อกใคร ใครบ้าง ไม่ช้ำ เมื่อยาม เห็นรอย ไถแปร.. ท่อนเนื้อเพลง สะท้อนถึงผู้คนที่ละทิ้ง แลลืมกลิ่นไอท้องทุ่งนา หลงระเริง ความวิไล กลายเป็นเหลิง . เหลิง..ด้วยลมปาก เหลิง..ด้วยชักจูง เหลิง..ด้วยโลภเหลือที่จักกล่าวแล้ว ..มาแนวลูกทุ่งอีกสักรอบ ..ไม่ใช่จะมาตอกย้ำถึงความเป็นคนชนบท แต่ประการใดไม่ เพราะเป็นมาแต่กำเนิดแล้ว เหอ เหอ ตอนพักทานข้าวไม่กี่วันมานี้ ชมข่าวเศรษฐกิจ (หุหุ ดูเป็นด้วยนิเรา) เห็นมีการประกาศอันดับ มหาเศรษฐี ของโลก ดูมูลค่าแล้ว พวกนี้มันทำบุญมาด้วยอะไรหนอ มีคนไทยติดอันดับ สามคนด้วย..เฮ้อ จะดีใจดีไหมนี่ (ประชด) ต่อภาพ ชาวนาที่เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี ประท้วง ราคาข้าว ดูสองข่าวแล้วมันช่างตรงกันข้ามกันเสียเหลือเกิน อะนะ.. ..พูดถึงชาวไร่ชาวนา ก็รำลึกถึงทุ่งนาป่าเขาทันที แถวบ้านกิ่งโศก เป็นป่า เขา และทุ่งนา.. เข้าสู่ฤดูร้อนแบบนี้ที่ มาพร้อมกับความแห้งแล้งบวกความกันดาร ท่ามกลางแสงแดดเดือนมีนามันดูอบอ้าวแถมอึดอัด ..ประหนึ่งเพลิงที่รอปะทุกลางกรุงเช่นนี้ ความแห้งแล้ง มักจะมาคู่กับ ความอ้างว้าง ประกอบแม่น้ำสายหลัก ในประเทศมีปริมาณน้ำ ลดน้อย ต่ำลง..ชาวบ้านในชนบท มักจะว่างเว้น การทำไร่ทำนา เป็นส่วนมาก ก็จะหันหน้ามุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพเมืองฟ้าอมร ( ไม่ใช่มาประท้วง) แต่มาเพื่อ ขายแรงงาน เพื่อ เก็บเงินทอง..จนกว่าจะเข้าสู่ฤดูฝน ในช่วงทำไร่ทำนาโน่น จึงจะกลับไปทำไปสู่อาชีพเดิมอีก ...นี่แหละกระดูกสันหลังของชาติ อาจจะมีบางคน ที่เห็นว่าทำงานในเมืองหลวง นั้นมีความสะดวกสบาย กว่าทำนาเยอะ.. จึงทิ้งไร่..ทิ้งนา. ผืนนาที่รอ คนพลิกฟื้น...กลับเดียวดาย ท้องนา ที่รอ คนเคียง เก็บเกี่ยว..กลับอ้างว้างหงอยเหงา ไอ้หนุ่มลูกทุ่งเฉกเช่น กิ่งโศก ได้แต่ หวัง แต่คอยอีสาวบ้านนา 555 ว่าเจ้าหล่อนจะคืนนาไหมหนอ หรือว่า สาวเจ้า ยัง ระเริงหลง ความศิวิไล.อยู่ ปล่อยก้อนดิน ที่ถูกไถ..ให้ กระด้างแข็ง ไร้ ใครมาปลูกพืชปลูกผัก และปลูกข้าว ไร้นาง ก็ เหมือนไร้พลังใจ..สำหรับหนุ่มบ้านนอก คนยากเช่นนี้ รอยไถแปร..จึงได้ถูกตรา..จารึก เรื่องราว ของน้องนาง...ที่ลืมทุ่งนา มุ่งขุดทองที่เมืองฟ้า มาฟังเพลงนี้กันครับ รอยไถแปร ขับร้อง ก้าน แก้วสุพรรณ ทุ่งนาแดนนี้ ไม่มีความหมาย เหลือเพียงกลิ่นโคลนสาบควาย เห็นซาก คันไถแล้วเศร้า เห็นนาที่ร้าง นั้นมีแต่ฟาง แทนรวงข้าว เห็นเคียวที่เกี่ยว เหน็บติดเสา เล่นเอาใจเรา สะท้อน ทุ่งนาแดนนี้ ข้าเคยไถทำ สองมือ ข้าเคย หว่านดำ ฤดู ฝนพร่ำ หน้าก่อน แต่มาปีนี้ ฤดี ข้าแสนจะสะท้อน เพราะมา ไร้คู่ กอดเคียงหมอน ทิ้งให้เรานอน ระกำ รอย ไถเอย ข้าเคยไถถาก เดี๋ยวนี้ เจ้ามา คิดจาก ฝากให้ เป็นรอย ไถช้ำ เปลี่ยนรอย ไถใหม่ ทิ้งรอย ไถเก่า ระกำ อกใคร ใครบ้าง ไม่ช้ำ เมื่อยาม เห็นรอย ไถแปร ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย เพลงนี้ ปัจจุบัน มีคนร้อง กันหลายเวอร์ชั่น..