ปันน้ำใจเพื่อ...เพื่อนไทยในชนบท เอื้องอังกูร ผมมีโครงการณ์ดีๆ มาฝากเพื่อนๆ ที่สนใจแบบลุยๆแล้วได้กุศลแรงๆ ปีนี้จะไปที่อำเภออมก๋อยเชียงใหม่ บริจาคของแก่ชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงนอนในหมู่บ้านบนดอยหนึ่งคืนกับบรรยากาศหนาวเหน็บ แบบนอนนับดาวเพราะไม่มีไฟฟ้า ให้เสื้อผ้าเด็ก ๆ ซ่อมแวมอาคารเรียน เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย งานนี้ต้องเตรียมถุงนอนหรือเต้นท์ไปเองนะครับ เดินทาง 7-10 ธันวาคม 2550 นี้ สวัสดีค่ะ คุณเอื้องอังกูร .. เป็นไงบ้างคะ กับการซ้อมแบกของตลอด 4 วันที่ศรีราชาแฟร์ เหนื่อยก็ต้องทนเนอะ ฮา.. ส่วนอัลมิตราก็ใช้ช่วงเวลานี้ตระเตรียมแผนการเดินทางและก็เตรียมจัดหาของบริจาคให้ คุณสามารถขับรถมาทยอยรับของบริจาคไปบ้างก็ได้นะคะ มีหลายกล่องแล้ว และยังจะมีอีกเรื่อย ๆ เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่ของบริจาคกำลังเดินทางมาเป็นระยะ ๆ สำหรับการเดินทางไปอมก๋อย .. ก็ตั้งนาฬิกาไว้ที่เวลาเดียวกับคุณเอื้องอังกูร คือ ล้อหมุนทุ่มตรงของคืนวันที่ 7 รถจะไปทาง จ.ตาก เส้นทาง ตาก - ฮอด คงไปอย่างไม่รีบเร่ง แวะพักทานกาแฟกันบ้าง ซึ่งจะถึง อ.อมก๋อยเวลาใกล้เคียงกับคุณ แต่ต้องเช็คเส้นทางอีกนิด เนื่องจากถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดตาก-จังหวัดเชียงใหม่ ค่อนข้างเปลี่ยว.. คิดว่า ถ้าถึงที่จุดนั้นฟ้ายังไม่สาง ก็ว่าจะรอให้ฟ้าสางแล้วค่อยออกรถต่อ เรื่องเครื่องนอนก็เตรียมพร้อมแล้ว แต่ละคนจะมีถุงนอนวิเศษ ว่าแต่ว่าอย่าเอ็ดไปนะ ขอยืมผ้าห่มบ้างก็แล้วกัน เพราะไม่แน่ใจว่าถุงนอนของแต่ละคนจะวิเศษสมชื่อหรือเปล่า ทีนี้ ก็ข้ามช็อต สมมุติว่าบริจาคของ ส่งมอบของกัน และกิจกรรมกับเด็ก ๆ เสร็จเรียบร้อย คงเดินทางออกจากหมู่บ้านพร้อมคุณเอื้องอังกูร ..(ขืนอยู่ต่อ เดี๋ยวมีการผิดผี แล้วจะยุ่ง) อัลมิตรากับพรรคพวกจะเดินทางไปยัง อ.ฮอด ค่ะ จะพักค้างแรมที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง น่าจะใช้ระยะเวลาในการเดินทางไม่นาน (จาก อ.อมก๋อย ---> อ.ฮอด) มีเวลาให้ชมทิวทัศน์ รุ่งขึ้นวันที่ 10 ก็จะเดินทางไล่ลงมาเรื่อย ๆ แวะเที่ยวตามรายทาง (ที่ผ่าน) จนถึงกรุงเทพฯ สมาชิกที่จะร่วมเดินทางไปสมทบกับคุณเอื้องอังกูรประมาณ 12 คนค่ะ และจะมีอีกในส่วน ที่เดินทางโดยตรงมุ่งไปยัง อ.อมก๋อยเอง ถ้าไงก็คุยกับหมอแปะให้เตรียมโฟรวิลล์เผื่อให้ด้วยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
5 พฤศจิกายน 2550 06:36 น. - comment id 19386
..เรนขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคนนะคะ.... เรนเชื่อและมั่นใจนะคะว่า ..พี่ๆทุกคนจะได้สิ่งหนึ่งที่ประทับใจไม่รู้ลืม.. รอยยิ้มที่บริสุทธิ์.. . อากาศหนาว.. ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับความตั้งใจที่มุ่งมั่น.. ความสุขใจ.. รอพี่ๆอยู่ที่ตรงนั้น.. ... เรนขอเป็น.. หนึ่งกำลังใจของน้องๆที่นั้นนะคะ.. .. ซาแว้ปป.. ..
