กลางดึกของคืนวันหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง เราไม่สบายความดันขึ้นสูงเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุแล้วอ่ะ ไม่มีโรคอะไร เขาก็แจกให้ซะสักโรคนึง เอ๊าเอาไปไม่งั้นจะน้อยหน้าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ประเดี๋ยวหมอจะไม่มีงานทำ หรือไม่งั้นโรงพยาบาลจะปิตัววไปเพราะไม่มีคนไข้มาใช้บริการ เราอยู่กันลำพังสองคนกะลูกชายวัยรุ่น นอนรพ.กันนะ ตื่นเช้าเราเห็นว่าอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วเลยถามเจ้าลูกชายว่าไปรร.ดีไหม ไม่อยากให้ขาดรร.โดยไม่จำเป็น เห็นไหมรักการเรียนทั้งแม่ทั้งลูกนะเนี่ย(หารู้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นที่รร.) ลูกก็ไปรร.โดยไม่สายนิดหน่อยก็เอาใบจากรพ.ไปแจ้งว่ามาดูแลคุณแม่ที่รพ.เมื่อคืนนี้ ไปพบครูประจำชั้นที่ห้องพักครูเพื่อแจ้งเหตุแห่งการมาสายคุณครูคิดอย่างไรไม่ทราบ กล่าวหาเจ้าลูกชายว่า เป็นเพราะเธอใช่ไหมคุณแม่จึงความดันขึ้นสูงเข้า รพ. ลูกชายก็ตอบว่าไม่ใช่ครับ คุณแม่มีโรครปะจำตัวอยู่แล้ว คุณครูท่านก็แหม แทนที่จะถามเป็นห่วงเป็นใยแม่ลูกผู้น่าสงสารคู่นี้ ท่านกลับเยาะเย้ยถากถางลูกอยู่นั้นแหละว่าเป็นเพราะเธอใช่ไหม ๆ ๆ ตอกย้ำซะลูกรับไม่ได้แล้วละ เลยขออนุญาตไปเข้าห้องเรียน เดินออกมาจากห้องพักครู คุณครูไม่ยอมให้กลับห้องเรียกให้กลับเข้าที่ห้องพักครู ลูกกไม่กลับ คุณครูทำยังไง รู้ไหมเอ่ย.......คุณครูผู้หญิงกลางคนนะคะ ขว้างเก้าอี้เหล็กที่พับได้น่ะใส่ลูกชาย โชคยังดี้ลูกชายยกแขนขึ้นรับไว้ ยังมีรอยแผลที่ข้อมือลูกเลย พอถึงชั่วโมงคุณครูท่านก็ไม่เข้าสอนซะเฉย ๆ งั้นแหละ พอพักเที่ยงลูกชายไปขอโทษในฐานะที่เป็นนักเรียนบังอาจไปทำให้คุณครูโกรธ บันดาลโทสะ (อะฮ้า.....เจ้าเด็กน้อย) แล้วก็เรียนถามคุณครูว่าทำไมถึงกล่าวหาว่าผมเป็นต้นเหตุให้แม่ไม่สบายแทนที่ที่จะห่วงใยไต่ถามทุกข์สุขว่าแม่สบายแล้วหรือไม่ ใครเฝ้าคุณแม่อยู่ คุณครูตอบลูกชายว่า คุณครูอยากจะพูดแหย่เธอเล่น โอ้...พระเจ้า มายก๊อด คุณครูพูดเล่นผิดจังหวะไปหน่อยนะคะ (อันนี้คุณแม่คิดเองนะคะ ไม่ใช่เรื่องเล้ย) ลูกชายถามต่อไปว่าทำไมคุณครูขว้างเก้าอี้ใส่ผมล่ะครับ (อันนี้คุณแม่ว่าเข้าข่ายทำร้ายร่างกายนะเนี่ย) คุณครูตอบว่าครูไม่ได้ขว้างใส่เธอสักหน่อย ครูจะทุ่มมันลงกับพื้น เธอดันมายืนอยู่ตรงนั้นพอดี (ซวยไปนะเจ้าลูกชายของแม่) เราเลยคุยกันว่าจะเอายังไงดี แม่ก็อยากปกป้องลูกนะ ลูกใคร ๆ ก็รักเนาะ แม่อยากจะไปรร.