หลายชีวี ยามนี้ ต้อง Reset เกิดจากเหตุ ภัยพิบัติ ครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งทรัพย์สิน เงินตรา มาหายไป สรรพสิ่ง จมหาย กับสายชล อุทกภัย ครั้งใหญ่ กว่าที่คิด หลายชีวิต กลับสู่ จุดเริ่มต้น ขอให้มี กำลังใจ ทุกๆคน เมื่อผ่านพ้น รอคอย การเยียวยา ถ้าเป็นคุณ จะเริ่มต้นชีวิตอย่างไร..?
9 ตุลาคม 2554 21:33 น. - comment id 34898
ถ้าเป็นอนงค์นาง ก็ต้องทำใจยอมรับกับความจริง และเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ กำลังใจจากคนในครอบครัวสำคัญมาก และกำลังใจจากตัวเองสำคัญที่สุด เป็นคนที่นิยมการต่อสู้กับชีวิต ทำงานมาตั้งแต่เป็นสาว ทำได้ทุกงานที่สุจริต เคยทำงานวันละไม่ต่ำกว่าสิบสี่ชั่วโิมง ถ้าอายุยังน้อยอยู่ยิ่งมีโอกาสที่ดีกว่า เมืองไทยมีอิสระเสรีมากกว่าที่อเมริกา อยากเปิดขายอะไรก็ได้ ขายหน้าบ้าน ตามตรอกซอกซอย แต่ที่นี่ทำไม่ได้ ต้องมีใบอนุญาต รถเข็นขายอาหาร ไม่สามารถวางขายได้ตามสะดวก เปิดร้านอาหารก็ยาก ทุนสูง มีกฏระเบียบมากมาย มีการเสียภาษีที่เข้มงวด อยู่บ้านเราถ้าขยันไม่มีวันจนค่ะ ตอนเด็กๆอนงค์นางนั่งรถสามล้อตุ้กๆ ไปตลาดคลองเตยกับพ่อแม่ตั้งแต่เช้ามืด ซื้อเนื้อ ผัก มาเตรียมขายอาหารอีสาน ย้ายจากชลบุรีเข้ามากทม พักอยู่แถวทุ่งมหาเมฆ อยู่ต่างแดนก็ทำงานตลอดค่ะ เพราะลำบากตั้งแต่เด็ก เลยค่อนข้างอดทนมาก ทุกอย่างอยู่ที่ใจตนเป็นคนกำหนด ความรับผิดชอบในหน้าที่ จะมีหรือจนก็ต้องตื่นไปทำงาน ต้องรับผิดชอบเมื่อมีครอบครัว ไม่ใช่ตัวคนเดียว ช่วยสามีทุกอย่าง เคยทำงานร้านซักผ้าสามแห่งในหนึ่งวันกับสามี สามีเคยทำงานล้างจาน ตัวเองดูแลคนป่วยอยู่ที่เดียวกัน จากที่เคยเป็นข้าราชการทั้งคู่ที่เมืองไทย ไม่เลือกงาน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นด้วยความลำบาก ถ้ายอมแพ้ก็จะไม่มีวันได้เกิด ทุกวันนี้ก็ยังไม่สบาย ค่ะ เพราะยังไม่เกษียณ ไม่สามารถนั่งกินนอนกินได้ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตนเอง ถ้าอยากสบายในวัยชรา ต้องทำงานสะสมเงินไว้ตั้งแต่หนุ่มสาว ถ้าค้าขายต้องเก็บเอง ทำราชการก็มีการหักเงินสะสมบำเหน็จบำนาญตอนเกษียณ แล้วแต่ความถนัดและความสามารถ อย่ารอให้ใครมาช่วย อยากค้าขายก็ต้องขยัน อยากทำราชการต้องสอบบรรจุแข่งขันกับคนอื่นมากมาย ต้องมีประวัติดี ลางเนื้ิอชอบลางยา มีโรงเรียนสอนวิชาชีพมากมายให้เลือก ทำอาหาร ตัดผม ตัดผ้า ตอนนี้อนงค์นางไปเรียนตัดเสื้อผ้าทุกวันเสาร์บ่ายหลังเลิกงานที่วัดไทย เพราะชอบและสนใจ อายุ 51 แล้ว ทำงานประจำ และมีโอทีทุกอาทิตย์ ทำกับฝรั่งต้องตรงต่อเวลา ต้องขยัน ไม่ลาไม่ขาด ยังมีไฟอยู่เสมอ ต้องดูแลลูกและสามี ส่งให้เงินแม่ใช้ ที่สำคัญคือสุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี ทำบุญทำทานตามอัตภาพ ไม่เคยดื่มสุรา ไม่เคยสูบบุหรี่ หรือติดยาเสพติด ชีวิตนี้ไม่เคยแตะต้องสิ่งหล่านี้ ไม่มั่วเซ็กซ์ ไม่ปล่อยตัวให้ใครง่ายๆ
9 ตุลาคม 2554 21:56 น. - comment id 34899
สวัสดีค่ะคุณพจนา คงจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นให้ได้ค่ะ เพราะคงไม่ใช่เราคนเดียวที่เผชิญปัญหาคงมีมากมายที่เจอกับปัญหาหรืออุปสรรค... ขอบคุณบทความดีๆนะค่ะ
10 ตุลาคม 2554 02:01 น. - comment id 34900
