อะไรคือแรงบันดาลใจ ในการเริ่มเขียนกลอนครั้งแรกของท่าน จนทำให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดวรรณศิลป์ของแผ่นดิน มาจนถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
18 มกราคม 2553 10:06 น. - comment id 26909
แรงบันดาลใจมาจากคำพูดพี่ครูแขก (คนกุลา) ท่านเคยบอกไว้ว่า ไม่มีใคร ถ่ายทอดสิ่งที่เราพบเห็นได้ดีเท่าเรา เราเริ่มจากเม้นท์ในกลอนพี่ครูแขก หลังจากนั้นเราก็หายไป แต่ในยามที่เรา เหนื่อยและท้อ พี่ครูแขกก็ไม่เคยทิ้ง ท่านจะให้กำลังใจเราเสมอ วันครูเราไม่ได้ไปกราบท่าน เราขออนุญาต กราบขอบคุณพี่ครูแขก คนกุลา ณ ที่นี้นะ
18 มกราคม 2553 10:07 น. - comment id 26910
พี่ครูแขก คนกุลาค่ะ
18 มกราคม 2553 17:28 น. - comment id 26911
ขอบคุณความคิดเห็นอันงดงามจากมโนราห์ครับ ขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงครับ
18 มกราคม 2553 19:43 น. - comment id 26913
ถ้าถามถึงแรงบันดาลใจ...มันก็นานจนจำแทบไม่ได้แล้วนะคะ เพราะว่าเท่าที่จำได้...ก็ชอบอ่านกลอน เขียนกลอน ฟังเพลง อ่านหนังสือ เรื่องสั้น วรรณคดีมานานแล้วน่ะค่ะ.. คิดดูแล้ว อาจเป็นเพราะชอบเรียนวิชาภาษาไทยก็เป็นได้ค่ะ วรรณคดีไทยมันมีเรื่องราวให้ติดตาม บางทีมีคำกลอนสอดแทรก อ่านทำนองเสนาะก็เพราะดี อืมมม...อาจจะเป็นเพราะตรงนั้นก็ได้ค่ะ
18 มกราคม 2553 21:05 น. - comment id 26914
19 มกราคม 2553 03:49 น. - comment id 26915
แอบหลงรักครูภาษาไทย อิอิ ไอ้เด็กนิสัยไม่ดี
19 มกราคม 2553 11:35 น. - comment id 26916
เขียนครั้งแรกตอนเรียนปวช.1 ค่ะ คุณครูภาษาไทยให้แต่งกลอนอะไรก็ได้ แต่พอส่ง กลับมีตัวหนังสือสีแดงตัวเบ้อเริ่ม ตรงตรวจให้คะแนนว่า "แต่งเองหรือเปล่า" ซะงั้น... ฝีมือล้วนๆค่ะอาจารย์ อิอิ แล้วก็นำมาลงที่บ้านกลอนครั้งแรกด้วยค่ะ จนบัดนี้ ก็ยังไม่พัฒนาให้ดีขึ้นเลยอ่ะ แหะๆ
19 มกราคม 2553 13:02 น. - comment id 26917
แรงบันดาลใจคงมาจากการอ่านหนังสือกลอนค่ะ เลยอยากลองแต่งมั่งแต่ไม่ค่อยเป็นสัปะรดเท่าไหร่ น่าจะออกแนว มะละกอ กล้วย ส้ม ป่อย พอได้มารู้จักบ้านกลอนก็เลยเริ่มหัดเขียนเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น จนถึงทุกวันนี้ คาดว่า แม้ยังไม่เป็นสัปะรด ก็คงจะ มีรสชาติขึ้นมั่งแล้ว ...อิอิ
19 มกราคม 2553 21:29 น. - comment id 26947
20 มกราคม 2553 09:50 น. - comment id 26954
แรงบันดานใจมาจากการได้อ่านงานคนอื่นแล้วรู้สึกชอบ ก็เลยอยากให้คนที่มาอ่านรู้สึกอย่างนั้นกับเราบ้าง
20 มกราคม 2553 21:06 น. - comment id 26971
ผมเริ่มจากแรงบันดาลบทกวีสองชิ้น คือ " เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน " ของ รศ.วิทยากร เชียงกูล และ วรรณกรรมของคุณนเรศ นโรปกรณ์ ที่ว่า " เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง ..." นี่คือจุดเริ่มต้นของการเขียนบทกวี พร้อมๆกับเริ่มต้นความคิดของการเป็นนักกิจกรรม ในเวลาต่อมาของผมครับ ก.ประแสร์ ศิษยาพร
21 มกราคม 2553 09:43 น. - comment id 26981
เริ่มต้นก็จากใจเลยค่ะ...มันค่อยๆซึมซับ ทีละน้อยๆจนกระทั่งเริ่มเขียนเป็นกลอนได้ ก็ตอนเรียนมัธยม..แต่ก็แบบมั่วๆไปตาม ประสา..แล้วก็หยุดทิ้งไปนานมากๆ..มาเริ่ม ปัดฝุ่นอีกครั้งก็ตอนได้เข้ามาที่บ้านกลอน แห่งนี้...
21 มกราคม 2553 17:48 น. - comment id 26989
21 มกราคม 2553 19:08 น. - comment id 26990
ครูภาษาไทยตอน ม.3....ชื่อครูสายพิณ กุลศรี (ขอเอ่ยชื่อ) ให้ทำงาน 1 ชิ้นในวิชาภาษาไทยคือให้รวบรวมบทกลอนที่ชอบมา 1 เล่มโดยคัดด้วยลายมือตนเอง.....ในเทอมนั้นก็เริ่มหาบทกลอนจากหนังสือขวัญเรือนบ้าง..หนังสือสักวาบ้าง...(สมัยนั้นไม่มี internet) ...รวบรวมได้ 1 เล่มซื่งล้วนเป็นผลงานของคนอื่น มีบทสุดท้ายก่อนจบ...อาจารย์ให้แต่งกลอนของตัวเองมา 1 บทจึงเป็นกลอนบทแรกที่แต่งเป็นและ..ในวิชาภาษาไทยอาจารย์มักให้อ่านทำนองเสนาะหน้าชั้นเรียน...ก็ชอบ...โดยเฉพาะขับเสภา...เพลงพวงมาลัยเป็นต้นคงได้ครูภาษาไทยดีเลยเป็นคนชอบอ่านวรรณกรรมตั้งแต่เด็กเก็บสะสมประสบการณ์อ่านมาเรื่อยๆ จนโตเขียนบทกลอนโดยมากก็สะสมไว้ในไดอารี่ของตนเอง...พอเจอบ้านกลอนไทยก็เริ่มไม่เขียนใน diary มาเขียนในบ้านกลอนไทยแทน...ชาวบ้านกลอนไทยน่ารักทุกคน
21 มกราคม 2553 20:36 น. - comment id 26993
ประทับใจในบทกลอนหลายๆบท เช่น สงสารใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง วนและวิ่ง คืนและวัน หวั่นและไหว เหมือนถูกกายกำบังกักขังใจ ใจจึงได้ดิ้นรนทุกหนทาง.... และอีกหลายๆบทของครุเนาวรัตน์ค่ะ... ตอนเรียน ม.4 ครูเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ไปอ่านกลอน และเป่าขลุ่ยให้ฟัง จากนั้นจึงชอบทั้งแต่งกลอน และเป่าขลุ่ย.... นี่คือที่มาค่ะ...