5 พฤศจิกายน 2550 10:28 น. - comment id 19387
สวัสดีครับคุณอัลมิตรา เหนื่อย...ต้องบอกว่าเหนื่อยและเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีอายุมากก็งานนี้แหละ แบบว่าก่อนหน้านี้คิดว่าตัวเองหนุ่มตลอด...ไปงานนี้วันแรกก็คึกคักน่าดู..วันต่อมาเริ่มเหี่ยวลงๆ...ใจสู้แต่ สังขารมันไม่เหมือนเดิม...คงต้องออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น..แวะเข้ามาบอกตอนนี้คิดว่าทุกอย่างพร้อมครับสำหรับโครงการและยังคงดำเนินต่อ..สำหรับเส้นทางที่จะไปผมยังไม่ได้ศึกษาเลยเท่าที่รู้สามารถไปได้หลายทาง เส้นที่คุณอัลมิตราบอกคือหนึ่งในเส้นทาง เข้าทางอำเภอเถิน ลำปาง ก็ได้ เข้าทางอำเภอลี้ ลำพูนก็ได้ หรือไปเริ่มต้นที่เมืองเชียงใหม่ที่อำเภอหางดงก็ได้...ท้ายสุดก็บรรจบกัน ไม่รู้ว่าทางไหนสะดวกกว่ากัน ต้องถามท่านผู้รู้ ใครรู้เส้นทางว่าเส้นไหนดีกรุณาบอกด้วยครับ ส่วนการนัดเจอกันตรงไหนแล้วเราจะโทรนัดกันเป็นระยะก็แล้วกันนะครับผม
7 พฤศจิกายน 2550 14:25 น. - comment id 19416
สวัสดีครับคุณอัลมิตรา สำหรับการเดินทางตอนนี้ตัวเลขผู้ที่จะไปยังไม่นิ่งครับ คงต้องรออีกนิดหนึ่ง สำหรับของที่กล่าวมา นั้นทางผมยังไม่ได้เตรียมครับ ของที่ทางผมเตรียมมี 1 ผ้าห่มประมาณ 400 ผืน 2 ชุดกันหนาวเด็ก 200 ชุด 3.สมุด ดินสอ 300 ชุด 4 ชุดยาเวชภัณฑ์ต่างๆ 5ขนมสำหรับเด็ก 200 ชุด 6 หนังสือสารานุกรมสำหรับเด็ก 10 ชุด ึ7 เงินสำหรับสมทบทุนสร้างอาคารเรียน ทุนอาหารกลางวัน เป็นต้น สำหรับสิ่งของนั้นผมจะจัดส่งไปก่อนกับขนส่งคาดว่าจะส่งไปประมาณไม่เกิน วันที่ 27 พ.ย.50 นี้ แล้วเราจะตามไปมอบให้ทีหลังวันที่ 7 -10 ธ.ค. 50 ครับ บอกก่อนนะครับว่าการเดินทางครั้งนี้โหดเพราะใช้เวลาจาก อำเภออมก๋อยไปหมู่บ้าน ประมาณ 8 ชั่วโมง
7 พฤศจิกายน 2550 13:11 น. - comment id 19418
ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณเอื้องอังกูร .. เรื่องของเส้นทางการเดินทางนั้น คงจะตั้งต้นที่ทำงานเพราะต้องจัดของบางอย่าง (ของบริจาค)ใส่ในรถด้วย จากนั้นก็แวะรับเพื่อนที่จุดใหญ่ กำหนดไว้แล้ว คือที่เซ็นทรัลพระราม 3 ที่ร้านไอศกรีมบัสกิ้น เส้นทางที่น่าจะสะดวกที่สุดคือ จาก จ.ตาก ----> อ.เถิน (จ.ลำปาง) ----> เลี้ยวซ้ายไปยัง อ.ลี้ (ยังไม่ถึงตัวเมืองลำพูน) และมุ่งสู่เส้นทาง ----> อ.ฮอด (เชียงใหม่) ซึ่งจะแยกมาทาง ----> อ.