คุณพจนาคะ ขอกลับมาเขียนต่อนะคะ ถ้าที่บ้านน้ำท่วมและย้ายไปไหนไม่ได้จะทำอย่างไร จะกินนอนอย่างไร สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำแพลอยน้ำ ที่สามารถนอนได้ ต้องหุงหาอาหารจากเตาถ่านหรือฟืน ใช้ไฟฉายแทนไฟฟ้า อย่าใช้เทียนไข เพราะอันตราย ปลาในน้ำคงมีให้หากินได้ แค่มีข้าวกับปลาก็พออยู่ได้ค่ะ บ้านไหนมีลูกเด็กเล็กแดง คนชรา คนป่วยคงต้องลำบากมากกว่า รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยอพยพแล้วค่ะ ต้องมีการแจกถุงยังชีพให้ทั่วถึง ต้องมีแหล่งน้ำดื่ม น้ำกินน้ำใช้ จะใช้น้ำในแม่น้ำต้องระวังโรคติดต่อที่แพร่เชื้อทางน้ำ ถ้าไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้ก็ต้องอพยพ ไปอยู่บนที่สูง บนภูเขา กางเต้นท์อยู่ ทางการต้องช่วยหาที่ให้ ที่ๆน้ำท่วมไม่ถึง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำจะลด ต้องมีสุขากระดาษถ้าจะต้องอยู่ที่บ้านต่อไป คนที่ไม่มีเงินเลยจะทำอย่างไร ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะรัฐบาลต้องช่วย ธุรกิจการค้าต้องปิดกิจการ คนสมัยโบราณกินอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา คนที่อยู่กับแม่น้ำ บนแพหรืิอโป๊ะเขาอยู่กันอย่างไร เมื่อก่อนน้ำในแม่น้ำสะอาด แต่ทุกวันนี้คนเป็นโรคมากมาย การขับถ่าย ทิ้งของเสียลงแม่น้ำลำคลองน่ากลัวค่ะ อนงค์นางขออพยพไปที่อื่นดีกว่า ขึ้นภู นอนในเต้นท์ กินอาหารกระป๋อง อาหารแห้ง คนที่พอช่วยตนเองและครอบครัวได้ อย่ารอให้ทางการช่วยเลยค่ะ เอาไว้ให้ช่วยคนที่เดือดร้อนกว่าเรา ย้ายไปก่อนที่น้ำจะท่วมบ้าน แพ้คของตามรายการที่อนงค์นางเคยแนะนำในอีกกระทู้ บ้านญาติที่ไหนที่น้ำไม่ท่วมก็ต้องไปอาศัยเขาก่อน หนีน้ำก่อนที่มันจะมาค่ะ
10 ตุลาคม 2554 07:16 น. - comment id 34901
สวัสดีครับ..อนงค์นาง คุณเป็นคนที่ต่อสู้ชีวิตแม้เจออุปสรรคก็ไม่ท้อถอย อันดับแรก ทุกคนต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วค่อยรอคอยความช่วยเหลือ ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
10 ตุลาคม 2554 07:23 น. - comment id 34902
สวัสดีครับ..กลั่นแก้ว คนทุกข์-เดือดร้อนไม่ใช่เราคนเดียว และมีอีกมากที่ทุกข์-เดือดร้อนมากกว่าเรา ถ้าคิดได้เช่นนี้ก็จะมีกำลังใจ ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ
10 ตุลาคม 2554 08:20 น. - comment id 34903
สวัสดีอีกครั้งรับอรุณวันใหม่ค่ะ สวัดีคุณพจนาและคุณพี่อนงค์นางด้วยนะค่ะ อ่านเรื่องราวของพี่อนงค์นางค์แล้วมีความรู้เพิ่มขึ้นทุกทีค่ะ เคยไปเที่ยวมาค่ะ..ต้องอาศัยอยู่ในเรือ..... เป็นทิปที่อยู่ในเรือค่ะหลายวันมากไม่แน่ใจว่ากี่วันสนุกและตื่นเต้นดีค่ะเวลามีคลื่นมา... จากตอนแรกที่เราต้องกลัวๆและเวียนหัวๆทั้งๆที่เราไปอยู่ตามน้ำในเรือค่ะโคล่งเครงๆ.. ตนหลังเราก็ปรับตัวเริ่มชินค่ะ ในเรือมีเครื่องกรองน้ำทะเลได้ด้วยนะค่ะจากน้ำทะเลที่เค็มๆสามารถกรองมาเป็นน้ำดื่มได้ เลยค่ะแต่ไม่มีใครเอาใช้บริโภคแต่ก็เอาใช้อุปโภคด้วยความอยากรู้เลยแอบชิมว่ามีรสชาตยังไงทั้งๆที่รู้ว่าเป็นน้ำทะเลค่ะ... ปรากฎว่ารสชาตแบบว่ากร่อยๆค่ะแต่ก็ได้รู้รสชาตแล้วละค่ะเครื่องกรองราคาสองแสนกว่าบาทค่ะ..ถ้ามีติดไว้ในแพที่ลอยน้ำได้ก็ดีเหมือนกันค่ะเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ
10 ตุลาคม 2554 08:49 น. - comment id 34904
