จำอวด หน้าม่าน วันนี้วันเสาร์ ราวบ่ายสี่โมง ทีวีชิ่ง 9 ( อย่ามาเก็บค่าโคดสะนาเน้อ 55)..เป็นรายการที่ต้องคอยดู ทุกครั้งที่มีโอกาส รายการคุณพระช่วย...เฉพาะ จำอวดหน้า ม่าน กิ่งโศก ต้องปรบมือให้ เลย คือการ ร้องเพลงฉ่อย ของ ตลก ที่กิ่งโศก มองว่าเป็นศิลปินตลก ที่ควรชื่นชม การร้อง แม้นว่า จะซ้อมกันมาก่อน ก็ดี ด้นสด ก็ดี ผม ว่า ผู้ร้องทั้งสาม คนที่เป็นชาย นั้น ส่ง รับ กันได้แบบไหลลื่นจริงๆ มองถึงในเชิงอนุรักษ์แล้ว ถือว่าอนุรักษ์ เพลงไทย เพลงฉ่อย ภาพที่เห็นคือ ความสนุกสนาน ของคนดู คนร้องที่ถือว่า เป็นผู้ดำเนินเรื่องราว ได้ ด้วยความมีไหวพริบจริงๆ และต้องเชี่ยวชาญ แม้แต่คนที่ให้จังหวะดนตรี ( หัวร่องอหาย) แม้นเนื้อหา การร้อง จะเพื่อสนุกสนาน แล้ว ยังปลุกให้เพลงฉ่อย..ตื่นขึ้นมาอีกรอบ..ซึ่งเคยตื่นผิดๆ ไปหลายครัง ที่กระบวนการเพลงแรฟ นำเพลงฉ่อย ไปดัดแปลงร้อง จนคนลืม. ความเป็นเพลงฉ่อยไปเลย กิ่งโศก ก็ไม่ได้ฟังบ่อยนักเพลงฉ่อย ลำตัด หรือเพลงไทยเดิม.. รายการนี้ ถือว่า คงความสาระ ในรูป ความรื่นเริง น้าโย่ง เชิญยิ้ม ตลก แนวโบราณ ผู้มี ลูกเล่น ในการพูด การเล่นคำอยู่แล้ว..ถือว่าเป็นตัวชูโรง และลูกคู่ น้าพวง น้านง ที่สอดรับมุข กันในเชิงเพลงฉ่อยได้อย่างกลมกลืน ดูแล้วไม่ผิดหวังครับ..ดีกว่าไปดูจำอวดแบบอื่น อิอิอิ ๏ เอชาเอ้ชัดช้า .......หนอยแม่ เสียงถกโต้ความแปล...ปลาบปลื้ม รักรุกสนุกแด.....ดื่มด่ำ เสียงย่ำกรับรับรื้น...ร่วนกลั้วบันเทิง ๚ะ ๏ โอ้อวดเชิงอวดโอ้......เชิงชาญ ยลย่อมยินยกขาน... จริตไร้ หอมเห่อห่อนจางนาน....ฝากชื่อ เสริมส่งจรรโลงไว้.....รีตตั้งดั้งเดิม ๚ะ ๏ ฟังสิฟังนั่นเน้น.......จำนรรจ์ รื่นรื่นชื่นชื่นขัน......ปากค้าง ส่งส่งรับรับสันต์.....ร่ำสร่าง สุขสุขมากมายสร้าง.....ฝากไว้รังสรรค์ ๚ะ ๏ โอ้อวดเชิงอวดโอ้.....ภูมิตน ขานข่มเหนือใครคน....เหยียดข้อ วลีฝากเชิงกล......เกลาแอบ แฝงนอ ใดเล่าเขาคงล้อ.....สากซ้อนถือศีล ๚ะ + กิ่งโศก+
20 กุมภาพันธ์ 2553 17:09 น. - comment id 27917
[บทแรกของโคลง ขออนุญาติ ผู้เชี่ยวชาญเชิงโคลงนะครับ..ที่ลงท้ายคำ...แม่..ที่ไม่เป็นคำสุภาพ..ขอใช้เฉพาะงานนี้ขอรับ อิอิ
21 กุมภาพันธ์ 2553 10:30 น. - comment id 27918
พูดถึงเพลงฉ่อย แบมนึกถึงแม่จิตร และพ่อหวังเต๊ะ สมัยก่อน ท่านร้องเพลงฉ่อย โต้ตอบกัน แต่ตอนนี้ พ่อหวังเต๊ะจากไปแล้วค่ะ ขอบคุณที่นำเนื้อเพลงฉ่อยมาฝากกันค่ะ
21 กุมภาพันธ์ 2553 11:02 น. - comment id 27919
