26 กรกฎาคม 2554 08:31 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ คมเวลาบาดเกี่ยวทุกเสี้ยวส่วน
รอยแผลล้วนมากล้ำเกินคำขาน
ช่วงบาดเจ็บเหน็บหนาวแสนยาวนาน
ยากฝ่าผ่านขวากขวางกั้นกลางใจ
เหลือเพียงเสี้ยวเศษรักปรักซาก
คอยถางถากดวงมนเกินทนไหว
คำว่า " รัก " ค่าล้ำน้ำคำใคร
แล้วไฉนเฉือนจิตแทบปลิดปลง
ด้วยดวงมานมิเหลือเผื่อใครอีก
ยามรักฉีกยับยุ่ยเป็นผุยผง
เกินทานเจ็บให้ผ่อนแรงรอนลง
เหลือเพียงคงซากร่างอยู่กลางดิน
ฝนรินหลั่งพรั่งพรูจวบตรู่สาง
เอ่อท้นกลางลำแควกระแสสินธุ์
เปรียบดุจน้ำนัยน์ตาที่บ่าริน
ล้นท่วมสิ้นทุกอย่าง ณ กลางทรวง
กี่นับนานรักเอยที่เคยหวัง
จักโน้มฝั่งดินแดนจรดแมนสรวง
กี่บาดเจ็บเหน็บหนาวรานร้าวดวง-
ฤดีจักหลุดล่วงพ้นบ่วงบรรพ์-
บาปวาดวงขีดทางให้ย่างย่ำ
ด้วยลำนำแห่งวัฎกรรมคัดสรร
ตราบมิสิ้นฤทธิ์โกรธแห่งโทษทัณฑ์
จำสบวันเวลาแห่งปราชัย
ศิโรราบต่อทัณฑ์มิผันผ่อน
ทุกบทตอนแม้นหนักแทบตักษัย
แต่คำนึงยังย้ำถ้อยคำใคร??
" รัก"ยิ่งใหญ่ไยพรากเหลือ..ซากคำ๚ะ๛
9 กรกฎาคม 2554 07:57 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หวนมาบรรจบแล้ว.................อีกครา
วันที่เก้ากรกฏา.........................ศกแก้ว
เชิญมิตรร่วมรจนา....................สาส์นส่ง
มอบแด่ผู้เพริศแพร้ว.................ชื่อนั้นอัลมิตรา๚
๏ น้อมจิตบริสุทธิ์ตั้ง...................อวยชัย
พุทธองค์ผู้เกริกไกร..................ปกป้อง
พระธรรมสถิตย์ใจ.................... เสมออยู่ แม่เอย
คุณพระสงฆ์ครอบคล้อง..............จิตให้วัฒนา๚
๏ มวลพรหมเทพแห่งฟ้า.............เมืองแมน
ดุสิตสวรรค์แดน..........................เหล่าไท้
โปรดจงร่วมสวดแสน..................บริบท พรเอย
พิสุทธิ์มงคลให้............................แม่เนื้อนาบุญ๚
๏ จงมากทรัพย์เปี่ยมล้น..............บารมี
ลาภเพิ่มพูนทวี............................ยิ่งล้ำ
ฐานะพรั่งพร้อมศรี......................เกียรติก่อ
ยศศักดิ์ดำรงค้ำ..........................เหล่าพ้องวงศ์วาร๚
๏ มีกายใจเปี่ยมล้น.....................สดใส
ปราศสิ่งโรคาภัย.........................ห่มห้อม
มาดหวังมุ่งการใด.......................สมดั่ง จินต์เอย
สุขเกษมสันต์พร้อม.....................ชั่วฟ้าดินสลาย๚ะ๛
..๏ อยากเรียงร้อยถ้อยคำจำนรรจ์พจน์
วจีหมดโลกหล้ามหาศาล
ยากเอื้อนเอ่ยให้เจ้าเยาวมาลย์
ในสื่อสารจากห้วงของดวงใจ
มีเพียงคำอวยพรบทกลอนนี้
อีกวจีแสนเชยคุ้นเคยไหม??