พูดคุยกะคุณครูให้รู้เรื่องให้เข้าใจ แต่จากการประเมินสถานการณ์ที่ลูกชายเล่าให้ฟัง แม้จะเป็นการฟังความข้างเดียวก็ตามทีเถิด แต่ลูกชายเรา เราเลี้ยงมากับมือ และได้รับคำชมเชยมาตลอดว่าเลี้ยงลูกได้ดีเยี่ยม และเราก็ภาคภูมิใจทั้งในตัวเราที่เลี้ยงลูกได้ดีและภาคภูมิใจที่ลูกชายเป็นคนดีทมาก เราเลยอธิบายให้ลูกฟังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตมากมายอะไร แม่เลี้ยงลูกมา ในครอบครัวเรา เราไม่เคยแสดงกิริยาอาการเช่นนี้ใส่กัน ไม่เลยลุแก่โทสะ หรือไร้เหตุผลถึงกับจะต้องแสดงกิริรยาอาการขว้างปาเข้าของใส่กัน การพูดจาก็ไม่เคยเยาะเย้ยถากถางหรือคิดเอาเองฝ่ายเดียวแล้วไปพูดให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ในเมื่อวุฒิภาวะของคนเป็นครูมีอยู่เท่านั้น ลูกต้องรู้จักให้อภัยเขานะ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ยิ่งเขาเป็นครู เราจะไปตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาทำนั้นนั้นผิดเขาคงทำใจรับได้ยาก แม่ว่าปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปเฉย ๆ ดีกว่านะลูก บางครั้งการต่อว่าด้วยการไม่ต่อว่า การไม่เอาพิมเสนไปแลกเกลือ น่าจะใช้ได้ผลดีกว่า สำหรับผู้ที่พอจะมีความคิดดี ๆ อยู่ในสมองบ้าง เราคุยให้ลูกฟังว่าเห็นไหมลูกโลกภายนอกนอกเหนือจากที่แม่จะสอนลูกได้หมดนั่นน่ะ มีอะไรบ้างที่ลูกจะต้องเรียนรู้ด้วยประสบการณ์จริง ๆ เอง และแก้ไขสถานการร์นั้น ๆ ด้วยความมีสติ อย่าขาดสติ อย่าใช้อารมณ์ ให้หนักแน่น ถ้าลูกใจเย็น หนักแน่น ค่อย ๆ คิด ไม่ว่าจะเป็นเกมกีฬา หรือเกมชีวิต โอกาสที่ลูกจะชนะนั้นมีเกือบเต็มร้อย ที่เหลืออยู่ที่ฝีมือด้วย หมั่นลับฝีมือและสมองไว้นะเจ้าลูกชาย ยังมีอะไรอีกมากมายในโลกกว้างที่ลูกจะต้องเจอะเจอ เรายังพูดกันเล่น ๆ เลยว่า หากเก้าอี้ตัวนั้น มันเป็นมีดหรือปืน หรืออาวธอย่างอื่น ที่ทำร้ายกันได้ ไม่แน่ว่าลูกชายข้าพเจ้าอาจจะเหลือแต่ชื่อแล้วก็ได้ เราค่อนข้างเสียใจที่ลูกมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่เราไม่ได้พูดให้เสียกำลังใจหรือหมดความนับถือคุณครูเขานะ แต่เราแค่เสียใจว่า สถาบันและคุณครูที่เราเลือกให้มาประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ลูกทำให้เราค่อนข้างผิดหวังมาก...........อนาคตของชาติจะเป็นเช่นไร หากมีบุคคลากรเป็นเช่นนี้อีก อีก อีก......และหากผู้ปกครองไมคิดเหมือนเช่นที่เราคิด.ความย่งยากนานัปการระหว่างผู้ปกครอง เด็ก รร. ครูจะมีอีกมากมายไหมเนี่ย ............ไม่เป็นไรอีกไม่นานลูกก็จะเรียนจบมัธยมปลายแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจเผชิญโลกกว้างกันต่อไป สวัสดี..คุณครู..........
21 กรกฎาคม 2552 18:52 น. - comment id 23491
......น่าอ่านนะคะ แต่น่าจะแบ่งวรรคเนอะ แยกย่อหน้าด้วยจ้า จะได้อ่านง่ายๆคะ จะได้ไม่ตาลาย ลายตาไงคะ ยิ้มนะคะ ขอโทษที่ติงมาจ๊า......
