ปากก็บอกยินดีให้ความร่วมมือ แต่ซ่อนดาบในรอยยิ้มไว้ จะมีใครเสียอีกนอกจากสุดหล่อจอมปลอมคนนั้นนั่นเอง มีรึ ที่เงินถูกเสวยสุขมาช้านาน แล้วจู่ๆพยานปากเอกก็ดันโผล่มา งานนี้วัดใจผู้นำว่า จะช่วยได้ไหม ถ้าช่วยไม่ได้ ต้องฆ่าปิดปากเอง และต้องทำแบบหัวใจวาย แต่ถ้าทำไม่ได้ โป้งจอดก็ต้องทำ มิฉะนั้นพังกันทั้งระบบพรรคการเมือง
3 พฤศจิกายน 2552 12:16 น. - comment id 24981
โลกล้อมไทย ความนับถือที่ผู้นำต่างประเทศมีต่อรัฐบาลไทยหดหายไปจนหมดสิ้น เพราะเขารู้ว่าบัดนี้ผู้นำประชาธิปไตยของไทยถูกแทนที่ด้วยหุ่นเชิดของนักการเมืองหมายเลขหนึ่งของไทย ผู้ซึ่งเป็นนักการเมืองเขี้ยวลากดินที่ห่อหุ้มตัวเองไว้ในเกียรติยศมายาที่สร้างขึ้น และสะสมมานานปี ผนวกกับโฆษณาตัวเองซ้ำซากมากกว่านักการเมืองคนใดในประเทศ จนกลายเป็นการครอบงำอย่างสมบูรณ์ ใครรู้ข่าวผู้นำอาเซียนออกอาการประท้วงเมืองไทยแล้วเกิดโมโหโทโสในทำนองคลั่งชาติหรือกูไม่กลัวมิง โปรดสงบจิตใจและฟังทางนี้สักนิด แล้วจะรู้ว่าเขาประท้วงใครในเมืองไทย สิ่งที่เกิดขึ้นเกือบจะเรียกได้ว่า ไม่น่าเชื่อ และเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกในอาเซียนหรือสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้นำเป็นจำนวนมากพร้อมใจกันแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ต่อสมาชิกระดับก่อตั้ง (founding member) และมีเครดิตสูงอย่างไทย คำประกาศของฮุนเซ็น หรือสมเด็จเดโช นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชานั้นยังไม่เท่าไหร่ เพราะเป็นจุดยืนทางการเมืองของตัวท่านเองที่จะรักษาความเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขนาดเชิญมาอยู่ในประเทศอย่างถาวรและปลูกบ้านให้อยู่หนึ่งหลัง จะกระเทือนซางพวกอิจฉาริษยาระดับสูงของไทยถึงขั้นรวมสังขารไม่ติด ท่านก็คงไม่ใส่ใจนัก แต่เมื่อผู้นำในระดับหัวหน้ารัฐบาล ๕ ประเทศจากทั้งหมด ๑๐ ประเทศ ได้แก่ ประธานาธิบดีสุสิโล บัมบัง ยุดโดโยโนแห่งอินโดนีเซีย สมเด็จพระราชาธิบดีฮาเซนัล บอลเกียห์แห่งบรูไนดารุสซาลัม นายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซ็นแห่งกัมพูชา นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย และประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโยแห่งฟิลิปปินส์ พร้อมใจกันงดเข้าร่วมในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ ๑๕ ณ หัวหิน ประเทศไทย จนถึงขั้นต้องงดการถ่ายภาพหมู่ผู้นำตามประเพณี ตาทุกคู่ก็จ้องเข้ามาที่ประเทศไทย เพราะรู้ว่าผิดปกติ บรรยากาศอันเงื่องหงอยเซื่องซึม พาให้สาระของการประชุมถดถอยไปด้วย