" จงพบสุขไร้เศร้าแลเหงาใจ
ตลอดไปพานพบสบโชคดี
คิดและหวังการใดทั้งใหญ่น้อย
จงเรียบร้อยสมปองมิหมองศรี
อุปสรรคภัยพาลรานราวี
ขอความดีชนะผ่านมารผจญ "
ขอพระพุทธพระธรรมหนุนนำจิต
โคมชีวิตสว่างแจ้งทุกแห่งหน
เป็นแสงงามสาดส่องมวลผองชน
มิขัดสนคนศรัทธาแม้นคราใด
เพียงถ้อยคำธรรมดานำมากล่าว
มิงดงามพร่างพราวดุจดาวไสว
นั่นคือสิ่งกลั่นกรองจากห้องใจ
หมายมอบไว้แด่นามนั้น " อัลมิตรา " ๚ะ๛
22 มิถุนายน 2554 16:05 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หลากมวลมาลย์บานช่อหยอกล้อฝน
บ้างร่วงหล่นปลิดปลิวเป็นทิวแถว
ยามลมโชยพลิ้วพัดระบัดแนว-
ต้นดอกแก้วเอนลู่พร้อมหมู่มาลย์
พยับเมฆเทาหม่นเสกฝนหลั่ง
สายฟ้าดังกึกก้องร้องประสาน
คาบราตรีร้างดาวดูยาวนาน
กว่าจักผ่านคืนหม่นของคนไพร
**ดอกพุดซ้อนซ้อนช่อขึ้นรอเช้า**
ดั่งคนเหงาคอยหาฟากฟ้าใส
**หลอมละมุนอุ่นเอื้อคล้องเยื่อใย**
จากกรุงไกลถึงพนาตั้งตาคอย
ยามแสงสางย่างเยือนสู่เถื่อนถิ่น
รานหม่นสิ้นคืนเศร้าและเหงาหงอย
ดั่งอาทรข้ามฟ้าสู่ป่าดอย
เข้าเรียงร้อยโอบอุ่นละมุนมาน
เหลือเพียงกายเท่านั้นถูกคั่นเขต
ด้วยนิเวศน์แสนห่างต่างสถาน
เพียงเรือนใจเคียงเจ้าเยาวมาลย์
หวังวันผ่านเดือนล่องได้ครองกัน
วันเดือนปีล่วงลับกับสมัย
เยื่อสายใยมั่นแท้มิแปรผัน
เกี่ยวกระหวัดฤดีสองชีวัน
สถิตย์มั่นตราบสิ้นแผ่นดินเดิน
วอนเทพไท้เรืองฤทธิ์อย่าปิดกั้น
ร่นคืนวันโน้มฟ้าสบป่าเถิน
ให้เรียมขวัญร่วมทางสร้างดำเนิน
พร้อมเผชิญความสุขไปทุกกาล ๚ะ๛
13 มิถุนายน 2554 16:37 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ดุจช่วงกาลนานเนิ่นคราเดินฝ่า
ท่ามมรรคาของจิตต้องพิษศร-
รัก,ปักตรึงชีวาตม์แทบขาดรอน
เกินถอดถอนผ่อนเจ็บที่เหน็บมาน
เพียงลำพังท่ามวารที่ผ่านลับ
เหมือนมืดดับพลังสิ้นสังขาร
เหลือเพียงเศษซากร่างอยู่กลางกาล
ทรมานเกินร่ำความคำใด
**เลือนลงแล้ว..แสงหวังที่ปลั่งปราบ
จินตนภาพพรากขวัญจนหวั่นไหว
มิอาจตัดแรงถวิลให้สิ้นไป
จึงฝังใจทั้งดวงสู่ห้วงรอ**
นานนับนานเพียงใดมิใคร่รู้
เพียงทนอยู่ทนเป็นเช่นนี้หนอ
เส้นทางฝันแห่งรักเคยถักทอ
ยากสานก่อต่อหวังอันพังภินท์
เพียงเงื้อมเงาเศร้าคลอพะนอชิด
ซากชีวิตรอแค่กระแสสินธุ์
พัดพาร่างจมหายสลายจินต์
คืนชีวินลับล่วงห้วงอนันต์
ก่อนปราศสิ้นวิญญานขอขานฝาก
หนึ่งพจน์พากย์แนบวาง ณ ทางฝัน
หากเราสองร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
" รัก " คำนั้นสถิตย์อยู่มิรู้เลือน๚ะ๛
10 มิถุนายน 2554 19:44 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ บ้านหลังน้อยมากมายในน้ำมิตร
ร่วมลิขิตกลกลอนอักษรศิลป์
บทประพันธ์กรองกลั่นคั้นจากจินต์
มิล่มสิ้นวรรณกรรมล้ำค่าไทย
แม้นเวลาเปลี่ยนผันจากกวันก่อน
บางช่วงตอนลับล่มจมสมัย
กี่คนครูล่วงลับดับแสงไป
แต่หาไร้ผู้สืบสานงานกวี
มวลมิ่งมิตรมากมายในบ้านน้อย
ที่ยังคอยแต่งเติมเพิ่มแสงสี
ทั้งโคลงกลอนกาพย์ฉันท์บรรดามี
ล้วนสิ่งที่ด้วยใจไร้มารยา
แม้นมิใช่บรมครูผู้ล้ำเลิศ
แต่ก็เกิดตามจินต์ถวิลหา
แม้นยังด้อยความหมายในอักษรา
แต่คุณค่าคือใจใฝ่เขียนงาน
ขอขอบคุณบ้านกลอนไทย...จากใจนี้
สิบสองปีหยัดยืนและสืบสาน-
วรรณกรรมมิหายกับสายกาล
จงหยัดยืนยาวนาน...ตราบนิรันดร์๚ะ๛