๏ รับส่งตามเส้นทาง.......ทบต้นหว่างวิ่งสุดสาย นิราศผ่านระราย............กระแสล่องฤๅทวนลม ๚ะ ๏ รอนรอนจนล่วงดึก.......ผ่านพงพฤกษ์น้ำค้างพรม อุษาสางแสงชม.................วิ่งตะบึงถึงปลายบน ๚ะ ด่วน บขส... รถด่วน รถธรรมดา หลายปีก่อน เคยได้ยินรถด่วน 99 ด่วน 99 แม่กลอง หลงรักน้องสมุทรสาคร ... นั่นแสดงว่า ..ด่วนไม่เต็มร้อย 55 แต่รถด่วน สมัยนี้ บางคนชอบ ทาน อิอิ ..ที่เขาทอดขายนะครับ ท่าทางจะอร่อย เหาะ หุหุ นอกจากเรื่องรถ ที่มีด่วน กะบม่ด่วนแล้ว เกี่ยวกับการทำงาน ยังมีแบบ ด่วน ไม่ด่วน และด่วนเช่นกัน เช่นเรื่องนี้ ด่วน(เฉยๆ) เรื่องนี้ด่วนมาก เรื่องนี้ด่วนจี๋ เรื่องนี้ด่วนที่สุด หรือ เรื่องนี้ ด้วนด่วน 55 .. เมื่อวาน กิ่งโศก เปิดวิทยุ ฟังเพลง เจอเพลงเกี่ยวกะรถด่วน บขส. (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังเรียกกันอยู่หรือเปล่า) เป็นเพลง คล้ายเพื่อชีวิต จังหวะสนุก ..หากเป็นคอนเสิตย์ หลายคนคงได้ลุกขึ้นดิ้น กันสนุกแน่ อิอิ ฟังเสียงดนตรี โจ๊ะ พรึมๆ โจ๊ะ..แหม..หุหุ .. ดนตรีจังหวะสนุก สไตล์สามช่า แต่เนื้อหาเพลงกลับดูเศร้าสลด เหอๆ ช่างขัดแย้ง กัน ในเบื้องความขัดแย้งกลับผสมกลมกลืนกันดีนักละครับ ..ชาวนา ..ฝน .. ข้าว เหล่านี้ คือสิ่งที่ผูกพันธ์ในวิถีชีวิตชาวสยามมาแต่นานแล้ว จนมียุครัฐมนตรีสมัยหนึ่งนำมา เป็นสิ่งชูประเทศ ..เป็นบทเพลงทำนองรักชาติ....ยกตัวอย่างนะครับ.. ไทยจะเริงอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม หุหุ..แต่ชีวิตชาวนา ชาวไร่แท้จริง ยังทุกข์เข็ญ กันมาตลอด..นี่แหละชาวนา รอแต่ฟ้า พึ่งแต่ฝน.. ไม่พูดพล่าม แต่ฟังกันเลยดีกว่านะครับ หุหุ จะได้ คึกคัก อาจนึกสนุก เอาแค่โยกไหล่ ก้อพอนะครับ ฝนจางนางหาย พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ .ฝน หลั่ง ดังว่าน้ำตา เราร่วง เฝ้ารักเฝ้าหวง ห่วงแผ่นดิน ถิ่นเกิดกาย ก็ลืมไม่ลง อนงค์นุ่งซิ่นเฉิดฉาย ฝนพรมร่างกาย อาบทรวดทรง น้ำนวลเย้ายวนนัยน์ตา ฝน หลั่ง ค่อยๆแหงนคอย แต่เนิ่น ยิ่งฟังยิ่งเพลิน ดั่งเหรียญเงิน ร่วงลงเต็มท้องนา ข้าวรอมือเรียว เกี่ยวดอง น้องนางนั่นหนา เจ้าเคยสัญญา จะมาหน้าฝน เฝ้าคอยเหมือนคนเป็นไข้ ด่วน บ.ข.ส. วิ่งเลย เมื่อไร จะจอด น้ำจวนแห้งขอด ข้าวเต็มนา ปลาร้าเต็มไห โบกรถข้างทาง ฝากฝัง น้ำคำห่วงใย รับคนเที่ยวใหม่ ช่วยนำพา น้องนางบ้านนามาด้วย ....ด่วน บ.ข.