ก่อนอื่นขอขอบคุณ กระทู้ทรงคุณค่านี้ค่ะ http://atcloud.com/stories/34588 http://atcloud.com/stories/34903 ^ ^ ^ ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆเลย ดูภาพพระองค์ท่านแล้วลองท่องประโยคนี้ดูนะคะ จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัวเลย เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ****คุณรู้สึกเหมือนกันมั๊ยคะ***
14 ตุลาคม 2552 17:00 น. - comment id 24411
เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
14 ตุลาคม 2552 17:14 น. - comment id 24412
ของขวัญจากก้อนดิน http://www.imeem.com/dolphin-bluesea/music/FtAYgPFe/nitipong/ เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง มีพลัง เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง รวมผู้คนมากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็นแผ่นดิน เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา ช่วยกันทำความดี ให้พ่อได้สุขใจ ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา .................................................
14 ตุลาคม 2552 18:59 น. - comment id 24413
.......สหายฝน ขอบคุณมาก ขอบคุณมากจริงๆ สำหรับกระทุ้นี้ ภาพอันทรงคุณค่า หาได้ไม่ยากนัก ........ พูดไม่ออกเช่นกัน น้ำตาซึม หากว่าวันหนึ่ง.....วันหนึ่ง.......
14 ตุลาคม 2552 19:09 น. - comment id 24414
14 ตุลาคม 2552 19:21 น. - comment id 24415
เห็นแล้วตื้นตันใจ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
14 ตุลาคม 2552 20:00 น. - comment id 24416
เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอบคุณกระทู้ดีๆทรงคุณค่านี้ค่ะ ////// ทำไม "คุณ" ถึง รัก "ในหลวง" //////// http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8373090/A8373090.html อ่านแล้วจุกไปถึงก้นบึ้งของหัวใจเลยค่ะ โดยเฉพาะ ค.ห ที่46 คุณratta พระราชาของฉัน ท่านไม่เคยสวมเสื้อเกราะหนาออกรบที่ไหน พระราชาของฉัน ท่านไม่เคยขี่ม้าขาวตามหาเจ้าหญิงองค์ไหน พระราชาของฉัน ท่านไม่เคยนั่งบนรถสีทอง ทอดมองประชาชนอย่างนิ่งดูดาย แต่พระราชาของฉัน ท่านสวมเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ พระราชาของฉัน ท่านไม่เคยหยุดตามหาพลเมืองที่ทุกข์ยาก พระราชาของฉัน ท่านลงจากรถจี๊ปแล้วนั่งลงคุยกับประชาชนอย่างไม่ถือพระองค์ บนหนทาง ๘๑ ปี หยาดเหงื่อของท่านได้ชโลมทั่วแผ่นดินไทยให้ชุ่มชื่น ความรักทำให้ทุกดวงตาหล่อรื้นไปด้วยความภักดี ถ้าไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ฉันคงไม่มีวันได้เห็นภาพเหล่านี้ และถ้าไม่ได้เกิดเป็นคนไทย ฉันคงไม่มีวันเข้าใจความหมายของคำว่าพระราชา ...ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน.
14 ตุลาคม 2552 20:04 น. - comment id 24417
ขอบคุณน๊า ***ฉางน้อย*** ***วิทย์ ศิริ*** ***ยาแก้ปวด*** เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ .........................................