อมก๋อย (เชียงใหม่) ทีนี้จากจำนวนของคณะเดินทางที่แจ้งคุณเอื้องอังกูรไปในตอนแรกว่าจะมี 13 คน + สมทบอีก 1 ขณะนี้มีผู้แจ้งความประสงค์มาว่าขอร่วมการเดินทางด้วย เพิ่มอีก 3 และก็ยังไม่ทราบว่าจะจบด้วยตัวเลขไหนอีก ต่อไปเป็นการสอบถามเรื่องของบริจาค ไม่ทราบว่า คุณเอื้องอังกูรมีจัดเตรียมเกี่ยวกับรายการข้างล่างหรือยัง 1.ยาสีฟัน+แปรงสีฟัน 2.กระติกน้ำ(แบบสะพาย) 3.ดินสอสี ถ้าจัดเตรียมแล้วก็ให้แจ้งด้วย แต่ถ้ายังก็ควรแจ้งยืนยันกับอัลมิตราอีกทีนะคะ เพราะว่าทางกลุ่มของอัลมิตราจะจัดเตรียมให้ จำนวนก็จะเท่ากับอย่างละ 160 ชุด ( จากยอดของตัวเลขนักเรียน 153 ) ที่ให้ตรวจสอบนี้ก็เพื่อว่าจะได้ไม่จัดเตรียมซ้ำซ้อนกัน มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า
7 พฤศจิกายน 2550 16:48 น. - comment id 19425
สวัสดียามสายัณห์ตะวันคล้อยค่ะ เส้นทางไปหมู่บ้านสะเต เท่าที่เช็คได้จากอินเตอร์เน็ต เหมือนหมู่บ้านที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จากระยะทาง 53 กม. แต่ต้องใช้เวลาเดินทางนานขนาดนั้น ก็แสดงว่าเป็นเส้นทางหฤโหดเหมือนกัน ถ้าวันที่ 8 เราเดินทางถึงตัวอำเภอประมาณ 8 โมงเช้า เราก็น่าจะถึงตัวหมู่บ้านราว ๆ บ่ายสาม-บ่ายสี่ งานนี้ต้องอาศัยห้องน้ำตามพงหญ้า ยิงกระต่ายกันเปรี้ยงปร้าง พร้อมกับหามุมมิดชิดเด็ดดอกไม้กัน ฮา.. เอาน่า .. คุณเอื้องอังกูร ถ้าคุณไปได้ อัลมิตราก็ไปได้ เทียบความอาวุโสแล้ว อัลมิตราอ่อนกว่าคุณนะนั่น จะว่าไปแล้วก็สนุกสนานไปอีกแบบนะ -.ท่ามกลางผืนป่าและสายลมอันเหน็บหนาว .- บรรยากาศดี ๆ คุณเอื้องอังกูรลองอ่านตามทริปที่อัลมิตราร่างไว้คร่าว ๆ นะคะ .. แล้วจะรู้ว่า อัลมิตราน่ะวางแผนไว้อย่างไรบ้าง ผิดตกยกเว้นนะ รับแต่ชอบ .. ............................................. จะออกเดินทางคืนวันที่ 7 ธค. ประมาณทุ่มครึ่ง นัดรวมพลเจอกันหนึ่งทุ่มตรง (ทุกคนควรทานอาหารมื้อเย็นให้เป็นที่เรียบร้อย) และให้มารวมพลกันที่ ICC ห้องคอมฯ เพื่อจัดเตรียมสัมภาระและตรวจเช็ค การเดินทางนี้จะเดินทางโดยรถตู้คันใหญ่ มีเบาะ 4 แถว ๆ ละ 3 ที่นั่ง รวมกับที่นั่งด้านหน้าคู่กับคนขับก็เท่ากับว่า เราจะมีสมาชิกร่วมก๊วนจำนวน 13 คน เส้นทางการเดินทางจะไปทางตาก--- ฮอด เราจะถึง อ.อมก๋อยในราว ๆ เช้าวันที่ 8 ธค. ประมาณ 7.00 น. ซึ่งช่วงของการเดินทางก็จะมีการแวะพักให้คลายความเมื่อยล้า ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ หรือใครอยากจะเติมพลังตอนดึกก็ไม่ว่าอะไร ถึง อ.อมก๋อยแล้ว ก็จะแวะทานข้าวเช้ากันพร้อมกันนั้นเพื่อให้ทุกคนเตรียมพร้อมกับสภาพภูมิอากาศ ก็ว่าจะให้ออกเตร็ดเตร่ เก็บภาพและบรรยากาศในย่านนั้นสักหน่อย ยังพอจะมีเวลาอยู่บ้างในช่วงขณะที่รอรถตู้ที่ทางคณะของคุณอลงกต (พ่องาน) เดินทางมาถึง เมื่อรถทุกคันมากับพร้อมสรรพก็จะเปลี่ยนรถโดยสารเป็นโฟรวิลล์ ซึ่งชาวบ้านจากหมู่บ้านสะเต จะเป็นผู้ขับรถมารับ เส้นทางที่จะเข้าหมู่บ้านสะเต ก็ดูไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ 50 กม. ทว่าการเดินทางบนเส้นทางหฤโหดนี้ ประมาณการณ์ว่าน่าจะอยู่ในราว ๆ 4 ชม.ไม่มีถนน แต่เป็นป่า ต้องข้ามลำห้วย ลำธาร รถอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โฟรวิลล์หรือออฟโรด คิดว่าควรเลี่ยงดีกว่า อาจมีการแวะทานมื้อเที่ยงใต้ร่มไม้ในป่าใหญ่ หรือนั่งห้อยเท้าแช่น้ำซึ่งเย็นเฉียบ แช่น้ำไปกินไป ก็อร่อยไปอีกแบบนะ แค่นึกภาพตามก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ เชื่อสิ เราไม่มีโอกาสทำแบบนี้ในเมืองหรอก ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท ควรเตรียมเสบียงให้พรักพร้อมด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ เผื่อเหลือเผื่อขาดได้ที่ อ.อมก๋อย ควรเช็คเรื่องเสบียง+น้ำให้ดี ๆ โดยปกติแล้วเส้นทางที่จะเข้าหมู่บ้าน ถ้าเป็นหน้าฝน รถเข้าไม่ได้แน่นอน แต่ช่วงนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะช่วงเดือนที่ผ่านมา น้ำป่าผสมกับน้ำฝนก็ได้สร้างความเสียหายไว้เยอะ ขู่ไปงั้นแหล่ะ รู้ว่า ไงซะ ก็เปลี่ยนใจกันไม่ได้แล้ว คาดว่าจะถึงหมู่บ้านสะเต ประมาณบ่ายสามเป็นอย่างช้า วันแรกนี้คงไม่มีกิจกรรมอะไรมาก จะให้เตร็ดเตร่ตามอัธยาศัย มีสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอยากแนะนำให้ดูและศึกษา คือ ที่นี่ เขาใช้ช้างทำนา ใครคิดจะอาสาอุ้มน้องช้างไปอาบน้ำก็ตามสบาย จากนั้นก็มาทำความรู้จักกันกับนายบ้านและลูกบ้าน ซึ่งจะมีหมอแปะเป็นผู้ประสานงานให้ และอาจจะต้องเป็นล่ามด้วย เนื่องจากชาวเขาเผ่าปากกญออาจจะใช้ภาษาไทยไม่แข็งแรง ซึ่งถึงยังไงก็ดูดีกว่าที่พวกเรา ๆ ต้องไปเริ่มต้นจากศูนย์ที่จะไปพูดภาษาตามเผ่าของพวกเขาได้ ตรงนี้ถือโอกาสเหมาะ ๆ ชวนเด็ก ๆ มาเล่นเกมส์แจกของรางวัลที่บรรดาพี่ ๆ จัดหามาให้ตามควร การที่คิดว่าเริ่มเล่นเกมส์ตั้งแต่เย็นวันที่ 8 ยังไม่ใช่กำหนดการตายตัว อาจปรับเปลี่ยนได้ เพื่อที่ว่า วันที่ 9 ช่วงเช้า จะได้ไม่มีโปรแกรมแน่นเอี๊ยดจนเกินไป เมื่อเสร็จธุระจากหมู่บ้านเร็ว ก็หมายความว่าเราจะมีเวลาในการเดินทางออกจากหมู่บ้านและเดินทางไปยัง ณ ที่อื่นได้อีก ค่ำคืนนี้พวกเราจะนอนที่หมู่บ้าน ใครมีเต็นท์ก็กางไป ใครไม่มีเต็นท์ก็อาศัยโรงเรือนอื่น ๆ อาจนอนที่โรงเรียน หรืออาจจะนอนนับดาวเคล้าน้ำค้างก็ไม่ว่ากัน น่าจะมีการก่อกองไฟได้ ยกให้เป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายแล้วกัน ผู้หญิงอกสองศอกอย่างพวกเราทำหน้าที่แจกยิ้มก็พอเนอะ อ้อ !! ถ้าใครคิดจะแก้หนาวด้วยน้ำดีกรี ก็ขอให้เตรียมไปเอง น้ำแข็งไม่ต้องหวัง กับแกล้มก็ต้องเตรียมไปเองนะ แต่ก็เชื่อว่า เข้าป่ากันแล้ว ทุกคนสามารถปรับตัวให้เป็นลูกป่ากันได้สบายเนอะ และหมู่บ้านนี้ยังห่างไกลความเจริญ ขอให้ทุกคนอย่าแปลกใจ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ควรมีถุงนอนเตรียมไปด้วย ถ้าใครไม่มี หายืม หาซื้อ หรือไม่ก็สวมเครื่องแต่งกายประมาณว่าเตรียมสู้ศึกหนาวอย่างหนักหน่วงหน่อย ผ้าห่มสามารถยืมกองกลาง (ยืมจากส่วนที่จะต้องเอาไปบริจาคในเช้ารุ่งขึ้นได้) ใครที่มีพฤติกรรมการนอนแบบอิสระร่างกายปราศเครื่องพันธนาการ แนะนำให้นอนเต็นท์ แล้วกรุณาติดป้ายหน้าเต็นท์ด้วยว่า ห้ามเปิดเต็นท์ อ๊ะ อ๊ะ นอนแก้ผ้าอยู่ .. . ดีป่ะ เช้าวันที่ 9 จัดการเรื่องบริจาคเสร็จ น่าจะเรียบร้อยบริบูรณ์ก่อนสิบโมงเช้า (ถ้าพวกเราจัดการให้มีการเล่นเกมส์แจกของสำหรับเด็ก ๆ ไปบ้างในเย็นวันที่ 8 ก็จะช่วยทำให้เวลากระชับขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูความเหมาะสม เนื่องจากเย็นวันที่ 8 เด็ก ๆ อาจจะยังมาไม่พรักพร้อมเท่ากับวันที่ 9 ก็ได้ ) พวกเราก็จะเดินทางกลับมาสู่ตัวอำเภอเพื่อขึ้นรถตู้ไปยัง อ.ฮอดเป้าหมายถึงอุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่นี่สวยมากเหมือนเมืองในหมอก ที่ออบหลวงนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจมากไม่ว่าจะเป็นหน้าผาสูงชัน บ่อน้ำร้อน น้ำตกหลายสาย และก็มีถ้ำด้วย ส่วนน้ำพุร้อนนี่น่าสนใจมาก ๆ ลำพังถ้าคิดจะอาบน้ำล่ะก็ เราคนหนึ่งล่ะที่จะทำเป็นลืม . . แต่ถ้าอาบน้ำร้อน ก็โอเคนะ หยวน ห่างจากตัวอุทยานแค่ 14 กม. เอง . . เย้ ! ได้ขัดขี้ไคลแล้ว ให้ดูภาพประกอบพอหอมปากหอมคอกันไปก่อน บางเรื่องแค่คำบอกเล่าก็ไม่เท่ากับไปเห็นจริง ต้องไปสัมผัสเองจึงจะรู้ ทีนี้อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น ช่วงเวลาที่จะได้ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์นี้ขึ้นอยู่กับเราบริหารเวลาได้ดีขนาดไหน เส้นทางระหว่าง อ.