21 กรกฎาคม 2552 20:03 น. - comment id 23492
ขอบคุณค่ะคุณฉางน้อย ป้าอยากจะเข้าไปแก้และจัดวรรค แต่หาทางเข้าไปแก้ไม่เจอ แฮ่ะ ๆ แนะนำนหน่อยดิ เข้าไปตรงไหนขอบคุณค๊า
21 กรกฎาคม 2552 20:35 น. - comment id 23494
2.....สวัสดีค่ะ คุณป้า (ว่าแต่ว่า ป้าจริงป่าวคะ หรือว่า ยังสาวๆ อิอิ ) แก้ไขเรื่องสั้นได้คะ เข้าไปที่หน้าแรกของเรื่องสั้นของเราคะ จะมีรายชื่อเรื่องสั้นเป็นหลายๆเรื่องที่ผ่านๆมา ไปกดด้านหลังที่มีสัญลักษณ์ว่า แก้ไขเรื่องสั้นหรือว่า ลบคอมเม้นท์อะไรนี้แหละคะ จะอยู่ด้านหลังชื่อเรื่องสั้นที่ต้องการแก้ไขน่ะค่ะ พอเข้าไปแล้ว ก็มีส่วนที่บอกว่า แก้ไขเรื่องสั้น ก็กดตรงส่วนนั้นน่ะค่ะ ถ้ายังไง เมล์หรือ msn ได้นะคะ ไม่ยากคะ .......
22 กรกฎาคม 2552 08:05 น. - comment id 23496
หน้ากระทู้ของป้า ไม่มีช่องสัญญลักษณ์ให้แก้ไขค่ะ มีแต่ช่องลบคอมเม้นท์ แป๋ว.....ป้าจะแจ้งใครให้ช่วยได้ล่ะจ๊ะ นิ
22 กรกฎาคม 2552 08:57 น. - comment id 23498
4......... อ่อๆๆ ใช่ๆค่ะป้า ขอโทษที ฉางน้อยคิดว่า เป็นเรื่องสั้น เพราะถ้าเป็นเรื่องสั้นจะแก้ไขได้คะ แต่ถ้าเป็นการตั้งกระทู้ จะแก้ไขไม่ได้มั้งคะ เพราะฉางน้อยเคยแก้ไขแล้วไม่ได้ผลคะ แหะ..แหะ.. ขอโทษอีกครั้งเจ้าคะทั่นป้า อิอิ ..... ....วันหน้าเอาไปลงใหม่ใน เรื่องสั้นนะคะ จะแก้ไขได้สะดวกคะ ........
22 กรกฎาคม 2552 11:34 น. - comment id 23499
เป็นเรื่องที่ดีค่ะ คุณแม่อย่าคิดว่าคุณครูจะดีทุกคนนะคะ ครั้งหนึ่งเมื่อครูกระดาษทรายยังเป็นเด็กน้อย ก็เคยคิดว่าคุณครูดี คุณครูรักนักเรียน จริงใจกับนักเรียนทุกคน ที่จริงแล้วมีคุรครูบางคนเท่านั้นที่เป็นแบบนี้นะคะ ตอนนี้ครูกระดาษทราย เรียนจบมารับราชการที่โรงเรียนเดิมที่เคยเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษา เริ่มเห็นสัจธรรมแล้วค่ะ เช่นเมื่อ่เราได้ ๒ ขั้น หรือทำอะไรที่ได้ดี มีครูบางคนมักจะคอยเหน็บแนม พูดจาแดกดัน เห็นด้วยอย่างยิ่งเชียวว่าครูไม่ได้รักและจริงใจกับศิษย์ทุกอย่างที่เด็ก ๆ คิดนะคะ...
22 กรกฎาคม 2552 21:01 น. - comment id 23502
เรียนคุณครูกระดาษทรายคะ ดีใจที่รู้จักค่ะ และหวังว่าจะเป็นคุณครูในฝัน(ดี)ของเด็ก ๆ นะคะ
22 กรกฎาคม 2552 21:02 น. - comment id 23503
ขอบคุณค่ะคุณฉางน้อย