ส. วิ่งเลย เมื่อไร จะจอด น้ำจวนแห้งขอด ข้าวเต็มนา ปลาร้าเต็มไห โบกรถข้างทาง ฝากฝัง น้ำคำห่วงใย รับคนเที่ยวใหม่ ช่วยนำพา น้องนางบ้านนามาด้วย... น้าหมู พงษ์เทพ นี่แม้ผมจะไม่ค่อยจะประทับใจในน้ำเสียง แต่ฟังๆไป อืมนี่แหละ เขาถ่ายทอด ออกมาได้กลมกลืน เหมาะกับชาวไร่ชาวนาเลยแหละ อิอิ หนุ่มบ้านนากำลังนึกถึงแม่สาวผู้ ไปแสวงหาความมั่งคั่งในเมืองหลวง ทิ้งไอ้หน่ม เดียวดาย หน้าฝน มาถึงข้าวกำลังแก่ รอการเกี่ยว ที่ไอ้หนุ่มอยากให้อีสาว มาเคียงคู่เกี่ยวข้างจัง รักแผ่นดินถิ่นเกิดกำเนิดเนา บภาพกว้าง บ่งบอกให้กตัญญู อย่ามุ่งจนอย่าหมายทำลายล้างด้วยเพียงมือเรา อย่าให้เป็นมือทำลายในสิ่งที่ บรรพบุรุษ เราได้สร้างด้วย ก้อนเนื้อ ก้อนเลือด กองกระดูก รักษาจนถึงเราทุกวันนี้ โปรดตอบแทนบุญคุณต่อผืนปฐพีนี้เถิด. ๏ ห้องเปลี่ยวเหี่ยวผุแห้ง..........เรือนหอ ไร้ร่างนางนุชคลอ.......................แนบคล้อง เรือนเซทรุดเฉงอ......................ง้างโยก อกหนุ่มคิดถึงน้อง......................นับนิ้วรอนาง ๚ะ ๏ ห้องเปลี่ยวเหี่ยวผุแห้ง..........ลุผ่านแล้งโลมพิรุณ หยาดรั่วหยดรูพรุน...................กระทบฟากฝากเป็นดวง ๚ะ ๏ น้ำฟ้าร่วงเม็ดโปรย.............. ฉ่ำช้อนโชยสะท้านทรวง ซางข้าวที่ไร้รวง ...................... ยังเปื่อยยุ่ยขยุยกอง ๚ะ ๏ เสียงระปะทะโถม ................ ดุจตระโบมกะโลมลอง หวิวหวิวละลิ่วล่อง ........................ฟ้าพิโรธกระหรือไร ๏ อึงอลจนล้าอ่อน ..................... หลุดปลิวว่อนลู่เอนไหว ชะโลมชะล้างใบ......................... ปลุกชีพโชติช่วงชวาล ๚ะ ๏ อารัญหลังสายฝน.................... กระจ่างจนฟ้าตระการ ทุ่งเคยเคียงนงคราญ ................. กลับมาร้างไร้คนแล ๚ะ ๏ อารัญครั้นรุ่งแจ้ง...............จางฝน ภาพเก่าเคล้าระคน.................คืบย้อน กำเคียวเกี่ยวข้าวปน..............ใจป่วน ถึงแม่ คำรบนี้สะท้อน........................โศกแท้สึกถอย ๚ะ + กิ่งโศก +
3 มิถุนายน 2553 11:22 น. - comment id 30819
ชื่อเรื่อง..รอคอยให้คืนถิ่นนะครับ หุหุ..เข้าไปแก้ไขไม่ได้อะ
3 มิถุนายน 2553 11:24 น. - comment id 30820
ดังจ้า
3 มิถุนายน 2553 12:31 น. - comment id 30821
ภาพแจ่มกลอนเพราะเสนาะที่สุดเลยจ้าปู่ รู้สึกว่า เพลงเริ่มจะขยับจาก เพลงโบฯ ไปเป็นแนวเพื่อชีวิตหน่อยๆแล้วค่ะ โอเชๆๆ
3 มิถุนายน 2553 13:05 น. - comment id 30822
เห็นทุ่งนาแล้วอยากกลับบ้านจังเลยค่ะ
3 มิถุนายน 2553 13:15 น. - comment id 30823
รูปภาพกะกลอนเหมาะเจาะลงตัวที่สุดเลยเจ้าค่า
3 มิถุนายน 2553 13:38 น. - comment id 30825
ก้อยเมนท์เหมือนบีเลยค่ะตากิ่งโศก อิอิอิ ภาพก็สวย โคลงก็งดงามเจ้าค่ะ..