ผมชอบที่ นิค นิรนามเอามาร้อง ดูมีพลังดี ๏ ดินแตกแยกปริแห้ง ......... เหือดดอน ลุ่มนา เคียวเกี่ยวฝาคาคอน ............. เติ่งค้าง ผองทวิชพลัดจร ................ หนีจาก เหงาเงียบยะเยียบร้าง ......... ป่าช้ารอผี ๚ะ ๏ ดินแตกแยกปริแห้งเหือดนาดอน ต้นฟางเหี่ยวเฟี้ยวห่างระคางเขลา แดดระยิบลิบหญ้าระยับเงา- อสูรเผาเสาพรุนเป็นจุณฟอน ๏ คราดและไถไล่ถาเสียบฝาบ้าน คล้ายถ้อยขานถ่านคล้อยรอยกาสร ลืมรอยดะระดอยผืนดินดอน ลืมฟืนท่อนฟอนทึน-ทึกผืนดิน ๏ แม่เรียมหนีรี่เหนียมหน่ายรวงข้าว ทิ้งแผลร้าวเผาแล่แลถวิล ทิ้งทุยเผือกเทือกพลุ้ยตะกุยอินทร์ ทิ้งถ้อยสิ้นถิ่นสร้อยศาลเพียงตา ๏ ก้อนดินแปรแดปลิ้นกี่รอบแล้ว เสียงนกแก้วแนว,กก,ผงกหา คู่รอเคล้าเร้าคลอคูคันนา ขวัญรอท่าล้าท้อรอแม่เรียม ๏ หางไถหักถักไหเปรอะเปลวฝุ่น เสื้อรอชุนรุนสอปลายเข็มเขียม ทุ่งรอนางร้างหนอดุจตอเกรียม เผือกเจ้าเทียมเจียมเท้ารอเจ้าจูง ๚ะ ๏ ผกาโรยกลิ่นร้าง............หลงเก- สรเฮย แลภู่พิศโลมเท............ยากแท้ ขวัญโหยพร่ำโผเผ.......แรงแผ่ว ใจกร่อนยังหวังแก้.......พลิกฟื้นรอยไถ ๚ะ
15 มีนาคม 2553 15:46 น. - comment id 28462
55555 เราก็ทึกทักเอาเองว่าเป็นความรัก เพราะมันไปผูกกับเพลง มนต์รักป่าซาง ไง ความชอบน่ะ เยอะแยะ จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก ความหลัง นึกกันได้ทุกคนแหละ แต่ ผู้เฒ่า มีเยอะและมีเวลาว่างเยอะ ไม่ต้องมาคิดเรื่องทำมาหากินมากนัก อารมณ์ที่คนเราส่วนมาก จำฝังใจ มักผูกกับสัมผัสหลายๆอย่าง ไม่เฉพาะแต่ "รูป" อย่างเดียว เลย จำแม่น เช่น จำกลิ่นที่มากับรูปสวยๆพร้อมกับเสียงเพราะๆตอนกำลังกินไอติมอร่อยๆในบรรยากาศเย็นสบาย ระคนไปด้วยเสียงเพลงโรแมนติก
15 มีนาคม 2553 16:01 น. - comment id 28463
คุณน้ำตาลหวาน หุหุ...แบบนี้แหละ คนมีวัย นะ
15 มีนาคม 2553 14:26 น. - comment id 28468
เฌอ มาแกล้งคุ้ยความหลังผู้เฒ่า เล่าให้ฟังก็ได้ว่า นั่นคือความรักครั้งที่สอง รักครั้งแรก ตอนยังตัวกะเปี๊ยก เล่นดินอยู่หน้าบ้าน แล้วมีเด็กหญิงตัวกะเปี๊ยกพอกัน มากับผู้ใหญ่ แล้วมาเล่นด้วย ยังจำฝังใจ พร้อม เพลง มนต์รักป่าซาง ของสุรพล (แต่จำหน้าเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก) ได้ยินเพลงนี้ทีไรคิดถึงตอนนั้นทุกที มาอาศัยบ้านคุณกิ่งคุยกัน อบอุ่นแฮะ อิอิ
15 มีนาคม 2553 15:07 น. - comment id 28471
คุณดาวศรัทธา ตามสะบายครับ การรำลึกถึงความหลังเป็นความสุขไปอีกแบบครับ..
