26 ตุลาคม 2548 11:07 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ยามความเหงารุกล้ำเข้าซ้ำซ้อน
รักถูกซ่อนหนใดเฝ้าใฝ่หา
เคยชื่นชมดมดอมหอมผกา
กลับร้างลาลับหายไปจากกัน
หนึ่งหัวใจเหว่ว้าคราคืนหมอง
เพียงเศร้าครองทรวงในให้โศกศัลย์
ตำนานรักเร้นหลบคราจบวัน
ตำนานฝันเลื่อนลับกับราตรี
กอดคำมั่นสัญญาน่าสงสาร
ฝันวันวานเหือดหายมลายหนี
วิมานรักวาดหวังสร้างชีวี
เพียงฤดีที่รวดร้าวเศร้าลำพัง
จำฝืนตนทนรับนับรอยแผล
ไร้คนแลจมปลักกับความหลัง
ทั้งขื่นขมรุกเร้าเข้าประดัง
เกินหยุดยั้งจำหยัดกายท้าทายมัน
เมื่อสลัดตัดไม่ได้ในความโศก
เหมือนแบกโลกหนักหน่วงคอยถ่วงฝัน
เฉกวิหคบินหมื่นลี้เร่งหนีพลัน
เผื่อพ้นความโศกศัลย์ในวันคอย๚ะ๛
20 ตุลาคม 2548 11:55 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หมอกบางน้ำค้างใส.......................หนึ่งหัวใจที่คอยเคียง
รอร้อยสร้อยสำเนียง........................ขับขานเสียงแห่งฝันเรา
จากลาเมื่อคราก่อน..........................ยามนึกย้อนแสนสุดเหงา
โศกหมองครองเป็นเงา.....................มิบางเบาแม้นยามใดฯ
๏ ยามนอนสะอื้นอั้น.........................ยากจะกลั้นหยดน้ำใส
ท่วมขังยังหัวใจ................................จนหลั่งไหลที่ปลายตา
ด้วยจิตพิสวาส.................................ถูกบากบาดเกินรักษา
เจ็บกายหลายโรคา...........................มิเจ็บกว่ายามห่างกันฯ
๏ วารคืนที่ลับล่วง............................ให้หวงห่วงจนโศกศัลย์
เพียรเฝ้านับเงาจันทร์.....................ที่ผ่านผันของคืนคอย
ราตรีที่เงียบเหงา.............................หนึ่งคนเฝ้าหาเจ้ากลอย
สัญญาอย่าเลื่อนลอย........................ลืมคนคอยที่กลางไพรฯ
๏ หมอกบางน้ำค้างพรม...................วอนสายลมหอบรักไป
โอบเอื้อเกื้อคนไกล.........................อย่าหวั่นไหวนะคนดี
คนไกลที่ปลายฟ้า............................รอเวลามานานปี
ตราบจน ณ วันนี้.............................ดวงฤดียังรักเธอ๚ะ๛
11 ตุลาคม 2548 07:42 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ร้อยลำนำอักษรผ่านกลอนสวย
ปรุงแต่งด้วยหัวใจใส่งานศิลป์
ด้วยมีจิตมิตรภาพตราบฟ้าดิน
มิสูญสิ้นศรัทธาแม้คราใด
ร่ายกลอนรักแว่วหวานเพื่อสานฝัน
พลอดรำพันจนจิตคิดสั่นไหว
คำห่วงหาอาทรแทรกซอนใจ
ร้อยเรียงนัยเสน่หาเพิ่มค่ารัก
ยามกลอนเศร้าขื่นขมก็ตรมแสน
โศกถึงแก่นหม่นใจให้ประจักษ์
ร้อยทำนองตรอมตรมเกินข่มนัก
ดั่งจมปลักว่ายวนกลน้ำตา
กลอนปรัชญาตัวอย่างทางชีวิต
หล่อหลอมจิตนักสู้แห่งภูผา
ส่วนกลอนธรรมก็เน้นเห็นอนัตตา
ล้วนล้ำค่าทุกตอนสอนชีวิน
กลอนเสียดสีมีบ้างเป็นบางครั้ง
เพื่อยับยั้งสิ่งปลอมจอมปล้อนปลิ้น
ใสว่าดำกระด่างอำพรางจินต์
หรือเล่นลิ้นปกปิดจริตตน
หลากอารมณ์ชิ้นงานจารอักษร
สื่อสะท้อนจากใจไม่สับสน
ด้วยวิญญาณ์นักประพันธ์บันดาลดล
ในกมลจึงสรรสร้างอย่างตั้งใจ๚ะ๛
6 ตุลาคม 2548 15:03 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หลากเรื่องราวคละเคล้า...................ชีวา
ดุจดั่งพรางมายา................................ดักแร้ว
สุขสันต์ใฝ่เพลินหา............................กกกอด
ยามจ่อมทุกข์มิแคล้ว.........................เอ่ยอ้างชะตาฯ
๏ มากมายหลายหมู่ล้อม.....................กายตน
เสริมแต่งแข่งริษยาจน.......................เร่าร้อน
บ้างเบียดบีฑาคน................................ลับร่วง
หลากความสลับซับซ้อน.......... ............มนุษย์นี้ปนเปฯ
๏ ขอจรลาจากแล้ว..............................บินไกล
บทบาทอีกความนัย.............................ซ่อนซ้อน
หลากเรื่องปลดปลงไป.........................จากจิต
ล่องล่วงจักมิย้อน.................................เกลือกกลั้วมายาฯ
๏ โดดเดี่ยวในไพรกว้าง.....................เดียวดาย
ไร้เล่ห์เพทุบาย........... .......................สุขล้น
คราคืนค่ำเอนกาย...............................พักผ่อน
ยามรุ่งมุ่งบินพ้น...................................สู่ห้วงฟ้าไกล๚ะ๛
4 ตุลาคม 2548 09:36 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ฟ้าร้างดาวคราวฝนหล่นอาบหล้า
มวลเมฆามืดหม่นบนแดนสรวง
อสนีบาตก้องร้องลั่นทรวง
เพ็ญเด่นดวงแรมลับดับแสงเพ็ญ
คืนอ้างว้างคลี่คลุมกุมหัวอก
แสนวิตกทรวงในใครจักเห็น
ล้านห่วงใยเคยมอบปลอบเช้าเย็น
กลับถูกเร้นลืมเลือนบิดเบือนไป
หากอาทรก่อนเก่าที่เฝ้าปลอบ
ไออุ่นมอบเอื้อกันคราหวั่นไหว
เพียงละครซ่อนปมระทมใจ
ขอได้ไหมส่งกลับมาอย่ารอรี
แม้นความรักด้อยค่าราคาต่ำ
อย่าเหยียบย่ำหัวใจให้หมองศรี
หากสัมพันธ์มั่นรักภักดิ์ฤดี
อยากหน่ายหนีขอเอื้อนบอกจักขอบใจ
ฟ้าร้างดาวคราวฝนหล่นอาบหล้า
ม่านน้ำตาก่อร่างหยาดบางใส
รินรินหลั่งท่วมท้นล้นทรวงใน
อาบหัวใจที่ทดท้อทรมาน๚ะ๛