ด้วยจิตน้อมรำลึกถึงท่าน บทกวีของท่านมักแฝงไปด้วยสุภาษิต คำคมมากมาย อ่านแล้วทำความเข้าใจได้ง่าย ในโอกาสวัน ครบรอบ ๒๒๓ ปีเกิด ของท่านใน วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ นี้จึงขอนำคำกลอนของท่านมานำเสนอค่ะ บางพูด ๑. ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา -นิราศภูเขาทอง- .............. บางเดื่อ ๒. ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ เหมือนคนพาลหวานนอกแล้วขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา -นิราศภูเขาทอง- ................. บางซื่อ ๓. ถึงบางซื่อชื่อบางนั้นสุจริต เหมือนซื่อจิตที่พี่ตรงจำนงสมร มิตรจิตขอให้มิตรใจจร ใจสมรขอให้ซื่อเหมือนชื่อบาง -นิราศพระบาท- .................... สองใจ ๔. โอ้กระแสแควเดียวทีเดียวหนอ มาเกิดก่อเกาะถนัดสกัดหน้า ต้องแยกคลองออกเป็นสองทางคงคา นี่หรือคนจะมิน่ามีสองใจ -นิราศพระบาท- ........................ เมื่อเคราะห์ร้าย ๕. มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา -นิราศภูเขาทอง .................... อนิจจัง ๖. ถึงองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแสก เผยอแยกยอดสุดก็หลุดหัก โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน้ำตากระเด็น กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น -นิราศภูเขาทอง- ................. ตกตาล ๗. เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น ระวังตนตีนมือระมัดมั่น เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล เห็นเทพีมีหนามลงราน้ำ เปรียบเหมือนคำคนพูดไม่อ่อนหวาน เห็นกิ่งกีดมีดพร้าเข้าราราน ถึงหนามกรานก็ไม่เหน็บเหมือนเจ็บทรวง -นิราศพระบาท- ................... เมารัก ๘. ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน -นิราศภูเขาทอง- ......................... รูปชั่ว-ใจดี ๙. เห็นขนุนหนามหนาไม่น่ากิน แต่รสกลิ่นภายในชอบใจคน เหมือนรูปชั่วใจดีเจ้าพี่เอ๋ย ไม่เลือกเลยสุดแท้แต่กุศล ที่รูปดีใจชั่วตัวซุกซน ไม่เป็นผลคบยากลำบากใจ -นิราศพระประธม- ..................... คู่กัน ๑๐. แม้นเป็นได้ให้พี่นี้เป็นนก ให้ได้กกกิ่งไม้อยู่ไพรสัณฑ์ แม้นเป็นนารีผลวิมลจันทร์ ขอให้ฉันเป็นพระยาวิชาธร แม้นเป็นบัวตัวพี่เป็นแมลงภู่ ได้ชื่นชูสู่สมชมเกสร เป็นวารีพี่หวังเป็นมังกร ได้เชยช้อนชมชะเลทุกเวลา แม้นเป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์ จะได้ลงสิงสู่ในคูหา แม้นเนื้อเย็นเป็นเทพธิดา พี่ขออาศัยเสน่ห์เป็นเทวัญ -นิราศพระประธม- ........................................... ลำอ้อย ๑๑. อันลำอ้อยย่อยยับเหมือนกับอก น้ำอ้อยตกเหมือนน้ำตาพี่กว่าขัน เผาโหมไฟในโรงโขมงควัน เหมือนอัดอั้นอกกลุ้มรุมระกำ โอ้น้ำในใจคนเหมือนต้นอ้อย ปล้องปลายกร่อยชืดชิมไม่อิ่มหนำ ต้องหันหีบหนีบแตกให้แหลกลำ นั่นแลล้ำจึงจะหวานเพราะจานเจือ -นิราศพระประธม- ................................................ ใจคน ๑๒. อันคดอื่นหมื่นคดกำหนดแน่ เว้นเสียแต่ใจมนุษย์สุดกำหนด ทั้งลวงล่องอเงี้ยวทั้งเลี้ยวลด ถึงคลองคดก็ไม่เหมือนใจคน -นิราศเมืองเพชร- ..................................................... ชะนีโหย ๑๓. เขาหลับเรื่อยเหนื่อยอ่อนนอนสนิท พี่นี้คิดใคร่ครวญจนจวนสว่าง เสียงนกร้องซ้องแซ่ครอแครคราง ทั้งลิงค่างครอกโครกละโอกโอย เสียงชะนีที่เหล่าเขายี่สาน วิเวกหวานหวัวหวัวผัวผัวโหวย หวิวหวิวไหวได้ยินยิ่งดิ้นโดย ชะนีโหยหาคู่มิรู้วาย -นิราศเมืองเพชร- ...................................................... เรียนรัก ๑๔. ถึงเกาะเรียนเรียนรักก็หนักอก แสนวิตกเต็มตรองเจียวน้องเอ๋ย เมื่อเรียนรักจนจบถึงกบเกย ไม่ยากเลยเรียนได้ดังใจจง แต่เรียนรักรักนักก็มักหน่าย รักละม้ายมิได้ชมสมประสงค์ ยิ่งรักมากพากเพียรยิ่งเวียนวง มีแต่หลงลมลวงน่าทรวงโทรม -นิราศวัดเจ้าฟ้า- ................................................ อนัตตา ๑๕. อสุรธรรมกรรมฐานประหารเหตุ หวนสังเวชว่าชีวังจะสังขาร์ อันอินทรีย์วิบัติอนัตตา ที่ป่าช้านี่แหละเหมือนกับเรือนตาย กลับหายกลัวมัวเมาไม่เข้าบ้าน พระนิพพานเพิ่มพูนเพียงสูญหาย อันรูปเหมือนเรือนโรคให้โศกสบาย แล้วต่างตายตามกันเป็นมั่นคง -นิราศวัดเจ้าฟ้า- ................................................ นี่หรือใจ ๑๖. กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด ดูค้อมคดขอบคุ้งคงคาไหล แต่สายชลเจียวยังวนเป็นวงไป นี่หรือใจที่จะตรงอย่าสงกา -นิราศเมืองแกลง- ........................................................ วิชา ๑๗. อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก แม้ถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ -เพลงยาวถวายโอวาท- ............................................................ คนคด ๑๘. คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ เกะกะระเรือรอ ร่องน้ำ คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง -นิราศสุพรรณ- ....................................................... ปากบอน ๑๙. ชุมนักผักคนซ้อน นอนแซง บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้ บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแหล่ แม่เอย บอนปากยากจะแก้ ไม่สิ้นลิ้นบอน -นิราศสุพรรณ- ............................................................. ใจเปล่า ๒๐. หนาวลมห่มผ้าห่อน หายหนาว ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว พร่างฟ้า เด่นเดือนเกลื่อนสาดดาว ดวงเด่น ใจเปล่าเศร้าซบหน้า นึกน้องหมองใจ -นิราศสุพรรณ-(กลบทสกัดแคร่) ................................................................ เสียงซอ ๒๑. เสียงซออ๋ออ่ออ้อ เอื่อยเพลง จับปี่เตร๋งเต้งเตง เต่งต้อง ตรุยตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง เหน่งเน่ง ระนาดแฮ ฆ้องหน่อง หนอง หน่อง หน้อง ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตะโพน -นิราศสุพรรณ-(กลบทอักษรสาม) ................................................................. เขาเขียว ๒๒. เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น เคียงเคียง ร่มรื่นรุกข์รังเรียง เรียบร้อย โหมหักหิ่งห้อยเหียง หันหาก แฮ่วแฮ ยางใหญ่ยอดยื่นย้อย โยกโย้โยนเยน -นิราศสุพรรณ-(กลบทอักษรล้วน) .................................................................. ความคิด ๒๓. อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักออกเชือดฟันให้บรรลัย จับให้มั่นคั้นหมายให้วายวอด ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด เพียรจนได้ดังประสงค์ที่ตรงดี -เพลงยาวถวายโอวาท- ............................................................. ไมตรี ๒๔. เขาทำชอบปลอบให้น้ำใจชื่น จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี ปรารถนาสารพัดในปัถพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง คำโบราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี -เพลงยาวถวายโอวาท- ................................................................ ลมปาก ๒๕. อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนไม่แคลนคลาย เจ็บจนตายก็เพราะเหน็บให้เจ็บใจ -เพลงยาวถวายโอวาท- ......................................................... พูดดี ๒๖. เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ -สุภาษิตสอนสตรี- ...................................................... ตัวนาง ๒๗. อันตัวนางเปรียบอย่างปทุมเมศ พึ่งประเวศผุดพ้นชลสาย หอมผกาเกสรขจรขจาย มิได้วายภุมรินถวิลปอง ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดจอง ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน -สุภาษิตสอนสตรี- .................................................. มีสลึงพึงประจบ ๒๘. มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ -สุภาษิตสอนสตรี- .................................................. พูดจา ๒๙. จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู คนจะหลู่วู่วามไม่ขามใจ แม้นจะเรียนวิชาทางค้าขาย อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย จะซื้อง่ายขายดีมีกำไร ด้วยเขาไม่เคืองจิตคิดระอา -สุภาษิตสอนสตรี- ............................................... ลมบุรุษ ๓๐. อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน จงระวังตั้งมั่นในสันดาน อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน -สุภาษิตสอนสตรี- ..................................................... ชิงสุกก่อนห่าม ๓๑. จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้ อย่าหลงใหลจงจำคำที่ร่ำสอน คิดถึงหน้าบิดาและมารดร อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควรหล่น อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี เมื่อบุญมีคงจะมาอย่าปรารมภ์ -สุภาษิตสอนสตรี- ............................................................ เป็นสาวแส้ ๓๒. ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา เป็นสาวแส้แร่รวยสวยสะอาด ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า แม้นแตกร้าวรานร่อยถอยราคา ก็จะพาหอมหายจากกายนาง -สุภาษิตสอนสตรี- ........................................................... ยับยั้งชั่งใจ ๓๓. อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย -สุภาษิตสอนสตรี- ................................................................... อวดดี ๓๔. อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าหาฉิบหาย ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน ของตนน้อยก็จะถอยไปทุกวัน เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร -สุภาษิตสอนสตรี- .................................................. รูปรสกลิ่นเสียง ๓๕. คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส ที่คฤหัสถ์หวงแหนไม่แก่นสาร ครั้นระงับดับขันธสันดาน ย่อมสาธารณ์เปื่อยเน่าเสียเปล่าดาย -พระอภัยมณี- ............................................ รัก-ชัง ๓๖. ที่รักกันสรรเสริญเจริญสิ้น ที่ชังนินทาแถลงทุกแห่งหน การทั้งหลายร้ายดีมิได้พ้น จะกลัวคนครหาว่ากระไร -พระอภัยมณี- ............................................... ดูนางดูแม่ ๓๗. จะดูวัวชั่วดีดูที่หาง จะดูนางดูแม่เหมือนแลเห็น แม้ลูกยางห่างต้นหล่นกระเด็น ก็จะเป็นเช่นเหล่าตามเผ่าพันธุ์ -พระอภัยมณี- .................................................. ต้นร้ายปลายดี ๓๘. อันต้นร้ายปลายดีไม่มีโทษ เป็นประโยชน์ยาวยืนอยู่หมื่นแสน จะเที่ยวปล้นคนกินเหมือนสิ้นแกน ถึงมาตรแม้นมีทรัพย์ก็อับอาย -พระอภัยมณี- .................................................... น้ำตาลใกล้มด ๓๙. ภุมรินบินเคล้าแม้เจ้าของ ไม่ปกป้องดอกดวงจะร่วงหมด อันน้ำตาลหวานวางไว้ใกล้มด มดจะอดได้หรือน้องตรึกตรองดู -พระอภัยมณี- ....................................................... ยากอย่างเดียว ๔๐. จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก มันยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง ถึงยามดึกนึกนอนแนบหมอนอิง เรไรหริ่งเรื่อยริมหิมวา -พระอภัยมณี- ................................................ ความรัก ๔๑. ด้วยวิสัยในประเทศทุกเขตแคว้น ถึงโกรธแค้นความรักย่อมหักหาย อันความจริงหญิงก็ม้วยลงด้วยชาย ชายก็ตายลงด้วยหญิงจริงดังนี้ -พระอภัยมณี- ....................................... ห้ามไม่ได้ ๔๒. บาทหลวงว่าวิสัยในมนุษย์ ฟันจะหลุดแล้วก็ห้ามปรามไม่ไหว ห้ามเกศาว่าอย่าหงอกยังนอกใจ มันขืนหงอกออกจนได้มันไม่ฟัง -พระอภัยมณี- .......................................... ม้วยดิน-สิ้นฟ้า ๔๓. ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป้นคู่สอง จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป้นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป -พระอภัยมณี- ................................................ แหล่งที่มา จากหนังสือ โวหารในวรรณคดีไทย คัดมาบางส่วนเฉพาะที่เป็นกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ ประวัติของท่านหาได้จากเว็บข้างล่างนี้ค่ะ http://www.literatureandhistory.go.th/FineArts/DataService/data_service_detail.aspx?topicCode=H&topicId=659
26 มิถุนายน 2552 12:24 น. - comment id 23167