15 มีนาคม 2553 15:08 น. - comment id 28472
อบอุ่น หรืออบอ้าวคะ เขาว่ากันว่า..คนมีอายุ(คนแกร่) มักคุยเรื่องฟามหลังกัน สงสัยเปงแบบนี้นี่เอง ปุ๋กิ่ง ไม่มาเล่าเรื่องฟามรักครั้งแรกกะเขาบ้างเหรอ เจ้แบมอยากรู้แน่ะ อิอิ จัดมวยให้ก่อนไป อิอิ ปล.รักครั้งแรกตอนยังตัวกะเปี๊ยก เล่นดินอยู่หน้าบ้าน....โห แก่แดด แก่ลมตั้งแต่เด็กเลยนะคะ สมัยนั้นรู้จักคำว่ารักแล้วเหรอ เด็ก งง
15 มีนาคม 2553 15:08 น. - comment id 28473
คุณเฌอฯ โห..อย่าเพิ่งเอ็ดไปอะ.. เขาจะรู้กันหมดว่า รุ่นไหน เป็นรุ่นไหน 555555
15 มีนาคม 2553 15:10 น. - comment id 28474
18.. ตอนนั้น เฌอยังเปงวุ้นอยู่มั้งคะ คริ
15 มีนาคม 2553 10:54 น. - comment id 28475
ใส่เพลง รอบสอง
15 มีนาคม 2553 13:06 น. - comment id 28476
คุณน้ำตาลหวาน เหอๆ คุณพิม ก็เกิดทันเหมือนกันนิ.. อย่างว่าแหละครับ..คนต่างจังหวัดเช่นกิ่งโศก มักจะเปิดฟังเพลง ..เกี่ยวกะท้องทุ่งบ่อย ๆ เด๋วหลงกรุง...จนลืมบ้านเกิด อิอิ ..ขอบคุณที่แวะมาครับ
15 มีนาคม 2553 13:08 น. - comment id 28477
คุณแกงฯ เพลงนี้ ..เมื่อก่อนเวลาไปร้องเพลงคาราโอเกะ.. จะชอบร้องบ่อยๆ นะครับ เจ้าขวัญ ร้องกา เรียม กิ่งโศก...อยากร้องหาเรียมเช่นกัน อิอิ
15 มีนาคม 2553 16:07 น. - comment id 28483
คุฯดาวศรัทธา ..เพลงเกี่ยวกะป่าซาง นี่ รู้สึก สุรพล สมบัติเจริญ จะร้องอยู่สองเพลงนะครับ หากจำไม่ผิด เช่น..อันแรก ..ครวญคิดถึงถิ่นป่าซาง สวยเกินคำคนเขาอ้าง ป่าซางแดนนี้มีมนต์ " อีกเพลง... "...โอ้ โอ่โอ..ป่าซาง ดินแดนความหลังนี้ช่างมีมนต์ ยามได้ไปเยือนยากที่จะเลือนลืมได้ลง คล้ายว่าป่านี้มีมนต์ ดลหัวใจ ให้ใฝฝัน"" ....ประมาณนี้ ละครับ.. อ้อ มีอีกคนที่ร้อง..คือ ปอง ปรีดา ." ป่าซางแห่งนี้ เคยมาครั้งหนึ่ง...(ผมว่าเพราะ อีกเพลงหนึ่งของ ปอง เลยแหละ) ส่วนสุรพล..ถือว่า เป็นคน ที่ทำให้ความเป็นลูกทุ่ง ชัด แจ้ง..
15 มีนาคม 2553 13:40 น. - comment id 28484
คุณเฌอฯ เหอๆ ...ไม่ยักกะรู้ ว่า คุงเฌอ..เมื่อ สามสิบปีก่อน แอบไปเย็บกระดุมเสื้อให้หนุ่มด้วย 555 ขอบคุณที่มาทักทายครับ
16 มีนาคม 2553 09:36 น. - comment id 28488
คุณปรางทิพย์ อิอิ..เรียกว่ากระทู้ ขัดตาทัพ ลดอุณหภูมิ เดือด ขณะนี้ครับ ฟังเพลงเก่า เล่าความหลัง ก็สุขใจสำหรับคนที่ ผ่านประสบการณ์ มาหลายฤดูฝนครับ
15 มีนาคม 2553 13:23 น. - comment id 28508
ไม่อยากจะบอกว่าเฌอนี่แหละคือคนที่เย็บกระดุมเสื้อที่หลุดของใครบางคน คริ เพลงเพราะดีจังค่ะ
15 มีนาคม 2553 13:12 น. - comment id 28515
คุณดาวศรัทธา ดีใจ ที่มาเยี่ยมพร้อมให้ความรู้กับกิ่งโศกครับ และดีใจ ที่มีคนมากประสพการณ์( อายุด้วย อิอิ)..เข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะ บางเรื่องกิ่งโศก ก็เพิ่งรับรู้รับทราบเช่นกัน.. ชุดเพลงของก้านแก้ว สุพรรณ โสนน้อยเรือนงาม.. มีเพลงหนึ่ง..ให้ความเป็นลูกทุ่งแท้ๆ เช่นกัน จำชื่อเพลงไม่ได้แล้วที่ร้องว่า.. ตื่นเถิดทรามวัย ดวงใจของพี่ รุ่งสางสว่างแล้วนี่ ตื่นเถิดคนดีอย่ามัวนิทรา พี่แบกคันไถ..... 555""' ขอบคุณมากครับที่แวะมา
15 มีนาคม 2553 15:11 น. - comment id 28517
คุณดาวศรัทธา..รอบสาม อิอิ ..รักครั้งแรกย่อมฝังใจเสมอ ครับ คงมีกันทุกคน...และส่วนมากจะ ผิดหวัง.. เพราะรักครั้งแรก มันแค่ความชอบ.. เรื่องความชอบนี่ ใครๆ ย่อม ต้องการนะครับ แต่..ที่ไม่ต้องการคือ ไปสู่ที่ชอบๆ นี่แหละ อิอิอิ
15 มีนาคม 2553 16:57 น. - comment id 28520
แอบมาเก็บข้อมูล...จะได้เอาไปใช้บ้าง...
15 มีนาคม 2553 20:03 น. - comment id 28523
แวะมาเก็บร่องรอยแปร ที่เปลี่ยนไป แวะมาู รักครั้งแรก ไม่ยักกะล่าใ้ฟังบ้าง
15 มีนาคม 2553 21:23 น. - comment id 28524
คุณดาวศรัทธา รับทราบครับ
15 มีนาคม 2553 21:24 น. - comment id 28525
คุณแกง.. ตามสบายไม่เก็บลิขสิทธิ์
15 มีนาคม 2553 21:24 น. - comment id 28526
คุณวิทย์ ว่าแต่อยากทราบเรื่องของใครละครับ อิอิอ ว่าแต่ คุงฝน น้องฉาง ทำไมไม่ปลุกมาด้วยครับนี่
16 มีนาคม 2553 01:41 น. - comment id 28529
โอ๊ะ...โอ... นี่เล่นย้อนยุคกันเลยนะคะ งั้นขออ่านความหลัง ดูรอยไถไปพลางค่ะ
15 มีนาคม 2553 15:32 น. - comment id 28538
แวะมาแอบดูคนเล่าฟามหลังกัน
15 มีนาคม 2553 11:29 น. - comment id 28540
ทุ่งนาแดนนี้ คงร้างไปอีกนาน ข้าเอง ก็เหลือ จะทาน เพราะมัน แสนสุด จะแก้ หมดกำลังใจ แล้วเรียมเอ๋ยข้า คงตายแน่ จะไถไปอีก ก็กลัวแพ้ เพราะรอยมันแปร เสียแล้ว เรียมเอย .... ฝันร้องให้เรียมฟัง... ... ทักทายค่ะ...