สวัสดีอีกครั้งครับ..กลั่นแก้ว เป็นความคิดที่ดีมากครับ แต่เครื่องกรองน้ำประเภทนี้ มีราคาสูงมาก ต้องให้นักวิทยาศาสตร์-นักประดิษไทย ลองคิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อให้ราคาถูกลง ผมเชื่อว่าเรื่องนี้คนไทยเก่งอยู่แล้วครับ
10 ตุลาคม 2554 15:45 น. - comment id 34905
............ หวัดดีจ้ะคุณพจนา/หนังสือ การ Reset ชีวิต ฟังดูเหมือนง่าย แต่ในความเป็นจริง ยากเหลือหลาย โดยเฉพาะในครอบครัวที่สูญเสียคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ดูข่าวแล้วสะเทือนใจมาก โดยเฉพาะครอบครัวหนึ่งที่มีแต่คนแก่ และเด็กๆหลายคน และหนึ่งในจำนวนนั้นยังพิการเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ทุกชีวิตต้องสู้ ต้อง Reset ชีวิตให้ได้ เพื่อความอยู่รอด แม้ว่าหลายๆครอบครัว กล่าวได้ว่าแทบจะเริ่มที่ศูนย์กันเลยทีเดียว หวัดดีจ้าคุณอนงค์นาง ชอบอ่านเรื่องของคุณ เพราะรู้สึกเป็นนักสู้ชีวิตตัวจริง ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังอยู่ที่เมืองไทยหรือเปล่า หลายๆครอบครัวอยากช่วยตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่น้ำมาเร็วมาก ไม่ทันได้ตั้งตัว แค่เอาชีวิตให้พ้นออกมาจากบ้านและบริเวณ ที่ถูกน้ำท่วมยังยากเลยจ้ะ .................
11 ตุลาคม 2554 07:57 น. - comment id 34906
สวัสดีครับ..din มีผู้ที่ต้อง Reset ชีวิตมากมาย ขอให้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ขอบคุณครับที่ร่วมแสดงความคิดเห็น
11 ตุลาคม 2554 18:04 น. - comment id 34909
สวัสดีค่ะคุณพจนา อนงค์นางอ่านข่าวเกี่ยวกับบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการผังเมืองที่เมืองไทย ถ้าก่อสร้างเองหลังละ 719,000 ถ้าจ้างผู้รับเหมาหลังละ 915,000 สนใจสอบถามไปได้ที่ 0-2299-4471-72, 0-2299-4858, 0-2299-4877 หรือเข้าชมรายละเอียดที่เว็บไซท์ของกรมโยธาธิการและผังเมือง http://subweb2.dpt.go.th/pip/floating_house/floatingH.html ราคาสูงมากค่ะ ถ้ารัฐบาลให้ราษฎรกู้่เงินน่าจะดีกว่า หรือสร้างโป๊ะลอยน้ำที่ต้นทุนถูกกว่า ให้มีการเก็บน้ำกินน้ำใช้ได้ มีห้องอาบน้ำและสุขาที่ไม่ระบายลงแม่น้ำ น่าจะดีนะคะ ที่บ้านเกิดยังไม่ท่วม แต่ก็บริจาคเงินช่วยคนที่เดือดร้อนตามกำลังที่ทำได้ค่ะ
12 ตุลาคม 2554 06:38 น. - comment id 34912
สวัสดีครับ..อนงค์นาง ผมเห็นด้วยครับ รัฐต้องให้การสนับสนุนในการสร้างบ้านลอยน้ำ เพราะถือเป็นการช่วยเหลือประชาชน ยินดีด้วยครับที่บ้านเกิดคุณอนงค์นางน้ำไม่ท่วม ขอบคุณครับที่มีข้อเสนอแนะดีๆ
12 ตุลาคม 2554 11:13 น. - comment id 34914
ขอบคุณคุณพจนามากนะคะที่กรุณารับฟังความคิดเห็น อนงค์นางอาจพูดมากไป ถ้าทำให้รำคาญก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ จะพูดตรงกับที่ใจคิดเสมอ บางทีคิดต่างกัน อนงค์นางนิสัยไม่ดี ชอบเถียง ชอบเอาชนะ โต้เถียงกับคุณก็หลายครั้ง เสียใจค่ะ ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่คิดว่าจริงใจ ไม่โกหกตัวเอง เพื่อเอาใจใคร นี่คือความเลวของตัวเอง เอาใจใครไม่ค่อยเป็น คิดมาก และน้อยใจเก่ง บางครั้งอาจทำให้คุณไม่พอใจ เป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยนะคะ ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ
26 ตุลาคม 2554 19:37 น. - comment id 35391