8 มีนาคม 2555 14:39 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ฟากสรวงแดนแสนห่างจากกลางเถื่อน
มองดาวเดือนโพ้นฟ้าสุดตาเหลียว
ฤๅโทษแถนปางบรรพ์ยังฝั้นเกลียว
เกินโน้มเกี่ยวเถื่อน-สรวงคล้องพ่วงกัน
เพียงสายใยอาทรแทรกซอนอยู่
ทุกอณูดวงแดมิแปรผัน
เกลียวฝั้นสองดวงมานนานนิรันดร์
ป้องปกขวัญดวงใจด้วยไมตรี
ช่วงคาบแห่งหนาวลมใกล้ล่มแล้ว
ต้นดอกแก้วรานงามจนทรามสี
ยามดอกใบหล่นร่วง..ห้วงฤดี
หวั่นในที..กลัวรักจะหักราน
ครายามยลพจน์ถ้อยที่ร้อยพากย์
เจ้าจารฝากความคำลำนำสาส์น
ที่ไหวหวั่นกลางห้วงของดวงมาน
ก็พ้นผ่านลับล่วงจากทรวงใน
แม้มีบ้างบางคืนสะอื้นอั้น
จำกลืนกลั้นน้ำตามิบ่าไหล
เฝ้านับคืนนับวันที่ผันไป
หวังถอนไถ่ปลดเปลื้องทัณฑ์เบื้องบน
**ขอฝากสายลมร่ำแห่งค่ำนี้
พาไมตรีเคลื่อนผ่านข้ามลานหน
หอบหวานชื่นแผ่ระนาบโอบทาบมน
จากอกคนกรุงไกรสู่ไพรวัน**
ระลอกลมพลบค่ำพลิ้วรำร่าย
กิ่งแก้วส่ายก้านใบดูไหวสั่น
ดอกสุดท้ายเบ่งบานบนลานจันทร์
ก่อนถึงวันรุ่งเช้าจักเฉางาม
แต่ดอกรักเบ่งบานเต็มลานป่า
ด้วยลมพาห่วงใยคอยไถ่ถาม
จากกรุงไกรข้ามฝั่งมารั้งความ
ทุกโมงยามอาทร ร้อน ฤๅ เย็น
ผ่านช่วงกาลลมหนาวอีกคราวหนึ่ง
แต่หวานซึ้งอักษราทุกคราเห็น
ยังบ่งบอกความเผยดั่งเคยเป็น
มิซ่อนเร้นเงื่อนงำแม้นคำใด
เช้าเคยฉ่ำย่ำกรายด้วยสายหมอก
น้ำค้างหยอกยอดแก้ววาวแววใส
นับจากนี้คงผ่านล่วงกาลไกล
หมุนเวียนไปตามห้วงของช่วงกาล
ที่รักของคนไกล
นานเพียงไหนคงยังรั้งประสาน
เยื่อใยแห่งสองเราให้ยาวนาน
แม้จบปราณวางวาย..ยังหมายครอง๚ะ๛
9 กุมภาพันธ์ 2555 11:35 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ดาริกาพร่างพราวท่ามราวสรวง
หากหนึ่งดวงเปรียบ " รัก " แทนอักษร
ท่ามไพศาลแห่งคำท่วมอัมพร
เพียงหนึ่งตอนแห่งรักอักษรา
มวลสุมาลย์บานช่อล้อลมหนาว
เบ่งบานพราวท่ามดงพงพฤกษา
เทียบ "คิดถึง"ห่วงใยคนไกลตา
ก็เกินกว่าสลักสาส์นบนบานใบ
"คะนึงหา"รัดล่ามทุกยามย่าง
อุษาสางตราบพลบกลบแสงใส
ห้วงอนันต์ยาวนานสักปานใด
ยังตรึงในห้องทรวงทุกช่วงกาล
ป่าเหนือเริ่มจางหายริ้วสายหมอก
คล้ายบ่งบอกความคำลำนำสาส์น
นับแต่นี้ลมหนาวที่ยาวนาน
จักพ้นผ่านเถื่อนถิ่นจนสิ้นรอย
แม้นสายกาลผ่านวนเปลี่ยนหนห้วง
ทุกคาบช่วงโศกเศร้าและเหงาหงอย
มิเคยโลมไล้พงทาบดงดอย
ด้วยเรียมคอยโอบอุ่นละมุนทรวง
ลมหนาวลาเถื่อน-กรุงครารุ่งสาง
ม่านหมอกจางลับแคว้นลาแดนสรวง
หวังโอบอุ่นดวงมนปราศกลลวง
มิผันล่วงตามกาลที่ผ่านไกล
ทุกเศษเสี้ยวดวงขวัญผูกพันน้อง
เกินกู่ก้องร้องร่ำความคำไหน
พรรณนาความรักประจักษ์ใจ
ได้ยิ่งใหญ่เลิศล้ำกว่าคำ "รัก" ๚ะ๛
30 มกราคม 2555 21:09 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หลากร้อยบทอักษราภาษาศิลป์
ท่ามแผ่นดินมากล้นให้ค้นหา
จักหวานล้ำคำสรรจำนรรจ์จา
ฤๅเข่นฆ่าด้วยพากย์หาก..อยากกรอง