15 มีนาคม 2553 12:18 น. - comment id 28542
ความจริง ไถแปร คือชื่อ"กระบวนท่า"การไถแบบหนึ่ง หลังจาก ไถดะ (มั้ง) รู้สึกจะมีไถกลบด้วย (ไถดะ- เดี๋ยวนี้ใครเอาไปใช้ก็ไม่รู้ อิอิ) ผมซาบซึ้งกับเพลงรอยไถแปรตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่ รร.วัดหนองแขม ที่ฝั่งธน แล้วหลงรักสาวหมวยที่มาช่วยเย็บกระดุมเสื้อที่หลุดในห้องเรียน ม3 (ป7 สมัยนี้) เพลงของก้านกำลังดังช่วงนี้แหละ อีกเพลงคือ น้ำตาลก้นแก้ว เมื่อก่อน หนองแขม คลองยังสะอาดลงเล่นน้ำเกาะเรือโยงได้ทุกวัน ทุ่งนามีอุดมสมบูรณ์ไปหมด
15 มีนาคม 2553 14:03 น. - comment id 28543
นั่นไง...ชัดเลย อิอิ ด้ายสีฟ้า ยังจำเหตุการณ์นั้นได้อีกเหรอคะ คริ คริ ตอนนี้เปงไงบ้างคะ ยังคิดถึงสาวหมวยคนเดิมอยู่อีกอ่ะป่าว ขออำภัย ปู่กิ่งที่แอบมาคุยกะหนุ่ม
15 มีนาคม 2553 13:43 น. - comment id 28544
เฌอ รู้ป่าว ตอนนั้นหลงรักขนาดนั่งๆนอนๆคิดถึงอยู่ริมคลอง ใต้ต้นมะพร้าว แล้วได้ยินเพลงร้องว่า.. "แม่ น้ำตาล ก้นแก้ว เขาชิมเจ้าแล้ว จึงหยดถึงมือพี่ .. " เล่นเอาเพ้อไปเลย ทั้งที่ยังไม่ค่อยจะประสาเท่าไร ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้หรอก ป7 ก็เฟี้ยวแล้ว กระดุมที่ติดให้ ใช้ด้ายสีฟ้านะ ขัดกับเสื้อขาว เด่นเป็นที่หัวเราะของเพื่อนๆเลย ขออำไพคุณกิ่งที่แอบมาคุยกับสาว อิอิ
15 มีนาคม 2553 13:04 น. - comment id 28545
คุณแก้วประภัสสร ไม่เพี้ยนครับ เข้าใจถูกแล้วครับ รอยไถแปร.. ที่เปลี่ยนไปตามจิตใจคน ..สมัยนี้ครับ น่าเห็นใจ ฝนฟ้า มันไม่เป็นไปตามฤดูกาล ไม่รู้แผ่นดิน กำลังพิพากษา ใครอยู่ จึงบันดาลให้เกิดภัยแล้งเช่นนี้ คนบ้านนา บ้านไร่ จึงทิ้งไถ..มาหาเงินกัน บางที เงินมันก็แสนจะหายาก ลำบาก แต่บางครั้ง...แสนจะหาง่าย.. สองสามวันนี้..แถว สำโรง คลองด่าน ตั้งโต๊ะ แจกกันเลย.. ตั้ง 2000 มันก็เย้ายวนใจพิลึก..เพราะชีวิตอยู่ได้เพราะกิน..5555
15 มีนาคม 2553 16:26 น. - comment id 28556
เพลงแรกสุดแหละครับ เพลงหลังๆฟังยังไงก็ไม่อิน
15 มีนาคม 2553 10:11 น. - comment id 28580
อะจ๊ะ อ่านหัวข้อกระทู้ ไหงตาเพี้ยนเป็ง รอยไถแปร
15 มีนาคม 2553 10:18 น. - comment id 28581
เคยฟังทั้งสองเวอร์ชั่นอ่ะ... ทั้งคุณก้าน แก้วสุพรรณ และ คุณนิค นิรนาม อุ๊ย...รู้สึกแก่ๆยังไงมะรู้แฮะ
15 มีนาคม 2553 10:19 น. - comment id 28582
ใส่เพลง อิอิ
21 มีนาคม 2553 20:59 น. - comment id 28701
บทเพลงนี้ ฟังตอนเดินทางไปต่างจังหวัด ทำให้บทเพลงเพราะขึ้นอีกเท่าตัว นึกถึงขวัญเรียม ตำนานรักแห่งทุ่งบางเขน ....... ผมว่าของโบราณนี้ มันมีค่านัก...ทำไมคนเราจึงจ้องจะพัฒนากันแต่ฝ่ายเดียวกันนะ..
21 มีนาคม 2553 21:27 น. - comment id 28702
ขอบคุณ คุณลำน้ำน่านนะครับที่มาเม้นให้ ..บทเพลงเก่า ๆ ส่วนมากมักนำ เรื่องราว สภาพป่าเขา ลำเนาไพร ทะเล ทุ่งนา เอามาเล่าขาน กัน