อมก๋อย ---- อ. ฮอด ระยะทาง 60 กม. กว่า ๆ ถ้าไม่เสียเวลาตรงจุดอื่นมากนัก น่าจะไปถึง อช.ออบหลวงไม่เกินบ่ายสี่ เริ่มจับจองพื้นที่กางเต็นท์กันก่อน กางแต่เต็นท์แต่ยังไม่ต้องเอาสัมภาระไปไว้ในเต็นท์ เกรงว่านักท่องเที่ยวเยอะ อาจมีมิจฉาชีพแปลกปลอมมา หรือถ้าใครคิดอาสาเฝ้าเต็นท์ก็ไม่ว่ากระไร จากนั้นก็ออกท่องเที่ยวในรอบ ๆ บริเวณของ อช. ได้ สำหรับเรื่องอาหารการกินก็ไม่น่าเป็นห่วง มีร้านอาหารขาย (พอกินกันตาย) ตรงนี้วกมาเรื่องเต็นท์กันใหม่ ถ้าไม่มีเต็นท์ เห็นทีจะต้องหาเช่าแล้ว ค่าเช่าเต็นท์สอบถามมาแล้ว มีหลายราคา สำหรับนอน 3 คน เต็นท์ ก็จะอยู่ที่ 225 บ. /หลัง เรื่องของเครื่องนอน (เบาะปู หมอน ผ้าห่ม) ก็จะอยู่ที่ 60 บ./คน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต้องจัดเตรียมกันเอาเอง ใครที่มีเครื่องนอนพร้อมเต็นท์ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ก็จะต้องเสียค่ากางเต็นท์อยู่ดี ราคาอยู่ที่ 30 บ./คน วันนี้อยู่กันอย่างสบาย ๆ ใครใคร่จะทำอะไรก็ทำไป แต่ขอให้อยู่รวมกลุ่มกันเข้าไว้ ต้องคำนึงว่าผู้ชายควรปกป้องผู้หญิง ( ฮา ) เช้าวันที่ 10 ก็เดินทางกลับ จะต้องเก็บสัมภาระทั้งหมดขึ้นรถพร้อมก่อน 9.00 น (รวมทั้งทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยแล้วด้วย) เพื่อไม่ให้เสียเวลา จะเดินทางทันที ทางเส้น อ.ฮอด มุ่งมายังจังหวัดตาก และแวะเที่ยวรายทาง ตรงนี้ใครมีข้อเสนออะไรที่เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว ที่คิดว่าเป็นเส้นทางผ่าน สามารถเสนอได้ ตั้งเป้าไว้ว่า กลับมาถึงกรุงเทพไม่เกินเที่ยงคืน . . เพราะถ้าเกินเที่ยงคืนแล้ว รถตู้ก็จะกลายเป็นลูกฟักทองทันที พร้อม ๆ กับที่พวกเรารองเท้าจะเหลือเพียง 1 ข้าง วันที่ 11. ตัวใครตัวเผือก รับกรรมทำงานหน้าทำคร่ำเคร่งกันต่อไป อย่าลืมเอารูปมาแบ่ง ๆ กันดูบ้างล่ะ เชื่อได้ว่า งานนี้ ตากล้องเพียบ . . ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง . . เฉพาะค่ารถตู้ คนละ 1,500 บ. ตลอดการเดินทาง สิ่งที่จะต้องเตรียมไปเอง . . เครื่องนอน เสบียง ไฟฉาย จุดนัดพบก่อนการเดินทาง . . เซ็นทรัลพระราม ๓ ประมาณ 18.30 18.45 น. .... แมงโม้เข้าสิงแล้วล่ะ คุณเอื้องอังกูร .....
7 พฤศจิกายน 2550 17:20 น. - comment id 19428
สวัสดียามเย็นเช่นกันครับคุณอัลมิตรา ต้องบอกว่า ตื่นตาตื่นใจกับโปรแกรมของคุณจริงๆ อ่านแทบไม่กระพริบตา ต้องบอกว่าเห็นภาพจริงชัดเจน....นี่ขนาดว่าผมเป็นนักผจญภัยพอสมควรยังอดตื่นเต้นไม่ได้เลย...โอ..พระเจ้าจอร์ซ....งานนี้ถ้าลูกค่ายผมอ่านเจอรับรอง...ไม่ไปสันกำแพงแน่นอน เพราะฉะนั้นเราต้องปกปิดฮิๆๆๆ....งานนี้เรามีเวลาอยู่บนดอยค่อนข้างเยอะ...ดื่มด่ำกับธรรมชาติให้เต็มที่เลยนะครับชีวตคนกรุงอย่างเรายากที่จะสัมผัส....ปลดปล่อยให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติ....เดินบนปุยหมอก...ไคว่คว้าก้อนเมฆขาว....โอแค่คิดก็อยากให้ถึงเวลาไวๆแล้ว แล้วเจอกันครับ........
8 พฤศจิกายน 2550 08:55 น. - comment id 19438
คุณ อัลมิตรา ครับ เห็นภาพครับ...แบบชัดเจนในภาพ รู้แจ้งในความรู้สึก...สัมผัสได้ถึงไอหนาว..และความอบอุ่นฉันท์มิตรที่มิตรภาพไร้พรมแดน..... ภายใต้ฟ้าเดียวกัน..มีความเหมือนและความต่างแห่งพื้นที่ แต่เชื่อไหม...ใจ...สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้
8 พฤศจิกายน 2550 09:59 น. - comment id 19439
เป็นช่วงที่งานชุกมาก ๆ เลย อยากไปมาก ไว้คราวหน้าคงได้ร่วมบุญ
8 พฤศจิกายน 2550 13:01 น. - comment id 19447
ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณอลงกต .. แต่ละวันที่ผ่านไป ก็เหมือนกับว่า วันที่นัดหมายก็ใกล้เข้ามา ในการเดินทางที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ทราบว่า .. ไม่ใช่เรื่องน่าสบายกายนัก แต่ทว่า .. ก็มีเหตุผลและวัตถุประสงค์ หรือเรียกรวมง่าย ๆ ว่า อุดมการณ์เป็นตัวตั้ง เมื่อต้นปี อัลมิตราเดินทางไปแม่ฮ่องสอน เดินทางไปพร้อมกับข่าวระอุไฟไหม้โบเบ๊ และก็ระเบิดลามกรุงเทพฯ .. ขณะที่ตัวเองต้องอยู่กับสภาพอากาศที่ไม่คุ้นเคย หนาวมาก ก็ยังคิดในใจเลยว่า " ตูมาทำไมวะเนี่ย หนาวตายชัก " .. คิดตั้งแต่ไป จนกระทั่งกลับ ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่จะถึงนี้ มีความพร้อม มีความสุข มีความอิ่มเอมใจ ในทุก ๆ นาทีที่ผ่านพ้น การตระเตรียมงานก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยหาของบริจาค หรือจะเป็นการวางแผนการเดินทาง เช็คคน เช็ครถ เรียกได้ว่า .. ทุกขั้นตอนเปี่ยมไปด้วยความสุข คงเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ทำโครงการหรือกิจกรรม .. เต็มใจทำ ยินดีทำอย่างที่สุด อันที่จริง ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่ทำโครงการจะราบรื่นนะ บางทีก็ได้รอยแผลกลับมาเหมือนกัน ถือเป็นบทเรียน เชื่อว่า ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานเช่นคุณอลงกตคงพอจะมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้าง ไม่มากก็น้อย รวมถึงอีกหนึ่งบทเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ จากบุคคลที่อาศัยอินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลอกลวง ยิ้มไว้นะคะ ยิ้มไว้ .. โลกนี้สดใสยิ่งนักแล้ว ปล . ขณะนี้ เต็มอัตราศึก 20 คนแล้วค่ะ บวกกับอีก 1 สมทบ ก็เป็น 21 คน
7 พฤศจิกายน 2550 20:44 น. - comment id 19448
ชอบประโยคนี้จังค่ะ "ปลดปล่อยอารมณ์ให้ล่องลอยไปกับธรรมชาติ.... เดินบนปุยหมอก...ไขว่คว้าก้อนเมฆขาว...." ไม่ว่ากันนะคะ แอบเติมคำนิดหน่อย .. ที่จริงแล้ว โลกนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม รอให้ค้นหา รอให้ดื่มดำ รอให้สัมผัส .. ความที่ชอบการเขียน การที่เห็นภาพที่วิจิตรนั้น ย่อมก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ .. เขาว่ากันว่า " แม้ตัวอักษรที่ลางเลือนในกระดาษ ก็ยังสามารถบันทึกเรื่องราวและความทรงจำได้ยอดเยี่ยมกว่าวิธีอื่นใด ๆ " เข้าใจว่า เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจและกลับจากการเดินทาง .. จะได้อ่านผลงานดี ๆ ที่คุณบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ประทับใจ .. อยากให้มีบรรยากาศนี้ ในค่ำคืนที่ดื่นดาว วันที่ 8 ธค. 50 ไม่รู้ว่าจะเป็นการร้องขอเกินไปหรือเปล่า :) ทว่า..อัลมิตรานำงานเขียนมาบรรณาการล่วงหน้าแล้ว ๏ คราคืนหนาวดาวกระจ่างหว่างห้วงหาว เดือนก็พราวพริ้มประพายเฉิดฉายแสง แต่งฟ้างามล้ำพิไลไม่เปลี่ยนแปลง ดั่งขันแข่งเปล่งประกายในราตรี แม้นลมล่องต้องกายให้หนาวเนื้อ แต่อุ่นเอื้อด้วยไฟใกล้น้อง-พี่ มอบความรักประจักษ์จิตมิตรไมตรี แม้นหนาวมีมากน้อยพลอยอุ่นใจ ให้รื่นรมย์ผสมผสานกานท์ร้อยแก้ว ทั้งเจื้อยแจ้วสกุณาพฤกษาไหว ช่างเพราะพริ้งรื่นฤดีดนตรีใด ? แสนตรึงใจใต้ฟ้าจันทรา-ดาว ถ้อยถามไถ่สารพันในวันก่อน ความทุกข์ร้อนอ่อนล้าคราเหน็บหนาว สุขสมหวังของใครในเรื่องราว กี่ครั้งคราวต่างปลอบรอบกองไฟ ใครเคยหนาวร้าวระทมดั่งลมหนาว ? ใครปวดร้าวทุกข์จริงแสนยิ่งใหญ่ ? ใครมืดมนหนทางคลางแคลงใด ? ใครหวั่นไหวหวาดผวานำมาเปรย ? พลันปลดสิ้นทุกข์ระทมกลางลมหนาว ไร้ปวดร้าวเศร้าอุราคราเปิดเผย ในท่ามกลางผองชนคนคุ้นเคย ต่างเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนำชื่นบาน ใต้ฟ้างามยามหนาวราวอุ่นยิ่ง ฟังทุกสิ่งเรื่องราวคราวผันผ่าน แล้วกำหนดจดจำเป็นตำนาน ล่วงเลยกาลเพียงใดไม่ลืมเลือน ๚ะ๛