จะมีใครสักกี่ล้านคนคะ ที่ได้อยู่ทำงานที่บ้านเกิดของตน และได้ดำรงอาชีพของพ่อแม่ที่บ้านเกิดอย่างมีความสุข พ่อของอนงค์นางเป็นครู แม่เป็นแม่ค้าขายอาหาร พ่อแม่เป็นชาวร้อยเอ็ดทั้งคู่ คนละอำเภอ อนงค์นางเกิดในอำเภอเมือง ตอนที่พ่อเป็นครูใหญ่ แม่ขายของหน้าบ้าน พอสามขวบพ่อแม่ย้ายไปชลบุรี พอหกขวบย้ายเข้ากทม ได้กลับไปอยู่บ้านนาจริงๆตอนปิดเทอม ม. ต้น ม.ปลาย เกิดมาต้องสารภาพว่ายังไม่เคยทำนาเลยค่ะ เพราะช่วยแม่ขายอาหารตั้งแต่เด็ก แต่พ่อแม่เป็นลูกชาวนา พ่อมีที่นาก็ยกให้น้องสาวไป เพราะเป็นลูกคนโต แม่มีที่นาสิบสองไร่ ก็เอาไปจำนองเพื่อส่งลูกสามคนให้เรียนในกทม ดิฉันกับพี่ เจริญรอยตามพ่อ เป็นครู พี่ชายทำงานไปรษณีย์ แล้วได้ไปอเมริกา เพราะเพื่อนพ่อคือคุณหมอเกษม แสงพันธุ์ หมอที่นิวยอร์คท่าน ท่านเป็นคนกาฬสินธุ์ รับรองขอวีซ่านักเรียนให้ ให้ที่พักที่อาศัย เป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับพ่อ จนพี่มีครอบครัวแต่งงานกับสาวฟิลิปปินส์ ตอนนั้นอนงค์นางเรียนจบปริญญาตรีจาก ม.ศว ประสานมิตร เอกอังกฤษ ปี 2526 และสอบบรรจุได้ที่ร้อยเอ็ด อำเภอบ้านเกิดของพ่อ โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ทำงานได้เดือนกว่า พี่ชายก็ทำเรื่องให้ไปอยู่ด้วย ตอนอายุ 24 จนได้พบรักกับหนุ่มนักศึกษาไทยลูกครึ่งจีน คณะวิศวกรรมศาสตร์จาก New Jersey ตอนเรียนเทอมสุดท้าย เจอกันที่ร้านอาหารไทยตอนปีใหม่ เผอิญนั่งใกล้กัน ต่างคนต่างไปกับเพื่อนค่ะ เขามาขอเต้นรำด้วย ก็จีบไปจีบมาจนได้แต่งงานกัน มีพยานรักหนึ่งคนคือลูกสาวคนโต( ตอนนี้ยี่สิบปีแล้วค่ะ) ตอนที่ลูกสี่ขวบได้กลับมาเยี่ยมแม่ที่ป่วยหนัก อยู่ดุแลแม่เกือบปี หางานทำไปด้วยค่ะ ปล่อยสามีไว้คนเดียว เขาเลยมีแฟนใหม่ ได้หย่ากันในเวลาต่อมา อนงค์นางเริ่มทำงานที่โรงเรียนพาณิชย์นานาชาติแห่งหนึ่งแถวหัวหมาก ตำแหน่งเลขานุการผ.อ และเจ้าของโีรงเรียน ทำงานคู่กับเลขานุการสาวชาวปากีสถาน เป็นงานที่ท้าทาย และสนุกมาก ได้ไปไหนมาไหนกับเจ้านายผู้หญิง ได้ติดต่อทำงานกับอาจารย์ชาวต่างชาติมากมาย ฟุดฟิดฟอไฟกันทั้งวัน ต้องขอบพระคุณท่านที่เมตตา สอนงานให้ เงินเดือนตอนอายุ 34 ได้สองหมื่นห้าพันบาท เจ้านายพาไปทานอาหารตามโรงแรมต่างๆ ให้เป็นไกด์พาคณะอาจารย์จากอังกฤษไปเที่ยว พอดีแม่ก็ออกมาอยู่บ้านแล้ว ช่วงที่ทำงาน พ่อยังมีชีวิตอยู่ เราอยู่กันพ่อแม่ลูกและหลานสาวอายุสี่ขวบ พ่อจะขับรถกระบะคันเล็กๆไปรับส่งหลานที่โรงเรียนพระมารดานิจจานุเคราะห์ บางกะปิ ไปกับแม่ ห่อข้าวห่อน้ำไปกินนอนในรถทุกวัน จนหลานเลิก งานของเลขากลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลา แล้วแต่เหตุการณ์ มีประชุมครูนักเรียน ต้องไปสถานทูต ทำวีซ่าให้นักเรียนที่เราส่งไปซัมเมอร์ที่ออสเตรเลีย อังกฤษ ไปทานข้าวกับเจ้านายตามนัดกับลุกค้า จบตอนหนึ่งก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่ามีคนอ่านหรือเปล่า ถ้ามีถึงจะกล้าเล่าต่อแบบแฉหมดเปลือก ไม่มีการโกหก สาบานได้ค่ะ
20 เมษายน 2553 19:48 น. - comment id 29451
แบบว่า..รักพ่อแม่ บุพการีมากเหมือนลูกทุกคน มิให้ใครมาดูหมิ่นเป็นอันขาด
20 เมษายน 2553 20:01 น. - comment id 29452
จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
20 เมษายน 2553 22:49 น. - comment id 29457
ข้อความฝากถึง อยากเขียนค่ะ... อยากอ่านต่อค่ะ จะรอนะคะ
21 เมษายน 2553 10:52 น. - comment id 29463
พิมเป็นคนชอบอ่าน จะติดตามอ่านทุกภาคนะค่ะ
23 เมษายน 2553 10:52 น. - comment id 29511
เพื่อนนางคะ..... เขียนต่อนะคะ ปรางจะอ่านค่ะ ชีวิตของคนเราไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ เผื่อบางใครได้อ่านเข้า จะได้คิดอะไรได้บ้าง การดิ้นรนต่อสู้ เป็นศักดิ์ศรี ที่เรา ๆ ท่าน ๆ ควรพึงสังวรณ์ค่ะ
24 เมษายน 2553 22:01 น. - comment id 29527
แวะมาอ่านอัตชีวประวัติของพี่ครับผม น้องชายสุดที่เลิฟ
26 เมษายน 2553 06:27 น. - comment id 29544