3 มิถุนายน 2553 13:42 น. - comment id 30826
ชื่อเรื่องหนูอ่านไม่ออก อิอิ
3 มิถุนายน 2553 13:54 น. - comment id 30828
สงสัยจะรีบ คืน...ไม่ใช่ คือน อิอิ แวะมาอ่านเรื่องราวดีๆมีสาระค่ะ เยี่ยมเหมือนเดิมค่ะคุณกิ่ง
3 มิถุนายน 2553 15:13 น. - comment id 30830
คุณแก้วประภัสสร ๒+๓ ขอบคุณที่ช่วยฟังเสียงเพลงให้ครับ เรื่องเพลง ก็พยายามเอาแบบร่วมสมัยไว้ก่อน หุหุ..เพราะที่ผ่านมา..นี่รุ่นคุณแม่ยังสาว อะนะ พอฟังแนวเพื่อชีวิตมันก็ดู คึกคักดีครับ บางเพลง ..เพลงเศร้าก็ดูเศร้าดีนะครับ
3 มิถุนายน 2553 15:14 น. - comment id 30831
คุณเพียงพลิ้ว หุหุ..คิดถึงบ้านเกิดก็หมั่นไปเยี่ยมบ่อยๆนะ.. พี่กิ่งเพิ่งไปบ้านมา..ไม่อยากมาทำงานเลยอะนะ หุหุ
3 มิถุนายน 2553 15:15 น. - comment id 30832
คุณบี/บ้านเพชร ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยมกันจ้า..
3 มิถุนายน 2553 15:16 น. - comment id 30833
คุณฟูโกะ โหก้อย..หุหุ .. แบบไหนก็ขอบคุณจ้า ที่มาเยี่ยมกัน
3 มิถุนายน 2553 15:20 น. - comment id 30834
คุณน้ำตาลหวาน ขอบคุณมากคุณพิม..ที่แวะมาเยี่ยมกัน ว่าแต่ ทำไมหายไปนานละนี่ ..
3 มิถุนายน 2553 16:13 น. - comment id 30835
แวะมาเยี่ยมและอ่านด้วยคับ
3 มิถุนายน 2553 16:46 น. - comment id 30836
คุณวิทย์ ขอบคุณที่มาทักทายนะครับ อิอิ
3 มิถุนายน 2553 17:55 น. - comment id 30837
คุณกิ่งโศก ตอนที่ได้กลับบ้าน ไปเยี่ยมแม่ มีความสุขจริงๆค่ะ รอปีหน้าได้ลาพักร้อนหนึ่งเดือนเต็มในเดือนพฤศจิกายนค่ะ ปีหนึ่งขอกลับไปสักเดือนก็ดีใจแล้วค่ะ อีกเจ็ดปีมีสิทธิขอเกษียณได้ ต้องรอๆไปก่อน เผลอแป้ปเดียว เวลาผ่านไปเร็วมากนะคะ ถึงตอนนั้น มีเงินบำเหน็จบำนาญไว้ใช้จ่าย ก็อยู่ได้ เป็นผู้หญิงต้องเลี้ยงตัวเองให้ตลอดรอดฝั่ง ไม่หวังพึ่งใคร คู่ชีวิตไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนกัน อยู่ที่ไหนถ้าไม่มีเงินใช้ ลำบากค่ะ ที่หมู่บ้านของอนงค์นาง ห่างจากตัวอำเภอ12 กม ไม่มีรถสองแถวโดยสารรับจ้างเหมือนสมัยตอนเป็นเด็ก ถ้าไม่มีรถส่วนตัวแล้ว จะไปโรงพยาบาล ไปในอำเภอ ต้องเหมารถครั้งละ 300 บาท ต้องซื้ออาหารจากตลาดสดมาทำกิน ปลาในหนอง หายากแล้วค่ะ มีแต่ปลาเลี้ยง ผักยังพอปลูกกินเองได้ ค่ารักษาพยาบาลต้องมีสำรองไว้ รักบ้านเกิดค่ะ แต่กลับไปตอนนี้ไม่มีอาชีพอะไร ลูกก็ยังเรียนไม่จบ จะลำบาก คนเราต้องยึดอาชีพเลี้ยงตัวเองให้ได้รอด คิดถึงแม่ก็คิด คิดถึงลูกก็คิดค่ะ ไม่มีอะไรที่ได้ดังใจทุกอย่าง มีแต่ความอดทนทำมาหากินต่อไป ไม่คิดออกจากงานเพื่อกลับบ้านในตอนนี้ เพราะไม่มีใครหาเลี้ยงเราได้นอกจากตัวเราเอง อายุปูนนี้ไปทำงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับแล้วค่ะ
3 มิถุนายน 2553 18:55 น. - comment id 30838
ฝนจาง กบ เขียด ก็หายค่ะ อิอิอิ
3 มิถุนายน 2553 19:11 น. - comment id 30839
รถรางวิ่งตามร่อง ........ เสียงกึกก้องตามเส้นสาย อืดเอื่อยทางรางราย .. ย้อนอดีตคืนขีดรอย ..ฯ รถรางในรูปแรกกำลังวิ่งแถวๆ ท่าราชฯ คลับคล้ายคลับคลาว่า จะผ่านท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ บางลำพู ฯลฯ เหมือนว่าจะวิ่งเป็นวงกลม สมัยเป็นนักเรียน เคยได้กระโดดวิ่งขึ้นนั่งจากแถวเฉลิมเขตร ยศเส ผ่านเยาวราช ไปลงแถวพาหุรัด ค่ารถ รู้สึกจะราวๆ สลึงนึง ช้ากว่าถีบจักรยานซะอีก เพราะต้องคอยรอสับหลีก เป็นระยะๆ คงไม่กลับมาคืนถิ่นแล้ว นอกจากไว้นำเที่ยวแถวๆรอบเกาะรัตนโกสินทร์
3 มิถุนายน 2553 19:49 น. - comment id 30841
เอารถด่วนโบราณมาแปะเพิ่ม มีโฆษณาหนัง แขวนข้างด้วย แบบพ่วงสองตอนก็มี แบบดั้งเดิม การจราจรติดขัด อิอิ
3 มิถุนายน 2553 20:40 น. - comment id 30842
20
4 มิถุนายน 2553 03:30 น. - comment id 30843
........ฝน ทำไรๆ แบ่งมาเลย ทำเนียนๆๆๆ
4 มิถุนายน 2553 08:45 น. - comment id 30845
คุณดาวศรัทธา 18-19 โหะ ๆๆ แหม เจอเจ้าของรถรางพอดี 55 ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพประกอบมากครับคุณ ดาว เพิ่งทราบว่าเป็น คน พื้นที่บางกอก ที่ได้เห็นได้ใช้รถราง อิอิ ..ตอนกิ่งโศก มาทำงานในกรุงเทพ ใหม่ๆ เคยไปแถวสมุทรปราการ มีถนน เขาบอกว่า ถนนรถรางเก่า.. น่าจะเป็น ช่วงเดียวกันใช่ไหมครับ อ้อ ดูภาพ ..ก็ให้อมยิ้มไปด้วย การจราจรติดขัด...เทียบกะสมัยนี้ นี่ ..จิ๊บๆ เลยอะครับ .. มีทั้งรถราง และรถลาก ขวักไขว่ .. ..ถือเป็นภาพประวัติศาสตร์ ของการรถไฟ ของไทย เลยที่เดียว มีสาระมากครับ
4 มิถุนายน 2553 08:50 น. - comment id 30846