14 ตุลาคม 2552 20:14 น. - comment id 24418
" แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้ ? " http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8368471/A8368471.html ขอบคุณกระทู้ทรงคุณค่าที่อยากเก็บรักษาไว้ตลอดไป เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 81เรื่องของ"ในหลวง"ที่คนไทยควรรู้ http://cms.srivikorn.ac.th/svk_forum/index.php?topic=763.0 ตลอดเวลา 60 ปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ ในหลวง ของปวงชนชาวไทยทรงครองสิริราชสมบัตินั้น พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกาย ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งพสกนิกรไทยกว่า 64 ล้านคน พระมหากรุณาธิคุณนี้ได้ประจักษ์ต่อทุกดวงใจมิเพียงแต่ชาวไทยเท่านั้น แม้แต่ชาวต่างชาติก็รู้จักในหลวงของเราว่า... ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดและเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยทุกคน ในฐานะคนไทยแล้ว คุณคิดว่า คุณรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์ดีหรือยัง หากว่ายังลองเข้าไปอ่าน 81 เรื่องราวของในหลวง ซึ่งบางเรื่องคุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นได้.... ** เมื่อทรงพระเยาว์ 1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.(เวลาท้องถิ่น สหรัฐฯ) 2. นายแพทย์ผู้ถวายการคลอดชื่อ ดับบลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์ 3. พระนาม "ภูมิพล" ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช 5. ทรงมีชื่อเล่นว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก 6. เสด็จนิวัตสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกเมื่อพระชนม์ 2 พรรษา พร้อมด้วยสมเด็จพระชนกและสมเด็จพระชนนี 7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างสามัญชนว่า "แม่" 8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง 9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม 10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต 11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า "บ๊อบบี้" 12. ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ 13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่าทีเดียวก็พอ 14. ระหว่างประทับอยู่สวิส จะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศสกับสมเด็จพระเชษฐาและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ 15. ในหลวงทรงเชี่ยวชาญในภาษาต่างประเทศหลายภาษา เช่น ภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมันและลาติน 16. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก "การให้" โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า "กระป๋องคนจน" หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก "เก็บภาษี" หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนคนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน 17. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าตอบว่า "ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน" 18. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา 19. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง ทรงศึกษาวิชาการต่าง ๆ 20. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol" หมายเลขประจำตัว 449 21. ทรงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์ แผนกวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ 22. หลังจากที่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศสวิสเซอร์แลนด์อีกครั้งเพื่อทรงศึกษาวิชาใหม่ คือกฎหมาย และการปกครอง เนื่องจากต้องรับพระราชภาระเป็นพระมหากษัตริย์ ในด้านวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ทรงศึกษาเปรียบเทียบระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศ เกี่ยวกับพื้นฐานและวัฒนธรรมของแต่ละชาติ เพื่อเป็นแนวปรับปรุงแก้ไขประเทศไทยให้เจริญขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชปรารภอยู่เสมอว่า ประเทศไทยของพระองค์ยังล้าหลังประเทศอื่นอยู่มาก ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และการศึกษา ฯลฯ ** พระอัจฉริยภาพ 23. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก การเล่น สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากทรงอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ทรงประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับสมเด็จพระเชษฐา เพื่อซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วทรงนำมาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง 24. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และแผนภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์ 25. ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด แต่ทรงโปรดแคลริเนท , แซกโซโพนและทรัมเป็ตมากที่สุดแต่เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน) 26. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาทรงหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้ 27. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส 28. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ แสงเทียน จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง 29. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง เราสู้ 30. วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2506 เสด็จทรงปลูกต้นนนทรี 9 ต้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน พร้อมทั้งทรงดนตรีเป็นครั้งแรกร่วมกับวงอ.ส.วันศุกร์ ซึ่งมีอาจารย์และศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมด้วย คือ ศ.ดร.ระพี สาคริก และนายอวบ เหมะรัชตะ 31. ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านการช่าง ซึ่งทรงโปรดหุ่นจำลองต่าง ๆ เช่นเรือใบ เรือรบ เป็นต้น ในคราวเสด็จนิวัตเมืองไทย ตอนก่อนสงครามโลก ได้ทรงจำลองเรือรบหลวงศรีอยุธยาจนเป็นผลสำเร็จ ครั้นแล้วเจ้าพระยารามราฆพก็ได้ทูลขอพระราชทานไปสำหรับให้พ่อค้าประชาชนได้ประมูลราคากันเพื่อเก็บเงินบำรุงโรงพยาบาลปราบวัณโรค ทรงถ่ายรูปไว้แล้วพระราชทานให้ไปตามประสงค์ ปรากฏว่า น.ส.เลอลักษณ์ เศรษฐบุตร ได้ประมูลซื้อไปเป็นเงินถึง 20,000 บาท อนึ่ง แม้แต่รูปเรือลำนั้นที่ทรงถ่ายโดยฝีพระหัตถ์ นายสหัส มหาคุณ เป็นผู้ประมูลซื้อไปถึงรูปละ 3,000 บาท 32. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉาย เพื่อนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย 33. พระราชนิพนธ์เรื่อง นายอินทร์ และ ติโต ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่เรื่องพระมหาชนกทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 34. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น กีฬาซีเกมส์) ครั้งที่ 4 ปี 2510 35. ครั้งหนึ่งในหลวงทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งและตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวล์ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน 36. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ กังหันชัยพัฒนา เมื่อปี 2536 37. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว 38. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง ** เรื่องส่วนพระองค์ 39. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 ณ พระตำหนัก วิลลาวัฒนา และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 40.ในพระราชพิธีอภิเษกสมรส ในหลวงทรงพระราชทานของที่ระลึกแก่พระบรมวงศานุวงศ์และพระญาติ คือ หีบเงินขนาดเล็กมีพระปรมาภิไธยคู่ปรากฏบนหีบนั้น 41. หลังอภิเษกสมรส ทรงเสด็จ ฮันนีมูน ที่หัวหิน 42. ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 พระนามเต็มของในหลวงคือ... พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 43. พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการเป็นสัจวาจาว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม 44. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน 45. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาและพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า(หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์ฉายา สุจิตฺโต ป.๗) วัดบวรนิเวศวิหาร 46. ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา 47. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ 48. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ พระราชกรณียกิจ 49. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ 50. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ 51. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน 52. ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน 53. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่ทรงหาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน 54. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ 55. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด 56. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ 57. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน 58. ตั้งแต่ปี2539 เป็นต้นมา ทรงพระราชทานแนวทางดำรงชีพแบบ เศรษฐกิจพอเพียง และ ทฤษฎีใหม่ เพื่อให้ราษฎรได้พึ่งพาตนเองได้ ** ของทรงโปรด 59. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา 60. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก 61. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง 62. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง 63. ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก 64. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100 ด้วย โดยใช้พระนามแฝง 65. ตอนเช้าเมื่อตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก 66. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อจนถึงปัจจุบัน 67. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ 68. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว 69. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดฯให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า ทำราชการ 70. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีพระชนม์เพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอด 71. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก 72. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด 73. ในหลวงเคยประชวรหนักจนพระหทัยเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสมา ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี 74. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์ 75. ในหลวงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลก 76. ในงานเฉลิมฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีพระราชวงศ์จากทั่วโลกเสด็จมาร่วมงาน 25 ราชวงศ์ 77. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน 78. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน 79. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง 80. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง 81. ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด
14 ตุลาคม 2552 20:30 น. - comment id 24419
*****70. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีพระชนม์เพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอด ...................................... ประโยคประวัติศาสตร์ "ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน" "ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร" ........................... ขอเพียงพวกเรารวมหัวใจให้เป็นหนึ่งตอบแทนพระองค์ท่าน..... ให้พระองค์ได้รับรู้ว่า "ลูกของพ่อ พสกนิกรผู้จงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน จะ"รู้รักสามัคคี" ตามที่พ่อเคยสอน
14 ตุลาคม 2552 20:40 น. - comment id 24420
http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V8389881/V8389881.html ^ ^ ^ กระทู้ทรงคุณค่าอีกหนึ่งกระทู้ค่ะ พี่ที่นั่งประนมมือในภาพเจ้าของกระทู้เล่าว่า พี่เค้าสติไม่สมประกอบค่ะ แต่ทว่าใจของพี่สมบูรณ์กว่าที่ใครจะหยั่งรู้ได้ถ้าไม่ได้เห็นภาพนี้ ............................................. คงต้องไปสักทีสินะเนี่ย.... . ไม่ยอมน้ำตาไหลคนเดียวหรอก.....ปาดๆๆ ขอบคุณที่รู้สึกเหมือนกันค่ะ
14 ตุลาคม 2552 21:46 น. - comment id 24421
ท่านคือที่สุดของที่สุดสำหรับชาวไทยแล้วครับ....ทั้งภาพที่เห็น..ทั้งอรรถรสที่ได้อ่านประมวลความรู้สึก..ในหัวใจ..บอกว่าพระองค์คือพ่อของแผ่นดินทรงเปนศูนย์รวมน้ำใจไทไทยทั้งผอง..... ผู้ใดก้อตามที่ทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย...ผู้นั้น..บาปอย่างมหันต์ การทำดีเท่านั้นที่จะตอบแทนพระองค์..หากคนไทยทุกคนสำนึกด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆร่วมกันทำดี...ก็เท่ากับว่าเปนลูกที่ดีของพระองค์อย่างเต็มภาคภูมิ ของพระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนานตราบนานเท่านนาน
14 ตุลาคม 2552 23:18 น. - comment id 24422
ฝนขา... ยิ้มแบบนี้อ้อยตั้งใจมากที่สุด อ้อยยิ้มเพราะอยากยิ้ม..ยิ้มเพราะปลื้มใจ ยิ้มเพราะมีความสุข และยิ้มเพราะดีใจที่ ได้เกิดมาเป็นคนไทย...มีเลือดไทยเต็มตัว ถ้าให้บรรยายความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ท่าน อ้อยบรรยายได้ไม่หมด..แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันฝังลึกอยู่ในหัวใจ.. และความรูสึกนี้ก็จะ ยังอยู่ตราบจนกว่าอ้อยจะหมดลมหายใจจาก โลกใบนี้ไป...ตั้งใจไว่ว่าพรุ่งนี้จะไปถวาย พระพรท่านที่ รพ.ศิริราชด้วย..หาโอกาสไป มาหลายวันแล้ว ...สงสารพระองค์ท่านเหลือ เกิน..ไม่พูดแล้ว พูดทีไร ทุกที ขอบคุณมากมายจริงๆฝน สำหรับกระทู้ใน วันนี้
15 ตุลาคม 2552 08:37 น. - comment id 24423
รู้สึก... รู้สึกว่าสามสิ่งนี้ต่างหากที่เราสมควรพลีชีพ.. เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต เข้าแลก เพื่อปกป้องรักษา.. "สามสิ่งนี้ต่างหาก" คุณล่ะ.. รู้สึกเหมือนกันมั้ย
15 ตุลาคม 2552 11:20 น. - comment id 24426
เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอบคุณมากเลยโคลอน ทำให้เอิบอิ่มใจ มีแรงทำงานเลยละ
15 ตุลาคม 2552 14:17 น. - comment id 24428
ที่รักของชาวไทย :]
15 ตุลาคม 2552 18:34 น. - comment id 24430
10...... สหายเขียด รูปที่ชายสติไม่ดีนั่งกราบในหลวงนั้น เห็นแล้วน้ำตาซึมนะนั่น ขอบคุณสหายเขียด ที่นำเรื่องราวดีๆมาให้ชมกันคะ เจอหน้าอยากกอดสักที อิอิ จุ๊ฟฟฟฟฟ
16 ตุลาคม 2552 08:40 น. - comment id 24432
รู้สึก... รู้สึกว่าสามสิ่งนี้ต่างหากที่เราสมควรพลีชีพ.. เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต เข้าแลก เพื่อปกป้องรักษา.. "สามสิ่งนี้ต่างหาก" คุณล่ะ.. รู้สึกเหมือนกันมั้ย ผู้หญิงช่างฝัน 15 ต.ค. 52 - 08:37 IP 61.91.83.138 >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> เรารู้สึกได้เช่นเดียวกับคุณ
16 ตุลาคม 2552 09:51 น. - comment id 24433
ผมอ่าน...ดูรูป..ดูวีดีโอ...เกี่ยวกับในหลวงทุกครั้ง..ผมน้ำตาไหลทุกครั้งครับ..และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านอยู่เสมอ..และจะเดินตามรอยเท้าพ่อ...แม้จะทำได้เพียงเศษเสี้ยวของพระองค์ครับ เคยเห็นพระองค์ท่านเพียงแวบเดียวไม่ถึง 1 นาที..แต่รู้สึกขนลุกและน้ำตาไหลครับ..นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต..ยังจดจำความรู้สึกนั้นได้ดีแม้มันจะผ่านมาเป็นสิบปีแล้วครับ ผมคิดว่าพสกนิกรชาวไทยโชคดีครับที่เกิดในผืนแผ่นดินและอาศัยในแผ่นดินนี้ครับ
16 ตุลาคม 2552 11:57 น. - comment id 24434
เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่มีกษัตริย์องค์ใดในโลกนี้ ที่จะเสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประชาชน ได้มากเพียงนี้ค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะฝน
16 ตุลาคม 2552 16:18 น. - comment id 24437
เห็นแล้วซึ้งจริงๆ ขอทรงหายจากพระประชวรโดยเร็วเทอญ
17 ตุลาคม 2552 10:48 น. - comment id 24447
17 ตุลาคม 2552 19:04 น. - comment id 24450
ขอพ่อ..หายประชวรในเร็ววัน..