แล้วมัสมั่นแกงแก้วตา หอมหยี่หล่ารถร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา แล้วกลอนนี้เป็นกลอนใครอะแม่ รวมคิดถึงสุนทรภู่นะจ๊ะ
26 มิถุนายน 2552 12:47 น. - comment id 23169
กาพย์เห่เรือ พระราชนิพนธ์ โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ เห่ชมเครื่องคาว ๏ แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย หอมยี่หร่ารสฉุน เฉียบร้อน ชายใดบริโภคภุญช์ พิศวาส หวังนา แรงอยากยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ๚ ๏ มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่ารสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา รสดีด้วยน้ำปลา ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือน้ำส้มโรยพริกไทย โอชาจะหาไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหลาง พิศห่อเห็นรางชาง ห่างห่อหวนป่วนใจโหย ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า ทำน้ำยาอย่างแกงขม กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ รอยแจ้งแห่งความขำ ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม ๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม คิดความยามถนอม สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์ ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำเมืองบน ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน เจ็บไกลในอาวรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง ๏ รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า ดุจวาจากระบิดกระบวน ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน ผักหวานซ่านทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚ ..................................................... ยังมีอีกหลายบทเลย ทั้งเห่ชมผลไม้ เห่ชมเครื่องหวาน ไปอ่านได้ที่เว็บนี้นะ http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/index.php?topic=9651.0 ........................................ ไปล่ะ....แวะมาตอบก่อนจะไปหม่ำข้าว ปล.เวลาว่างมักจะหิว และเวลาหิวก็คือเวลาว่าง...และเวลาว่างก็ถึงจะเข้ามาไง555.....เอาให้ งงเต๊ก โผล่อีกทีบ่ายแก่ๆนะ ...รักษ์บุญ...อิอิ แว๊บบบบบบบบบบบบบบบ
26 มิถุนายน 2552 13:21 น. - comment id 23170
นี่เป็นกูเกิ้ลตั้งแต่เมื่อไหร่ หาอะไรก็เจอ ตกลงนี่ยังอ่อนอยู่ ฤ
26 มิถุนายน 2552 13:31 น. - comment id 23171
ป้าโคฯ ขยันอ่านจังเลยนะคะ
26 มิถุนายน 2552 13:46 น. - comment id 23177
อิอิ ซ้ำอยู่1อัน ขออำภัยนะป้า
26 มิถุนายน 2552 16:29 น. - comment id 23181
***รักษ์บุญ*** ไม่ได้เป็นกูเกิ้ล แค่ใช้ กูเกิ้ล...อิอิ ปล.อารายอ่อนเหรอ.... อ๋อ...หน้าอ่อนใช่ป่ะ..555 (แอบเนียน) ***เพียงพลิ้ว*** พอดีซื้อมาอ่านนานแล้วจ๊ะ วันนี้เป็นโอกาสพิเศษก็เลยไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เอามาแบ่งปันกันอ่านดีกว่าโนะ ***เฌอมาลย์ 5-9 *** ว้าวววว...ขอบใจจ้า เฌอฯ....ร่วมด้วยช่วยกันเนาะ ***เฌอ 10 *** ไม่เป็นไรจ้า...แค่โพสมาก็ดีใจจะแย่
26 มิถุนายน 2552 18:32 น. - comment id 23185
26 มิถุนายน 2552 18:51 น. - comment id 23186
26 มิถุนายน 2552 21:12 น. - comment id 23187
ป้า ๆ ๆ เค้าเคยได้ยินแต่....สุภาษิตสอนหญิง......ง่ะ เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนเป็น สุภาษิตสอนสตรี ไปแซะแล้น เหรอ???
27 มิถุนายน 2552 15:30 น. - comment id 23190
***ฉางน้อย*** มาเล่นหูเล่นตาใช่มั๊ยเนี่ย...อิอิ ***รัมณีย์*** ขอบคุณรอยยิ้มหวานๆแก้มแดงๆที่แสนน่ารักนั้นค่ะ ***ป้าอิอิ*** จะบอกไงดีล่ะ555 ฝนก็ได้ยินมาแบบนั้นแหละ สุภาษิตสอนหญิง...แต่คัดมาจากหนังสือไง เราก็ต้องให้เกียรติผู้รวบรวมใช่มั๊ยอ่า...ในหนังสือท่านบอกว่า สุภาษิตสอนสตรี...ก้สอนสตรีจิป้าก็....
2 กรกฎาคม 2552 11:26 น. - comment id 23281
ขอบคุณครับ
2 กรกฎาคม 2552 12:19 น. - comment id 23282
^ ^ ^ ยินดีค่ะ
30 มิถุนายน 2555 21:08 น. - comment id 37389
เพจนี้ดีมากทำให้คนรุ่นใหม่ในสังคมไทยได้เรียนรู้เพจอย่างนี้สิที่เป็นสิ่งที่สังคมต้องการ