สวัสดีครับคุณแบม ..เพลงเก่าๆ แนวไทยๆ เริ่มเลือนหาย ไป หันกลับมาดู มาฟัง ผมเอง เสียดายหากความเป็นไทยเหล่านี้จะ ไม่มีคงไว้ในอนาคต... มีความสุขกับวันหยุดครับ
21 กุมภาพันธ์ 2553 09:21 น. - comment id 27953
น้องฉาง มายิ้มอย่างเดียวหรือ อิอิ ไม่เคยดูสิ...นอนกลางวันตื่นกลางคืนนี่ นา อิอิ มีความสุขสนุกสนาน เถิดน้องเรา
20 กุมภาพันธ์ 2553 19:52 น. - comment id 27957
21 กุมภาพันธ์ 2553 07:45 น. - comment id 27960
รายการ คุณพระช่วย เป็นรายการที่ดีมากๆ ทั้งอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และร้อยเรียงเรื่องราวที่น่ารู้มากมาก วันก่อนดูคอนเสริทร์คุณพระช่วย ดูแล้วต้องดูอีก สุดยอดจริงๆ ขอบคุณสำหรับกระทู้ต่างๆ ที่ให้ความรู้ สบายดีนะครับ ขอให้มีความสุขมากๆ
21 กุมภาพันธ์ 2553 09:28 น. - comment id 27963
สวัสดีครับพี่ไร้ฯ หุหุ วันนี้หลงมามุม กระทู้ กิ่งโศกจนได้ อิอิ รายการนี้ชอบดูตอน จำอวดหน้าม่านนี่แหละครับ ผม..ประทับใจคือ การรับมุขกันโดยที่ไม่ติดขัด แม้นว่าเป็นการซ้อมกันมาก่อนแต่แสดงได้กลมกลืนมาก.. ..เพลงฉ่อย..คืองานกลอนชนิดหนึ่ง ที่ตอนนี้จะมีแค่ หน่วยงานหน่วยหนึ่งเท่านั้น และคนที่สืบสาน ก็เป็นรุ่น ที่สูงวัย ไปแล้ว วัยรุ่นสมัยนี้ รับเอาบทเพลง ..เชิงสนุกสนาน ตามวัฒธรรม อื่นที่แพร่เข้ามากันมาก.. แต่อย่างว่า ..ค่านิยม ที่อยากมองว่า เป็นประเทศพัฒนา... ...เวลาคงแปรเปลี่ยนไปตามสถานะการณ์ .. จำอวด แบบนี้ผมอยากให้ คงมีไว้ครับ ดีกว่า จำอวด ไปกันอีกแบบ ที่หาความศรัทธา แทบไม่มี ขอบคุณพี่ไร้ มากครับ
22 กุมภาพันธ์ 2553 12:23 น. - comment id 27966
โดยส่วนตัวชอบน้าโย่ง เชิญยิ้มค่ะ คนอะไรก็ไม่รู้ เล่นเป็นคนแก่ได้ดี ทั้งชายและหญิง มุขก็สะอาดๆไม่หยาบคาย ดูเป็นตลกที่อ่อนน้อมดีค่ะ
22 กุมภาพันธ์ 2553 12:54 น. - comment id 27967
คุณน้ำตาลหวาน .น้าโย่ง แกเป็นตลกไหวพริบปฏิภาณดีครับ ผมเองก็ชอบดู.. ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมกันจ้า
22 กุมภาพันธ์ 2553 13:20 น. - comment id 27968
ไม่มีโอกาศดูทีวีพี่นเอามาบรรยายเห้ฯภาพเยย
23 กุมภาพันธ์ 2553 20:45 น. - comment id 28030
ดีจ้าน้องพิม อิอิ...แท้งกิ้วที่มาเยี่ยมนะ
10 เมษายน 2554 09:36 น. - comment id 33191
ขอสนับสนุนศิลปะวัฒนธรรมไทย และชื่นชมตลกยกระดับกลุ่มนี้มาก ท้งเจ้าของรายการ ผู้ผลิต และทุกฝ่าย ขอบคุณที่ทำรายการดีๆ ออกมาให้คนไทยได้ชมกันค่ะ
8 มิถุนายน 2554 12:03 น. - comment id 33525
ภาพยามช้าตรู่ แสงระยิบทอดต้องสายน้ำในลำคลองดูงดงามประหลาด ณ.ริมคลองกลางสวนอำเภออัมพวาที่ยังคงสภาพความเป็นวิถีชาวสวน ชนแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ความติดตา และตรึงตราที่ชวนจดจำนั่น เรือพายที่กำลังค่อยๆ พายมาตามชายคลอง ความชราแห่งสรีระของภิกษุ พระสงฆ์ผู้ภิกขาจารด้วยทางน้ำ รับบิณฑบาตร โปรดสัตว์ .. หากเป็นคนในพิ้นที่ หรือคนริมคลอง ริมแม่น้ำคงเห็นเป็นเพียงภาพปกติ ..แต่คนไกลทะเล ไกลแม่น้ำเช่นกิ่งโศก นั้นแลใองด้วยความปีติสุขยิ่ง พระสงฆ์ชราพายเรือด้วยความสม่ำเสมอนั้น ดูขัดแย้งกับสังขาร ใบหน้าแม้นดูเพาะบ่มไปด้วยเส้นทางชีวิตที่มากมาย แต่ดวงตากลับเปล่งทอกระจ่าง ดุจมีพละกำลัง เช่นคนวัยหนุ่มอยู่เสมอ ท่านเสวานาด้วยรอยยิ้ม พร้อมให้ศิล ให้พร ด้วยภาษาบาลี และพร้อมคำแปลยาวๆ เราชาวพุทธบริษัท ซึมซับด้วยความสุขเป็นอย่างยิ่ง คล้ายแลเห็นกงเกวียนที่หมุนเป็นวงล้องชีวิต ที่ต่างหมุนไปตามเส้นทาง ที่กำหนด และไม่กำหนด เส้นทางที่กำหนดนั้นคือรอยกรรมเดิม ที่ผู้คนต้องชดใช้ให้เสร็จสิ้นในภพนี้ ส่วนเส้นทางที่ไม่ได้กำหนด นั้นคือกรรมใหม่ที่บังเกิดขึ้น จะเป็นกรรมดี กรรมไม่ดี ขึ้นอยู่สิ่งที่เรากระทำ ที่รอการชดใช้แลสนองตอบ ลำนำครานี้ไม่ได้ชักชวนให้เข้าสู่ในห้วงแห่งธรรมใดๆ เพียงแค่บอกเล่าเสี้ยวหนึ่งกับที่ได้พบได้ไปกระทำมา อัมพวา ลุ่มน้ำแม่กลองที่ไหลผ่านจากฝั่งตะวันตก ทิวเขาที่เมืองกาญจน์ ผ่านราชบุรี จนถึงสมุทรสงคราม .. สถาพบ้านช่องแม้นจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามความเป็นอารยะ แต่ก็ยังพยายามรักษาความเป็นไทยไว้ พอควร ตลาดน้ำผู้คนพลุ่งพล่าน แต่ตามสองฝั่งก้เต็มไปด้วยขจีของต้นไม้ ทั้งไม้ผล ไม้ดอก ของชาวสวน สร้างความร่มรื่น ความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่พื้นที่ ทำนองเพลงมนต์รักแม่กลอง ก็แผ่วพลิ้ว สู่จินตนาการกิ่งโศกอยู่ทุกท่วงขณะ..แต่ณ..คาบนี้อยากนำเสนอ แนวที่คนลูกกรุงร้องดูบ้างครับ เกี่ยวกับลำน้ำแม่กลอง..วันนี้นำเสนอคุณ สุเทพ วงค์กำแหง ขับร้อง แม่กลอง เถิดเชิญ ทุกท่านล้อมวง เข้ามาครับ.. แม่กลอง คำร้อง :ชาลี อินทรวิจิตร ทำนอง : สมาน กาญจนผลิน ขับร้อง : คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ------------------------------------ สายชลแม่กลองเหมือนดังละอองน้ำตก ใสดังกระจก เปรียบดังจิตใจเจ้าของ พี่ลอยรักให้ฝากไปในสายแม่กลอง ขอเชิญให้น้อง ครองความรักไว้เถิดหนา สายชลเชี่ยวนักแพ้ใจรักจริงของพี่ รักลอยมานี่ ดั่งใจพี่ครวญใฝ่หา นางนวลขาวผ่องไม่ผ่องเกินนวลแก้วตา เนื้อนวลนวลกว่านวลนกนวลปลาไหนๆ กลางกระแสแลล้วนโป๊ะล้อม เขาลงอวนอ้อมล้อมสกัดมัจฉาเอาไว้ แม้พี่เป็นปลาไม่ปรารถนาเข้าอวนของใคร พี่จะขออยู่แต่ใน อวนใจน้องเจ้าเท่านั้น
8 มิถุนายน 2554 12:06 น. - comment id 33526
๏.. วิบากกรรม..๏ ด้วยโคลง(๓) สามสุภาพ ๏ กรรมเก่าเคล้าติดกลัว ....... มัวหรัวแจ่มพิศแจ้ง ย้อนไล่วกจกแว้ง ............... ชดใช้จี้ทรวง ๚ะ ๏ มรรคบ่วงล่วงดึงรั้ง ........... ยอบ่ยั้งยุดได้ บ่ายเลี่ยงเบี่ยงก้าวไซ้ร์ ........ หลีกเร้นได้ฤา ๚ะ ๏ คือสิ่งสิงข่มเคล้า ............ จักคอยเร้าแทรกล้วง สร้างใหม่กอดทอดห้วง ........ จิตห้อมย้อมเติม ๚ะ ๏ ลบบาปหรือจักล้าง .......... ให้มล้างมอดเถ้า คงยากวิบากเกล้า .............. เกิดครั้นรอคืน ๚ะ ๏ สุขาลัยไขแล้ว ........... ส่องแพร้วจรัสรุ้ง เพียงหมั่นบานบุญฟุ้ง ....... สบฟ้าส่งฝัน ๚ะ ๏ รอยกรรมร่ำก้าวสืบ .......... รุกคืบสิไล่คว้า ใช้ทดทดทอนถ้า- ............. อกร้าวโอดหลอน ๚ะ๛ + กิ่งโศก +
8 มิถุนายน 2554 12:08 น. - comment id 33527
ภาพยามช้าตรู่ แสงระยิบทอดต้องสายน้ำในลำคลองดูงดงามประหลาด ณ.ริมคลองกลางสวนอำเภออัมพวาที่ยังคงสภาพความเป็นวิถีชาวสวน ชนแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ความติดตา และตรึงตราที่ชวนจดจำนั่น เรือพายที่กำลังค่อยๆ พายมาตามชายคลอง ความชราแห่งสรีระของภิกษุ พระสงฆ์ผู้ภิกขาจารด้วยทางน้ำ รับบิณฑบาตร โปรดสัตว์ .. หากเป็นคนในพิ้นที่ หรือคนริมคลอง ริมแม่น้ำคงเห็นเป็นเพียงภาพปกติ ..แต่คนไกลทะเล ไกลแม่น้ำเช่นกิ่งโศก นั้นแลใองด้วยความปีติสุขยิ่ง พระสงฆ์ชราพายเรือด้วยความสม่ำเสมอนั้น ดูขัดแย้งกับสังขาร ใบหน้าแม้นดูเพาะบ่มไปด้วยเส้นทางชีวิตที่มากมาย แต่ดวงตากลับเปล่งทอกระจ่าง ดุจมีพละกำลัง เช่นคนวัยหนุ่มอยู่เสมอ ท่านเสวานาด้วยรอยยิ้ม พร้อมให้ศิล ให้พร ด้วยภาษาบาลี และพร้อมคำแปลยาวๆ เราชาวพุทธบริษัท ซึมซับด้วยความสุขเป็นอย่างยิ่ง คล้ายแลเห็นกงเกวียนที่หมุนเป็นวงล้องชีวิต ที่ต่างหมุนไปตามเส้นทาง ที่กำหนด และไม่กำหนด เส้นทางที่กำหนดนั้นคือรอยกรรมเดิม ที่ผู้คนต้องชดใช้ให้เสร็จสิ้นในภพนี้ ส่วนเส้นทางที่ไม่ได้กำหนด นั้นคือกรรมใหม่ที่บังเกิดขึ้น จะเป็นกรรมดี กรรมไม่ดี ขึ้นอยู่สิ่งที่เรากระทำ ที่รอการชดใช้แลสนองตอบ ลำนำครานี้ไม่ได้ชักชวนให้เข้าสู่ในห้วงแห่งธรรมใดๆ เพียงแค่บอกเล่าเสี้ยวหนึ่งกับที่ได้พบได้ไปกระทำมา อัมพวา ลุ่มน้ำแม่กลองที่ไหลผ่านจากฝั่งตะวันตก ทิวเขาที่เมืองกาญจน์ ผ่านราชบุรี จนถึงสมุทรสงคราม .. สถาพบ้านช่องแม้นจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามความเป็นอารยะ แต่ก็ยังพยายามรักษาความเป็นไทยไว้ พอควร ตลาดน้ำผู้คนพลุ่งพล่าน แต่ตามสองฝั่งก้เต็มไปด้วยขจีของต้นไม้ ทั้งไม้ผล ไม้ดอก ของชาวสวน สร้างความร่มรื่น ความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่พื้นที่ ทำนองเพลงมนต์รักแม่กลอง ก็แผ่วพลิ้ว สู่จินตนาการกิ่งโศกอยู่ทุกท่วงขณะ..แต่ณ..คาบนี้อยากนำเสนอ แนวที่คนลูกกรุงร้องดูบ้างครับ เกี่ยวกับลำน้ำแม่กลอง..วันนี้นำเสนอคุณ สุเทพ วงค์กำแหง ขับร้อง แม่กลอง เถิดเชิญ ทุกท่านล้อมวง เข้ามาครับ.. แม่กลอง คำร้อง :ชาลี อินทรวิจิตร ทำนอง : สมาน กาญจนผลิน ขับร้อง : คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ------------------------------------ สายชลแม่กลองเหมือนดังละอองน้ำตก ใสดังกระจก เปรียบดังจิตใจเจ้าของ พี่ลอยรักให้ฝากไปในสายแม่กลอง ขอเชิญให้น้อง ครองความรักไว้เถิดหนา สายชลเชี่ยวนักแพ้ใจรักจริงของพี่ รักลอยมานี่ ดั่งใจพี่ครวญใฝ่หา นางนวลขาวผ่องไม่ผ่องเกินนวลแก้วตา เนื้อนวลนวลกว่านวลนกนวลปลาไหนๆ กลางกระแสแลล้วนโป๊ะล้อม เขาลงอวนอ้อมล้อมสกัดมัจฉาเอาไว้ แม้พี่เป็นปลาไม่ปรารถนาเข้าอวนของใคร พี่จะขออยู่แต่ใน อวนใจน้องเจ้าเท่านั้น
8 มิถุนายน 2554 12:10 น. - comment id 33528
ภาพยามช้าตรู่ แสงระยิบทอดต้องสายน้ำในลำคลองดูงดงามประหลาด ณ.ริมคลองกลางสวนอำเภออัมพวาที่ยังคงสภาพความเป็นวิถีชาวสวน ชนแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ความติดตา และตรึงตราที่ชวนจดจำนั่น เรือพายที่กำลังค่อยๆ พายมาตามชายคลอง ความชราแห่งสรีระของภิกษุ พระสงฆ์ผู้ภิกขาจารด้วยทางน้ำ รับบิณฑบาตร โปรดสัตว์ .. หากเป็นคนในพิ้นที่ หรือคนริมคลอง ริมแม่น้ำคงเห็นเป็นเพียงภาพปกติ ..แต่คนไกลทะเล ไกลแม่น้ำเช่นกิ่งโศก นั้นแลใองด้วยความปีติสุขยิ่ง พระสงฆ์ชราพายเรือด้วยความสม่ำเสมอนั้น ดูขัดแย้งกับสังขาร ใบหน้าแม้นดูเพาะบ่มไปด้วยเส้นทางชีวิตที่มากมาย แต่ดวงตากลับเปล่งทอกระจ่าง ดุจมีพละกำลัง เช่นคนวัยหนุ่มอยู่เสมอ ท่านเสวานาด้วยรอยยิ้ม พร้อมให้ศิล ให้พร ด้วยภาษาบาลี และพร้อมคำแปลยาวๆ เราชาวพุทธบริษัท ซึมซับด้วยความสุขเป็นอย่างยิ่ง คล้ายแลเห็นกงเกวียนที่หมุนเป็นวงล้องชีวิต ที่ต่างหมุนไปตามเส้นทาง ที่กำหนด และไม่กำหนด เส้นทางที่กำหนดนั้นคือรอยกรรมเดิม ที่ผู้คนต้องชดใช้ให้เสร็จสิ้นในภพนี้ ส่วนเส้นทางที่ไม่ได้กำหนด นั้นคือกรรมใหม่ที่บังเกิดขึ้น จะเป็นกรรมดี กรรมไม่ดี ขึ้นอยู่สิ่งที่เรากระทำ ที่รอการชดใช้แลสนองตอบ ลำนำครานี้ไม่ได้ชักชวนให้เข้าสู่ในห้วงแห่งธรรมใดๆ เพียงแค่บอกเล่าเสี้ยวหนึ่งกับที่ได้พบได้ไปกระทำมา อัมพวา ลุ่มน้ำแม่กลองที่ไหลผ่านจากฝั่งตะวันตก ทิวเขาที่เมืองกาญจน์ ผ่านราชบุรี จนถึงสมุทรสงคราม .. สถาพบ้านช่องแม้นจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามความเป็นอารยะ แต่ก็ยังพยายามรักษาความเป็นไทยไว้ พอควร ตลาดน้ำผู้คนพลุ่งพล่าน แต่ตามสองฝั่งก้เต็มไปด้วยขจีของต้นไม้ ทั้งไม้ผล ไม้ดอก ของชาวสวน สร้างความร่มรื่น ความสมบูรณ์พูนสุขให้แก่พื้นที่ ทำนองเพลงมนต์รักแม่กลอง ก็แผ่วพลิ้ว สู่จินตนาการกิ่งโศกอยู่ทุกท่วงขณะ..แต่ณ..คาบนี้อยากนำเสนอ แนวที่คนลูกกรุงร้องดูบ้างครับ เกี่ยวกับลำน้ำแม่กลอง..วันนี้นำเสนอคุณ สุเทพ วงค์กำแหง ขับร้อง แม่กลอง เถิดเชิญ ทุกท่านล้อมวง เข้ามาครับ.. แม่กลอง คำร้อง :ชาลี อินทรวิจิตร ทำนอง : สมาน กาญจนผลิน ขับร้อง : คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ------------------------------------ สายชลแม่กลองเหมือนดังละอองน้ำตก ใสดังกระจก เปรียบดังจิตใจเจ้าของ พี่ลอยรักให้ฝากไปในสายแม่กลอง ขอเชิญให้น้อง ครองความรักไว้เถิดหนา สายชลเชี่ยวนักแพ้ใจรักจริงของพี่ รักลอยมานี่ ดั่งใจพี่ครวญใฝ่หา นางนวลขาวผ่องไม่ผ่องเกินนวลแก้วตา เนื้อนวลนวลกว่านวลนกนวลปลาไหนๆ กลางกระแสแลล้วนโป๊ะล้อม เขาลงอวนอ้อมล้อมสกัดมัจฉาเอาไว้ แม้พี่เป็นปลาไม่ปรารถนาเข้าอวนของใคร พี่จะขออยู่แต่ใน อวนใจน้องเจ้าเท่านั้น **สายชลแม่กลองน้ำนองสองฟากล้นฝั่ง น้ำใจจงหลั่ง พอได้ประทังชีพฉัน สายน้ำมิอาจตัดขาดออกไปจากกัน สายใยสัมพันธ์ ขาดกันไม่ได้หรอกเอย.. ๏.. วิบากกรรม..๏ ด้วยโคลง(๓) สามสุภาพ ๏ กรรมเก่าเคล้าติดกลัว ....... มัวหรัวแจ่มพิศแจ้ง ย้อนไล่วกจกแว้ง ............... ชดใช้จี้ทรวง ๚ะ ๏ มรรคบ่วงล่วงดึงรั้ง ........... ยอบ่ยั้งยุดได้ บ่ายเลี่ยงเบี่ยงก้าวไซ้ร์ ........ หลีกเร้นได้ฤา ๚ะ ๏ คือสิ่งสิงข่มเคล้า ............ จักคอยเร้าแทรกล้วง สร้างใหม่กอดทอดห้วง ........ จิตห้อมย้อมเติม ๚ะ ๏ ลบบาปหรือจักล้าง .......... ให้มล้างมอดเถ้า คงยากวิบากเกล้า .............. เกิดครั้นรอคืน ๚ะ ๏ สุขาลัยไขแล้ว ........... ส่องแพร้วจรัสรุ้ง เพียงหมั่นบานบุญฟุ้ง ....... สบฟ้าส่งฝัน ๚ะ ๏ รอยกรรมร่ำก้าวสืบ .......... รุกคืบสิไล่คว้า ใช้ทดทดทอนถ้า- ............. อกร้าวโอดหลอน ๚ะ๛ + กิ่งโศก +