พ.ศ. ๒๓๑๐ เมื่อได้เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าข้าศึก บรรดาหัวเมืองรอบนอกน้อยใหญ่ก็พลอยยับเยินไปด้วยพม่า
เมืองเพชรบุรี แม้ห่างจากกรุงศรีอยุธยา ก็ยังถูกหน่วยลาดตรเวนพม่าเที่ยวกวาดต้อน
ผู้คนเอาไปเป็นเชลย และเที่ยวริบทรัพย์สินเยี่ยงโจร ชาวเพชรบุรีระส่ำระสาย เที่ยวซอกซอนซ่อนเร้นหนีภัยพม่า
มีแม่คนหนึ่งอุ้มลูกสองสามเดือนไว้ในอ้อมแขนซ้าย จูงลูกหญิง ๕ - ๖ ขวบไว้ด้วยมือขวา
ข้างหลังมีลูกชายคนโตอายุ ๕ - ต ขวบ วิ่งตามแม่และน้อง ๆ มา
ทั้งสี่คนนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ติดตัวมา แต่พม่าเห็นเด็กหญิง จึงมุ่งเอาเด็กหญิง ๕ - ๖ ขวบนี้ไปเป็นเชลย แต่สัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่ได้ต่อสูขัดขืน ขัดขวางทหารพม่าไว้ ไม่ให้
เอาลูกของตนไป ทหารพม่าได้เอาหอกแทงหญิงผู้เป็นแม่ล้มลงขาดใจตาย ลูกใน
อ้อมแขนกระเด็น
พี่ชายคนโต หนีโดดข้ามกำแพงโบสถ์ไปซุ่มซ่อนตัีวอยู่ที่ซุ้มข่อย ลูกคนเล็กของแม่รอดร้องไห้จ้าหาแม่ แม่เท่านั้นเป็นที่พึ่ง คลานหาแม่ เห็นแม่น้อนอยู่บนพื้นดิน คิดว่าปลอดภัยแล้ว
ก็เข้าไปกอด แต่ก็ยังร้องไห้ขอความคุ้มครองจากแม่ และอ่อนแรงแล้วก็หิว จึงดูดนมแม่ที่ตาย
จนอิ่ม นั้นเป็นน้ำนมมื้อสุดท้าย อิ่มสุดท้าย ของลูก
พี่สาวของเธอ ๕ -๖ ขวบพม่าฉุดเอาไปเป็นเชลยไม่ทราบชตากรรม พี่ชายคนโตเมื่อหทารพม่าไปแล้วก็ออกมาจากที่ซ่อน มาอุ้มน้องที่รอดจากพม่าไปหาพระ ขอพึ่งใบบุญพระ พระตั้ง
ชื่อให้ว่า "รอด" เพราะรอดตายจากหทารพมา เมื่อโตเป็นสาวก็ได้แต่งงาน มีลูกชายคนหนึ่งชื่อเกษ ทำงานราชการได้เป็นพระยา
**วชีระ สมาคมสหภูมิเพชรบุรี "มหาตาลวันปเทโศ" **