเสน่หามายาคน
คืนกลับสู่เถื่อนถิ่นแผ่นดินเก่า
ยามวัยเยาว์เคล้าคลุกแทบทุกหน
ท่ามขุนเขาแมกไม้หลากสายชล
ย่างย่ำจนเติบใหญ่กลางไพรพง
อยู่ท่ามสังคมเมืองที่เรืองรุ่ง
ความเฟื่องฟุ้งปรุงใจจนไหลหลง
เลือนลืมถิ่นภูผาและป่าดง
ที่ยังคงสวยสดแสนงดงาม
เพลงราตรีขับขานท่ามลานป่า
กล่อมนิทราใครหนอ??ใคร่ขอถาม
กล่อมสายชล-พฤกษ์-ภูทุกผู้นาม
หรือกล่อมคนครั่นคร้ามสงครามกรุง
ขอหลับไหลท่ามดาวที่พราวแสง
เพื่อเก็บแรงคืนเมืองที่เรืองรุ่ง
ขอแนบกายซบดินกลิ่นจรุง
ก่อนสางรุ่งเยือนย่ำเอื้อนทำนอง๚ะ๛
23 สิงหาคม 2553 18:54 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ท่ามหลับไหลยาวนานยามกาลเคลื่อน
เธอจักพบดาวเดือนเป็นเพื่อนไหม??
เธออบอุ่น-อ้างว้าง-เป็นอย่างไร??
ยืนท่ามไพรเขตเขาฤๅเนาเมือง??
เธอจักฝันถึงใครสิ่งไหนบ้าง
แสงจันทร์จางหรืองามอร่ามเหลือง
เธอโบยบินท่ามคุ้งที่รุ่งเรือง
อีกปลดเปลื้องโลก(โรค)ร้ายไปหรือยัง??
ท่ามความเงียบมืดมนมีคนอยู่
คอยเฝ้าดูตัวเธอด้วยความหวัง
เสียงกระซิบเรียกคืนเกินหมื่นครั้ง
เพื่อจักรั้งเธออยู่ดูโลกจริง
เธอ..จักตื่นคืนกลับ-หรือหลับไหล
จักมีใครกำหนดหมดทุกสิ่ง
ฤๅเพียงบุญ-มาก-น้อย-คอยประวิง
ให้เธอนิ่ง - ฤๅฟื้นท่ามคืนกราย๚ะ๛
16 สิงหาคม 2553 12:57 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ สายฝนยังกางม่านท่ามลานหล้า
แม้นทิวาขับคาบขึ้นทาบสรวง
แต่คงยังไร้สูรย์จำรูญดวง
ไขแสงล่วงทอทาบลงอาบไพร
ขุนเขาดูหม่นเศร้าท่ามเงาฝน
เมฆเบื้องบนลอยลู่ห่มภูใหญ่
ดั่งกลัวแสงสุริยาจักคลาไคล
ต้องพงไพรคลายม่านวสันต์เลือน
ก็คงเพียงช่วงหนึ่งซึ่งตรึงขอบ
ม่านฝนครอบเมืองแมนแลแดนเถื่อน
ยามราตรีร้างพราวของดาวเดือน
อุษาเลื่อนช่วงสางของกลางวัน
คราฟ้าฝนสิ้นสายลงกรายภพ
แสงทองสบพงไพรไม่แปรผัน
สิ้นทิวา - ราตรีเริ่มคลี่จันทร์
ยังตรงมั่นเฉกเช่นเคยเป็นมา
แต่มีหนึ่งซึ่งยังกักขังอยู่
แม้นสางตรู่เยือนย่ำพลบค่ำหา-
ลับพ้นจากหล่มธารกาลเวลา
เศร้ายังคาเคียงชิดนิจนิรันดร์
แม้นม่านฝนพ้นผ่านไปนานแล้ว
ก็ไร้แววคลายทุกข์สบสุขสันต์
ฤๅเพรงกรรมล้อมรุมเข้ากุมกัน
ให้สบวันสบคืนความขื่นใจ
หากเช่นนั้นจำยอมแลน้อมรับ
เคียงคู่กับพันธนามิปราศัย
เถิดรัดตรึงขึงขอบรายรอบไป
ห่มห้อมใจมืดบอดตลอดกาล ๚ะ๛
1 สิงหาคม 2553 12:26 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เมื่อสิ้นเยื่อขาดใยหมดใจจาก-
รักเคยฝากฝังทรวงมิห่วงหา
รอยอาลัยกลายแล้วในแววตา
คำสัญญาเลือนหายดั่งสายลม
ธรรมดาเรื่องรักพบ - พรากจาก
ทำใจยากบางคืนช่วงขื่นขม
ทุกวารวันห้อมล้อมด้วยตรอมตรม
โศกระทมเคียงข้างมิร้างลา
จำรับผลแห่งรักแม้นหนักอึ้ง
ปานประหนึ่งสวมแอกแบกภูผา
เฝ้ารอคอยผ่านผันพันธนา
แม้นรู้ว่ายาวนานสักปานใด
เมื่อสิ้นแล้วดวงมานเคยหวานชื่น
ก็โปรดคืนเถิดหนอขอได้ไหม
ขอพื้นที่ตนตัวและหัวใจ
ที่มอบไว้ให้เธอเสมอมา ๚ะ๛