คำกล่าวปิดประชุมของนายกรัฐมนตรีไทยที่ควรเป็นบทสรุปที่เปี่ยมไปด้วยความคิดและความริเริ่มดีๆ จากที่ประชุม กลับกลายเป็นเบี้ยหัวแหลกหัวแตก ขาดสาระที่เป็นหนึ่งเดียวและไม่มีความสร้างสรรค์ใดๆ ความจริงใบหน้าของคุณอภิสิทธิ์ก็บอกทุกอย่างหมดโดยไม่ต้องพูดสักคำ รวมเอาความผิดหวัง ความสับสนงุนงง โทสจริต และความเบลอคิดอะไรไม่ออกไว้ในนั้นเสร็จสรรพ เรียกว่าโศกนาฏกรรมส่วนตัวก็ว่าได้ เดิมทีคนที่เขาจับตัวอภิสิทธิ์ขึ้นมาตั้งไว้ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเขาหวังว่า คนนี้จะเป็นหน้าตาของเขาในเวทีระหว่างประเทศได้ แล้วก็ผิดหวัง เพราะอภิสิทธิ์ภายใต้ความกดดันกลายเป็นคนที่หมดสิ้นแทบทุกอย่าง คิดไม่ออกบอกไม่ถูก และผู้นำอาเซียนอื่นๆ เขาก็มองด้วยสายตาที่สมเพช ทุกคนที่นั่งเรียงแถวหน้าเวทีในพิธีปิดประชุมที่หัวหิน ต่างรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและอภิสิทธิ์เป็นใคร สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกับประเทศที่เกิดปฏิญญากรุงเทพ พ.ศ.๒๕๑๐ และสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศที่คุณทักษิณในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสามารถจัดประชุมสุดยอดเอเปคได้อย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน? คำตอบที่ง่าย สั้น และตรงที่สุดคือ ความนับถือที่เขามีต่อรัฐบาลไทยหดหายไปจนหมดสิ้น เพราะเขารู้ว่าบัดนี้ผู้นำประชาธิปไตยของไทยถูกแทนที่ด้วยหุ่นเชิดของนักการเมืองหมายเลขหนึ่งของไทย ผู้ซึ่งเป็นนักการเมืองเขี้ยวลากดินที่ห่อหุ้มตัวเองไว้ในเกียรติยศมายาที่สร้างขึ้นและสะสมมานานปี ผนวกกับโฆษณาตัวเองซ้ำซากมากกว่านักการเมืองคนใดในประเทศ จนกลายเป็นการครอบงำอย่างสมบูรณ์ ถ้าไปแอบถามผู้นำเหล่านี้เป็นส่วนตัว จะพบว่าแต่ละท่านรู้ทั้งนั้นว่าใครเป็นตัวการใหญ่คอยป่วนประเทศไทยถึงขนาดนี้ การไม่ให้ความสำคัญกับคนในตำแหน่งอย่างคุณอภิสิทธิ์ เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่าเขาไม่อยากเสียเวลากับหุ่นเชิดของใคร ยิ่งกระเซอะกระเซิงไปจัดประชุมถึงหัวหิน เพื่ออ้างความเป็นเขตพระราชฐาน เขาก็ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งว่าชนชั้นปกครองของไทยกำลังว้าวุ่นแค่ไหนกับการปกป้องตัวเอง สนใจแต่เรื่องของอำนาจและผลประโยชน์รอบตัว ไม่ได้คิดถึงบ้านเมืองและประชาชนเลยสักนิด อย่างนี้ก็เป็นเหตุให้มายาบางอย่างค่อยๆ หลุดออกทีละชิ้น เหมือนจิตรกรรมฝาผนังที่ไร้การบูรณะจนแม้ต่างชาติต่างภาษาเขาก็เริ่มสังเกตเห็น ความล้มเหลวทางเกียรติยศในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๕ ความจริงเป็นอาการท้ายๆ แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นแทบจะไม่มีผู้นำเด่นๆ ของโลกมาเยือนประเทศไทยเลย ไม่ว่าในฐานะแขกของรัฐบาลหรือพระราชอาคันตุกะ ผิดกับยุคประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเฟื่องฟูที่หัวกระไดบ้านไทยไม่เคยแห้ง งานที่ติดอันดับโลกอย่างตอนที่กราบบังคมทูลและกราบทูลเชิญกษัตริย์และพระราชวงศ์มาแสดงมุทิตาจิตถวายพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ อย่าได้คิดจัดอีกเลย ไม่มีทางเป็นไปได้ในเงื่อนไขปัจจุบันของไทย อย่างเก่งก็จัดกันแค่นๆ เหมือนตอนเปิดสิ่งที่เรียกกันเสียหรูว่า โทรทัศน์อาเซียน หรือ ASEAN TV ในวันเดียวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน คือมีแต่นายกรัฐมนตรีไทย รัฐมนตรีไทย และเลขาธิการอาเซียนผู้เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ร่วมงานกันเต็ม หาตัวแทนของประเทศอื่นๆ ในอาเซียนทำยาไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว เพราะเขาเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ผู้นำของระบอบอำมาตยาธิปไตยไทยจงรู้ไว้เถิด คุณได้ทำลายเกียรติยศชื่อเสียงของชาติถึงขั้นที่เขาเห็นเราเป็นตัวตลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเรียบร้อยแล้ว คิดแล้วก็ใจหาย ในช่วงก่อนและหลังการประชุมเอเปคที่รัฐบาลทักษิณเป็นเจ้าภาพ ไทยเคยเนื้อหอมขนาดที่ได้รับการทาบทามจากมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโลกถึง ๓ ชาติเพื่อเยือนเมืองไทยพร้อมกับเข้าร่วมประชุมด้วย นั่นคือประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีหู จิน เทาของจีน มาคราวนี้ผู้นำอาเซียนและมหาอำนาจกลับเลี่ยงที่จะเยือนประเทศไทยก่อนหรือหลังการประชุมสุดยอด ทันทีที่ปิดประชุมต่างรีบเดินทางออกจากหัวหินเหมือนคนรังเกียจกัน พูดประสาชาวบ้านได้ว่าเขาเดินทางมาร่วมประชุมในเมืองไทยกันตามหน้าที่ แต่ไม่มีความรู้สึกอยากคบกับรัฐบาลไทยเหมือนที่เขารู้สึกสมัยเอเปค ความขัดแย้งในหมู่คนไทยที่แบ่งสีแบ่งฝ่ายกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่เทียบไม่ได้เลยกับฐานะที่ตกต่ำของไทยในสายตาโลกที่วัดและประเมินได้จากงานนี้ เศรษฐกิจระหว่างประเทศของไทยที่ต้องพึ่งพาและพึ่งพิงชาติอื่นๆ จะเดินต่อไปอย่างราบรื่นได้อย่างไรเมื่อตรายี่ห้อของไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิม แล้วอย่ามาพูดพล่อยๆ ว่าต่างชาติต่างภาษาเขาคิดขนาดนี้เพราะคุณทักษิณหรือมีใครจากเมืองไทยเที่ยวไปบังคับเขา ผมเคยได้ยินอะไรแบบนี้มาบ้างและรู้ทันทีว่าเป็นความคิดปัญญาอ่อนของพวกอำมาตย์ไทยที่คลานกันอยู่แถวนั้นโดยแท้ เขารู้กันทั่วในโลกาภิวัตน์ว่า หาใครไปบังคับใครได้ยากนักในโลกใบนี้ ความรักชอบในประชาธิปไตยและความรังเกียจระบอบเผด็จการโดยตรงและแอบแฝงเป็นความบริสุทธิ์จริงใจของเขาที่ใครไปบังคับไม่ได้ ช้างตายทั้งระบอบ ครอบด้วยใบบัวไม่ไหว เรื่องมันก็เท่านั้นครับ. ------------------------------- โดย จักรภพ เพ็ญแข
4 พฤศจิกายน 2552 09:59 น. - comment id 25006
ศาล/ตำรวจอเมริกายี่งเหง้า.แค่ยิงเลเซอร์ใส่เครื่องบิน ตัดสินจำคุก2ปีกว่า/พธม.ของไทยยึดสนามบิน..ได้เป็นถึงผู้ก่อการดี.. ไหน ใครบอกว่าอเมริการเป็นประเทศศรีวิไล/เจริญแล้ว มีเสรีภาพ...ล่ะ เรื่องแค่คนเอาแสงเลเซอร์ ที่บ้านเราวางขายกันตามตลาดนัดอันละ20บาท ยิง(ฉาย)ใส่เครื่องบิน ศาลที่นั้น ตัดสินอย่างป่าเถื่อน..ไร้จริยะธรรม ความปราณี ตัดสินติดคุกซะ2ปีกว่า มาดู..มาดู ประเทศไทยเป็นตัวอย่างสิ...พธม.พร้อมอาวุธ/บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ /ยึดหอบังคับการ/ยึดเครื่องบิน ทำร้ายผู้โดยสารที่ตกค้าง/ปล้นสะดมภ์ทรัพย์สินในสนามบิน คนพวกนี้ /เรื่องเหล่านี้เกิดในประเทศไทย..ประเทสที่มีกฏหมายสุดยอด.. ตอนนี้..ไอ้พวกพธม.เหล่านี้กลับมีความดีช่วยเหลือประเทศชาติ จนตำรวจต้องออกมารับรอง(แทนที่จะจับเข้าคุก)ว่า พวกเขาเป้นผู้ก่อการดี.. นี่ไงครับ อะเมสซิ่งไทยแลนด์..ที่ใครได้ยินเรื่องนี้ต่างสมเพชประเทศไทยยุคเผด็จการครองเมืองแบบนี้
4 พฤศจิกายน 2552 13:01 น. - comment id 25008
ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อย นาวภคนี สุวรรณภักดี เป็นอะไรกับนายอรรภวิช สุวรรณภักดี สส.พรรคประชาธิปัตย์ครับ ทำไมมีคนพูดถึงเงิน 4100 ล้านบาท ที่ธนาคารมหานครครับ มันเกี่ยวข้องัยงัยกันครับ ใครมีความรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับ
2 พฤศจิกายน 2552 14:11 น. - comment id 25020
ราเกช ทำให้พวกนักการเมืองหนาวหลายคน แบงค์กรุงเทพพาณิช มันโกงกันโดยคนสังคมชั้นสูง ตั้งแต่เมื่อครั้งคุณชายคึกฤทธิ์ยังมีชีวิต บารมีท่านเรื่องจึงยังไม่แดง คนชั้นสูงหากินกับการซื้อหุ้น ปั่นหุ้นจนร่ำรวย ต่อมานายสอง วัชรศรโรจน์ เข้าไปซื้อแล้วเก็บไว้ไม่ยอมขายในจำนวนที่มากพอ นายเกรียกเกียรติรู้จึงเปิดการเจรจา นายสองยอมขายให้ในราคาทุนที่ซื้อมา ก็เป็นอันตกลง แต่เมื่อเรื่องนี้ไปถึงกลุ่มทุนก็คิดกันว่า ควรผลักให้นายสองรับกรรมแทนเถอะเพื่อให้พวกตัวเองพ้นผิด จึงมีการกล่าวหากันว่านายสองปั่นหุ้น นายสองโดนคด สุดท้ายศาลยกฟ้องหมด นี่แหละครับเมืองไทยมีแต่เรื่องของคน...เ ....ว ๆ คนอย่างท่านทักษินคงจะไม่ใช่คนสุดท้ายแน่ๆ