บ้านกลอนไทยนามนี้ก็ชี้ชัด
ลานบ้านจัดเพื่อชนคนทั้งผอง
อวดลีลาร่ายรำสร้างทำนอง
ทั้งร้อยกรอง..โคลง..ฉันท์..หากหมั่นเพียร
เฝ้าแวะเวียนทักทายมิตรหลายหน้า
ผ่านเวลาเนิ่นนานหลากงานเขียน
ได้พบพานหลากพจน์นอกบทเรียน
ค่อยปรับเปลี่ยนเพื่อสร้างแนวทางกลอน
เวลาเปลี่ยนคนแปรกระแสผ่าน
งานเคยอ่านเคยดูเป็นครูสอน
ก็แปรเปลี่ยนมธุรสทุกบทตอน
เป็นยอกย้อน..ถางถากออกจากจินต์
มิอาจห้ามตามจิตลิขิตถ้อย
เพียงคนน้อยเฝ้าอ่านทุกงานศิลป์
หวั่นเพียงหนึ่งถ้อยความเมื่อยามยิน
บั่นมิตรสิ้น...เคืองขัดเป็นศัตรู
อยากจักเห็นลานบ้านยามผ่านเยี่ยม
ร้างความเสี้ยมคำคดให้อดสู
หลากเพื่อนพ้องมิเว้น..ยกเป็นครู
โปรดตรองดู..สักนิด..ก่อนคิดเคือง๚ะ๛
15 มกราคม 2555 12:06 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เรือลำเก่ากร่อนผุอายุมาก
ล่องข้ามฟากไป-กลับเกินนับไหว
จากฝั่งโน้นส่งฝั่งนี้ทุกปีไป
ด้วยหัวใจเมตตาและอารี
มากมายคนพึ่งพาและอาศัย
ส่งด้วยใจด้วยรักและศักดิ์ศรี
คืออาชีพเรือจ้างกลางนที
หล่อชีวีหลอมจิตลิขิตตน
กี่มากน้อยถึงฝั่งยังฟากท่า
เดินลับตาไกลห่างท่ามกลางหน
ทิ้งเรือเก่าเคว้งคว้างอยู่กลางชล
สักกี่คนย้อนมาหาลำเรือ
หลากใบหน้ามิซ้ำนามจำได้
ช่วงยาวไกลบนทางถือหางเสือ
ประคองคนหลายรุ่นและจุนเจือ
หวังเพียงเพื่อถึงฝั่งที่หวังกัน
เรือลำเก่ากร่อนผุอายุมาก
ฝีพายอยากทำตามหนึ่งความฝัน
หากวันหนึ่งลาลับกับคืนวัน
ไม้เรือนั้นสร้างท่าน้ำ..รอลำเรือ๚ะ๛
12 มกราคม 2555 15:50 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพรงบุพเพคงวาสน์เรื่องชาติภพ
แต่ยังสบทัณฑ์แถนอย่างแน่นเหนียว
อีกคำสาปบาปบรรพ์ยังฝั้นเกลียว
เข้าหน่วงเหนี่ยวพรากทรวงท่ามช่วงกาล
วงกรรมแห่งโทษายากฝ่าฝืน
วันจรดคืนหมายจักเข้าหักหาญ
กลับถูกขวากแทงทิ่มตอกลิ่มมาน
เกินทัดทานทอนแรงที่แปลงทัณฑ์
จำตกห้วงหุบเหวของเรียวบาป
ต้องคำสาปในโลกความโศกศัลย์
ตราบรอยวาสน์เกื้อหนุนจากบุญบรรพ์
เข้าคลายฝั้นเกลียววัฎที่มัดทรวง
ม่านพิรุณยังครองทั่วท้องป่า
ดั่งขึงคาม่านหม่นจรดบนสรวง
ร้างดาวเดือนแจ่มใสวิไลดวง
ทุกคาบช่วงเยียบเย็นมิเว้นวาย
**พุดซ้อนขาวผลิแย้มแต่งแต้มถิ่น
ส่งกลิ่นหอมรวยรินไม่สิ้นสาย
อีกไม่นานผ่านคล้อยก็พลอยคลาย
พร้อมกลีบรายโปรยร่วงซบทรวงดิน**
หวังเพรงกรรมที่ยุดเฉกพุดซ้อน
จักคลายคลอนย้ายยกและผกผิน
รอนโทษาฤทธิ์แรงแห่งพรหมินทร์
เลือนลบสิ้นมิก่อแตกหน่อทัณฑ์
มวลสุมาลย์ดาษดอยดูหงอยเหงา
ใต้เงื้อมเงาโปรยปรายสายวสันต์
คล้ายร่วมรับคำสาปของบาปบรรพ์
ที่ขวางคั่นวิถีสองชีวา
ความคิดถึงบ่าไหลจากใจพี่
ทบทวีล้นหลากมากนักหนา
แต่ทัณฑ์แถนแรงฤทธิ์..อนิจจา
เกินหักฝ่าวงล้อมต้องยอมทน
หากบุพเพปางบรรพ์ยังปั้นแต่ง
รอโทษแห่งพรหมินทร์นั้นสิ้นผล
นานเพียงไหนทุกช่วงแห่งดวงมน
ยังเปี่ยมล้นเสน่หา..และอาลัย๚ะ๛