18 ตุลาคม 2552 02:29 น. - comment id 24452
ที่สุดแล้วค่ะ เข้ามาชมภาพ อย่างไม่รู้เบื่อ หลายครั้งหายหนเจ้าค่ะ
18 ตุลาคม 2552 17:32 น. - comment id 24458
ช่วงนี้ติดตามแถลงการณ์จากสำนักพระราชวังทุกวันเลยค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่านเพราะรายละเอียดในแถลงการณ์สั้นจัง พอได้ดูข่าวในพระราชสำนักที่ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ทรงเล่าแล้วเบาใจขึ้นเยอะเลยค่ะ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี รับสั่งว่าอาการประชวรของ ในหลวงเริ่มหายเป็นปกติแล้ว แต่ยังทรงทำกายภาพบำบัดอยู่ ที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้สามารถเดินได้ และแแข็งแรงเหมือนปกติ และฟ้าหญิงได้ทรงเล่าเรื่องตลกให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาในงานนี้ ว่าได้ขึ้นไปเฝ้าในหลวงตอน เสวยข้าว แล้วในหลวงได้รับสั่งับฟ้าหญิงว่า "มาดวลกันมั้ย" อาหารในวันนี้คือ ซุปผักโขม ซึ่งฟ้าหญิงนั้น"เสวยผักไม่เป็น" ในหลวงได้ทรงทราบอยู่แล้วจึงได้ท้าดวลให้เสวยซุปผักโขมด้วยกัน ฟ้าหญิงจึงได้รับสั่งไปว่า "ดวลก็ดวล" ซึ่งการเสวยผักในครั้งนี้จะทำ "ถวายพ่อ" คนเดียว ท่านรับสั่งพร้อมกับแย้มพระสรวลไปด้วย ภาพนี้แหละค่ะที่ประชาชนชาวไทยตั้งตารออยากเห็น รอยยิ้มจากทุกพระองค์ เป็นเหมือนข้อความสำคัญว่า "พระองค์ไม่ได้เป็นอะไรมาก" ดูข่าวแล้วยิ้มทั้งน้ำตาเลยค่ะ ฟ้าหญิง รับสั่งอีกว่า พระราชินีไม่ได้เสด็จไหนเลยทรงอยู่เฝ้าในหลวงที่โรงพยาบาลตลอด สมเด็จพระเทพฯก็ไปนอนเฝ้าด้วย และก่อนที่พระองค์จะเสด็จต่างประเทศก็ไปนอนเฝ้าในหลวงด้วย เป็นข่าวดีจริงๆค่ะ
19 ตุลาคม 2552 18:48 น. - comment id 24485
เนาะ....รู้สึกเหมือนกัน
19 ตุลาคม 2552 11:57 น. - comment id 24499
เข้ามาอ่านกระทู้แล้วร้องให้ รักพ่อหลวง ยิ่งชีวิต
23 ตุลาคม 2552 18:38 น. - comment id 24779
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ประทับรถเข็นไฟฟ้าไปยังตึกสยามินทร์ ในการถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคาร เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช วันนี้ (23 ต.ค.) เวลา 12.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ประทับรถเข็นไฟฟ้าไปยังตึกสยามินทร์ ในการถวายราชสักการะพระบรมรูปหล่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอาคาร เนื่องในโอกาสวันปิยมหาราช วันที่ 23 ตุลาคม 2552 จากนั้นคณะแพทย์เข็นรถพระที่นั่งถวายไปยังศาลาศิริราช 100 ปี ทรงถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้นประทับรถเข็นพระที่นั่งมาที่ด้านหน้าศาลาศิริราช 100 ปี พระราชทานพวงมาลัยให้แพทย์เชิญไปถวายราชสักการะที่พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จากนั้นได้ประทับทอดพระเนตรพระราชานุสาวรีย์ และบริเวณโดยรอบที่มีประชาชนจำนวนมากที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอยู่ด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน จากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะแพทย์เข็นรถพระที่นั่งไปยังอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ทอดพระเนตรพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และนิทรรศการสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี ที่โรงพยาบาลจัดขึ้นในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ครบ 109 ปี วันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา จากนั้นได้ทอดพระเนตรใต้อาคารที่มีร้านหนังสือนายอินทร์ และร้านกาแฟดอยตุง ก่อนประทับรถเข็นพระที่นั่งไปทอดพระเนตรส่วนต่างๆ ของโรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เชิ้ตแขนสั้นสีฟ้า ซึ่งตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนิน พสกนิกรที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จต่างรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มที่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และเห็นว่าพระองค์ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง โดยจากประกาศสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 33 ที่ออกเมื่อวานนี้ รายงานว่าพระอาการโดยทั่วไปคงที่ พระกำลังพระวรกายแข็งแรงขึ้น เสวยพระกระยาหาร และทรงพระบรรทมได้เป็นปกติ คณะแพทย์ยังคงถวายพระโอสถปฏิชีวนะจนครบกำหนด และถวายพระกระยาหารบำรุงตามหลักโภชนาการต่อไป เครดิต ภาพ เวปผู้จัดการ และ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A8464688/A8464688.html ขอบคุณทุกท่านที่โพสรูปด้วยค่ะ ดูข่าวย้อนหลังเมื่อกี้แล้ว น้ำตาไหลเลย ตื้นตันใจ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน