8 ธันวาคม 2549 16:25 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ ปล่อยเรื่องราวร้ายร้ายเลือนหายสิ้น
เฉกธารรินไหลเลยมิเคยหวน
ความทรงจำหลอกหลอนมิย้อนทวน
ทุกเสี้ยวส่วนถางถากออกจากใจ
เมื่อเยื่อใยไมตรีลับลี้สูญ
มิเพิ่มพูนคุณค่าแม้นคราไหน
เพียงลมปากฝากลมพริ้วพรมไป
มีค่าใด?ให้จำเป็นตำนาน
รักษารอยบาดแผลความแพ้พ่าย
หลอมละลายน้ำตาเพื่อกล้าหาญ
วันคืนยังล่องไหลสุดสายกาล
ทรมานหัวใจทำไมกัน?
ปล่อยเรื่องราวร้ายร้ายละลายร่าง
ลบเงาจางจากโลกความโศกศัลย์
ในอ้อมกอดขุนเขาและเงาจันทร์
ยังมีฝันหลายหลากรอถากทาง๚ะ๛
15 พฤศจิกายน 2549 17:48 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ อุ่นแดดสายกรายผิวไล่ริ้วหนาว
สายหมอกขาวลับร่างเลือนห่างหาย
หยาดน้ำค้างพร่างพราวดุจดาวราย
ก่อนลับวายลาวันพร้อมจันทรา
เหลือเพียงริ้วรอยแต้มบนแก้มดอก
คล้ายบ่งบอกความนัยอาลัยหา
รอสูรย์คล้อยลอยลับดับทิวา
จักกลับมารับขวัญอย่างบรรจง
อย่าเอนไหวไล้ลมที่ห่มห้อม
อีกภมรดมดอมอย่ายอมหลง
กลีบบอบบางจักช้ำเมื่อค่ำลง
ขอมั่นคงรอคอยอย่าน้อยใจ
อุ่นแดดสายกรายผิวไล่ริ้วหนาว
น้ำค้างพราวล้อเล็ดแสงเก็จใส
เอ่ยอำลามาลีหลากสีไป
แล้วจักหวนมาใหม่ไล้แก้มงาม๚ะ๛
13 พฤศจิกายน 2549 13:06 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ เพียรถักถ้อยร้อยคำจำนรรค์พากย์
กรองกลั่นจากหัวใจคนไพรถิ่น
หวังคนกรุงเมืองไกลเขาได้ยิน
คราฝนสิ้นหนาวเยือนเหมือนปีกลาย
หนาวน้ำค้างสางรุ่งสาวกรุงเอ๋ย
อย่าละเลยเฉยชามาห่างหาย
อ้อมกอดอุ่นคุ้นเคยโอบเกยกาย
ยังมิวายเสน่หาติดตราตรึง
หนาวน้ำตาคราเหงาเข้ารุกล้ำ
ทนเก็บงำกักพิษความคิดถึง
แสนอาลัยในรักยากฉุดดึง
ความคำนึงกลั่นหยดร่วงรดริน
หากสาวกรุงคนไกลได้ยินถ้อย
คนไพรร้อยกำสรดจนหมดสิ้น
ทุกความคำมิหลอกออกจากจินต์
ยังถวิลถึงนงรามทุกยามไป๚ะ๛
3 พฤศจิกายน 2549 04:22 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ ลมหนาวแรกแทรกร่างท่ามกลางเขา
หมอกบางเบาไล้ลอยห่มดอยใหญ่
ยามหนาวลมห่มฟ้าทุกคราไป
ลึกสุดใจเหว่ว้าแสนอาวรณ์
น้ำค้างแรกแทรกร่างอยู่กลางป่า
เหมือนน้ำตาคนไพรรินไล้หมอน
ฤๅเสน่หาอาลัยคล้ายขาดรอน
เกินเร้นซ่อนหยาดหยดจึ่งรดริน
ยิ่งคราเดือนเคลื่อนคล้อยจะลอยลับ
เศร้าพลันจับเฉือนใจให้ขาดวิ่น
เพียรถักถ้อยร้อยพากย์ออกจากจินต์
หวังเขายินสักน้อยเราร้อยเรียง
หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นร่ำ
เพียงลำนำพร่ำไปไร้สรรพเสียง
หมอกห่มดอยคอยน้ำค้างทอร่างเคียง
เรามีเพียงหยดน้ำไสไล้ดวงตา๚ะ๛
13 ตุลาคม 2549 14:34 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ ท่ามสายธารเนืองนองที่ล่องไหล
และหัวใจเสมือนลางเลือนฝัน
พันราตรีอับเฉาใต้เงาจันทร์
จิตโศกศัลย์นำถ้อยร่ายร้อยเรียง
บนความชัง-ความเกลียด-ถูกเหยียบย่ำ
ขอขับช้ำร้าวรานกังวานเสียง
ณ ภูผาเป็นทำนองเศร้าคล้องเคียง
แมกไม้เยี่ยงกำสรดสลดเพลง
แผ่วพลิ้วพัดพระพายมิวายพรั่น
ข้าฯ สูญขวัญหมองหม่นคนข่มเหง
แว่วหวีดหวิวพฤกษ์ไพรคล้ายบรรเลง
แสนวังเวงวูบไหวหัวใจตน
ท่ามสายธารเนืองนองที่ล่องไหล
ข้าฯ ยากไร้อ่อนล้ากว่าทุกหน
ปราศที่พึ่งพักใจให้ทุรน
อ้างว้างจนความเศร้าเข้าครอบงำ ๚ะ๛