17 พฤษภาคม 2551 00:33 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพียงแค่ฝันวันเหงาที่เฝ้าฝัน
เพียงผูกพันเลื่อนลอยให้คอยหา
เพียงอาลัยแล้งแล้วในแววตา
เพียงเวลาผ่านภพแล้วลบเลือน
ในสำนึกสำเนียกเรียกร้องร่ำ
ด้วยลำนำช้ำใจหาใครเหมือน
ดั่งกระต่ายสอยสาวคว้าดาวเดือน
เฉกคนเถื่อนหมายข้างนางพญา
ลืมเจียมตนคนไพรให้อดสู
ลืมมองดูอำนาจ-วาสนา
ด้อยเพียงดินสิ้นไร้ในเงินตรา
บังอาจมาคว้าไขว่ท่ามสายลม
เพียงแค่ฝันวันเหงาเพียรเฝ้าฝัน
แม้นผูกพันปนทุกข์มิสุขสม
แม้นอาลัยคลุกเคล้าเศร้าระทม
แม้นตรอมตรมสุดกลืนกล้ำ...ยอมช้ำใจ...๚ะ๛
19 มีนาคม 2551 10:01 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เราอาจยังชีพไว้....................ควรฤๅ
วอนเทพธรณีถือ.......................สัตย์ข้า ฯ
แหวนหนึ่งซึ่งควรครือ*.............ดัชนีแม่
นพรัตนคุณหม้า*......................ดุจอ้างภักดิ์เสมอ๚
๏ ตราบดินตราบฟ้าล่ม..............มลายสูรย์
ปราศภพปราศธรณีบูร..............โลกตั้ง
จิตภักดิ์จิตเกื้อกูล.......................เสมอมั่น
อุบัติอุทิศรั้ง.............................มาตรใกล้ดวงสมร๚
๏ ธำมรงค์ทองเพริศแพร้ว.......ผ่านสมัย
ความรักจักอุปไมย....................ดั่งนั้น
ฝากเทพธรณีไผท.....................เพ่งทิพย์-ญาณเทอญ
เราจักคงหมายหมั้น...................หากย้อนปฏิสนธิ์๚
๏ นางใดแม้นชื่อนั้น..................อัลมิตรา
เราจักมั่นสิเหน่หา.....................ห่อนร้าง
ทวยเทพทั่วโลกา......................ฟังสัตย์ เราเทอญ
อุบัติจักปรารถน์อ้าง..................ชื่นด้วยเยาวมาลย์๚
๏ แผกภพผันโลกแล้ว................จิตหวัง
หวนครอบครองแหวนดัง...........ก่อนครั้น
จิตภักดิ์จิตยังหวัง-....................เคียงคู่ - แม่นา
แหวนที่นิ้วนางนั้น.....................เพริศแพร้วดังเดิม๚
๏ อธิฐานพานอื่นแม้..................อรชร
ปราศจิตปฏิพัทธ์วอน................แนบเนื้อ
พระแพงเพื่อนอัปสร.................ไป่เทียบ อนงค์แม่
จิตมั่นปรารถน์โอบเอื้อ...............แต่เจ้าอัลมิตรา๚ะ๛
12 กุมภาพันธ์ 2551 12:23 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ริ้วลมหนาวคลี่คลายจางหายแล้ว
วับแวมแววน้ำค้างเลือนรางแสง
หมอกเคยหม่นบนภูดูเปลี่ยนแปลง
ฤดูแห่งเหมันต์เริ่มผันลา
ไพรบรรเลงเพลงเศร้ายามเช้าเริ่ม
น้ำค้างเติมหยาดแต้มแก้มบุปผา
นกเขาไพรจับนิ่งกิ่งเพกา
เพลงพนาช่างหงอยเหงาเคล้าอรุณ
มองลานจันทร์ลานใจในคืนก่อน
โฉมบังอรพิงพักตักเคยหนุน
อ้อมกอดแห่งหัวใจละไมละมุน
ยังคงอุ่นไอเนื้อมิเจือจาง
เช้าวันที่สายหมอกบอกลาป่า
ไพรพนาขานขับรับรุ่งสาง
ม่านหมอกหม่นบนเขาเริ่มเบาบาง
หวั่นใจนางจักห่างหายคล้ายเหมันต์๚ะ๛
21 ธันวาคม 2550 14:12 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
เริ่มจะคุ้นเคย.....
กับความเหงาที่เข้ามาเยือน
เป็นเสมือนเพื่อน...
ที่คอยย้ำเตือน...ให้ทำใจ...
คุ้นเคย...ฤๅ..เคยคุ้น...
กลิ่นอันหอมกรุ่นของพฤกษาไสว
เหมือนกลิ่นเนื้อนาง...ของบางใคร
ยังกรุ่นกลิ่นในทรวงนี้...ตลอดกาล
ชาชิน...
กับความขมปร่าลิ้น...มิมีหวาน
สุขที่บางเบา...เคียงเศร้าที่ยาวนาน
ตราบอวสาน...จวบสายกาลกลบกายและใจ
ยินดี...ที่จะรับความรู้สึก
แม้นในส่วนลึก...อ้างว้างมิห่างหาย
คุ้นเคย...ฤๅ...ชาชิน...ตราบดิ้นตาย
มีความหมายอะไร...ให้คำนึง...
๏ สายวสันต์ยังฉ่ำชื้น.................วสันต์
พรมพร่างหว่างคืนวัน.................ค่ำเช้า
น้ำตาแห่งโศกศัลย์......................ไหลเอ่อ
คงแต่ความตรมเศร้า....................ชั่วฟ้าดินสลาย๚ะ๛
28 พฤศจิกายน 2550 22:22 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หนาวน้ำค้างกลางไพรหัวใจหนาว
บางเรื่องราวรอรับผู้ขับขาน
บทกวีความฝันของวันวาน
จักก่อสานฤๅล่มลับกับเวลา
เพลงแสงดาวแว่วไหวท่ามไอหมอก
ดุจย้ำตอกคิดถึงคำนึงหา
มองเสี้ยวเดือนเลื่อนล่องท้องนภา
หยาดน้ำตาแห่งอ่อนไหวพลันไหลริน
อยากเติมเต็มความฝันของวันใหม่
แต่หัวใจอ่อนแอพ่ายแพ้สิ้น
ภาพความหวังแห่งรักประจักษ์จินต์
คล้ายขาดวิ่นปลิวหายกับสายกาล
หนาวน้ำค้างกลางไพรหัวใจหนาว
ฤๅเรื่องราวรอรับการขับขาน
เพียงว่างเปล่าของฝันอันทรมาน
ด้วยวันวานมิย้อนมาคราหนาวเยือน๚ะ๛