คุณโคลอน 17,20 ฝนจาง กบเขียด ก็หายเหมือนกันเหรอ หุหุ ช่วงนี้กำลังฟังเพลง น้าหมู....มีเพลงนี้ด้วยนา ตายยังเขียด อิอิ.. ขอบคุณที่มาทักทาย และมาขโมยไข่ครับ
4 มิถุนายน 2553 08:55 น. - comment id 30847
คุณอนงค์นาง ..ผมว่าชีวิตแบบคุณอนงค์นางนี่ นับว่ามีกำไรครับ จากคนชนบท ได้ไปต่างแดนทำงานที่นั่น คือได้พบได้เห็นอะไร ที่มันแตกต่าง จากวิถีการดำรงค์ชีพแบบเดิม สามารถนำมาเปรียบเทียบ อีกอย่าง ความเป็นคนไทย แบบคุณอนงค์นาง ควรยกย่อง ที่รำลึกถึงแผ่นดินแม่ แผ่นดินไทย ยังคงมีความชอบแบบเชิงอนุรักษณ์ใน จารีตแบบไทยอยู่ ( วิเคราะห์ เอาตามที่คุณอนงค์นาง เล่าบอกผ่านในบ้
4 มิถุนายน 2553 08:57 น. - comment id 30848
คุณอนงค์นาง ..ผมว่าชีวิตแบบคุณอนงค์นางนี่ นับว่ามีกำไรครับ จากคนชนบท ได้ไปต่างแดนทำงานที่นั่น คือได้พบได้เห็นอะไร ที่มันแตกต่าง จากวิถีการดำรงค์ชีพแบบเดิม สามารถนำมาเปรียบเทียบ อีกอย่าง ความเป็นคนไทย แบบคุณอนงค์นาง ควรยกย่อง ที่รำลึกถึงแผ่นดินแม่ แผ่นดินไทย ยังคงมีความชอบแบบเชิงอนุรักษณ์ใน จารีตแบบไทยอยู่ ( วิเคราะห์ เอาตามที่คุณอนงค์นาง เล่าบอกผ่านในบ้านกลอนนะครับ) รีบกดส่งไปหน่อย อิอิ ขอให้คุณอนงค์นางมีแต่ความสุข ในการดำเนินชีวิตครับ
4 มิถุนายน 2553 08:58 น. - comment id 30849
น้องฉางน้อย ต้องให้ไวกว่านี้จะ อิอิ.. ง่วงละสิ
4 มิถุนายน 2553 11:39 น. - comment id 30867
คุณกิ่งโศกคะ อนงค์นางชื่นชมคุณกับน้องแบมค่ะ เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ ช่วยติดต่อให้น้องแบมอีเมล์มาหาอนงค์นางได้มั้ยคะ ตามกระทู้ที่ตั้งไว้น่ะค่ะ
5 มิถุนายน 2553 15:52 น. - comment id 30882
คิดถึงความหลังเน๊าะอะไรๆก็ยังแจ่มกระจ่างอยู่ ความบริสุทธิ์ทั้งธรรมชาติและจิตวิญญาณ ไปนั่งรำลึกความหลังดีกว่า...อิอิ ทุกภาพสวย งาม พิสุทธิ์ ปานนั้น เพลง กลอน โคลงเพราะมาก
6 มิถุนายน 2553 20:52 น. - comment id 30889
คุณอนงค์นาง บอกให้แล้วครับ.
6 มิถุนายน 2553 20:53 น. - comment id 30890
เอาใจคนชนบทหน่อยครับ หลายคนคิดถึงบ้านกันนะครับ
7 มิถุนายน 2553 14:14 น. - comment id 30917
ที่ลพบุรีเวลามีงานจะเอารถรางออกมาวิ่งประจำเลยอ่ะ
28 ตุลาคม 2555 16:17 น. - comment id 38344