คุณจะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยหรือเปล่า..

น้ำผึ้งเดือนห้า

อยากขอฟังความคิดเห็นจากทุกคน ในเรื่องการระบุศาสนาประจำชาติ อยากถามว่าทุกคนมีความเห็นว่าอย่างไร ลองมาสื่อให้กันฟัง แต่ที่แน่ๆ น้ำผึ้งฯไม่ต้องการให้เกิดการแตกแยก เพียงแต่ต้องการทราบเหตุและผลของคนอื่นบ้าง
        เหมือนที่ได้ดูข่าว พระไปประท้วงบ้าง คนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง...จริงอยู่ประเทศไทยกำลังแย่ เพราะมีหลายข่าว หลายกระแสที่เราต้องใช้วิจารณญาณในการใตร่ตรองก่อนที่จะเชื่ออยู่มาก แต่หากเรื่องบางเรื่องต้องถึงเวลายุติ คุณคิดว่าจะยุติเช่นไร
        ขอยกหัวข้อ การระบุศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไทย มาเพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น..คุณคิดเห็นว่าอย่างไร 
        ส่วนน้ำผึ้งฯเอง คิดว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติไทยมาแต่ดั้งเดิมแล้ว จึงไม่แปลกอะไรที่จะระบุเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีศาสนาอื่นเข้ามาเยอะมากขึ้น น้ำผึ้งฯจึงคิดตื้นๆว่า เราสามารถระบุไปได้ไหมว่า ศาสนาประจำชาติไทยคือศาสนาพุทธ และมีศาสนาอื่นๆอีกอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะน้ำผึ้งฯนับถือศาสนาพุทธแล้วจึงคิดแบบนี้ แต่น้ำผึ้งฯคิดตามหลักเหตุผล เพราะน้ำผึ้งฯเองมีญาติที่นับถือศาสนาอิสลามและคริสต์ด้วย ซึ่งเขาก็เข้าใจเหตุผลและไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
        ศาสนา ยังไงก็ต้องระบุไว้คู่กับความเป็นชาติไทย เหมือนกับเพลงชาติไทยที่เรามีอยู่เพลงเดียวที่ต้องยึดมั่น เช่นเดียวกับสถาบันพระมหากษัตรย์ เพื่อให้คนไทยได้ทราบจุดยืนและแนวทางปฏิบัติของตนเอง และเพื่อให้ต่างชาติได้ทราบด้วย ถึงแม้เราจะเป็นประชาธิบไตย แต่หากมีหลากหลายมากเกินไป ความเป็นไทยก็จะถูกกลืน.....
***********************************************
ตอนนี้น้ำผึ้งฯบอกความคิดของตัวเองให้ทุกคนได้รับรู้แล้ว 
แล้วคุณล่ะคะ "กล้า" พอที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเปล่า ถ้ากล้า...ก็ลงมือเลยค่ะ				
comments powered by Disqus
  • .

    6 มิถุนายน 2550 13:16 น. - comment id 18178

    ปัญหาที่เกิดประท้วงกันเวลานี้มาจากการเมืองของบางจำพวกที่ให้พวกห่มเหลืองที่ไม่เคยรู้รสพระธรรมแท้จริงออกมาสำแดงกำลังอันมิใช่พุทธซึ่งเป็นสัจจะ เป็นวิถีแห่งสากล ไม่แปลกที่พวกอกมาประท้วงจะออกอาการตามนิสัยเดิม ซึ่งเหลืองที่ห่มไม่ได้ย้อมความคิดจิตใจให้ตนแลคนมองเหลืองเอิบอิ่มไปด้วยธรรมแห่งพุทธแต่อย่างใด.....ได้แต่บอกว่า อนาถหนอเจ้ากู  ก็เท่านั้น....
    
    การเมืองคือโลกียธรรม  ศาสนาคือโลกุตรธรรม..ชั้นเดิมก็ได้คิดและพิจารณาชอบแล้วปัญหาบัญญัติหรือไม่  สังคมไทยไม่ใช่ของพวกใดพวกหนึ่ง ยิ่งศาสนาใดก็ตามไม่ต้องมาสำแดงอาการเป็นเจ้าของหรือผูกขาดอวดอำนาจบารมีให้เห็นเลย  ธรรมงามโดยนัยโดยแท้แห่งธรรมอยู่แล้ว คนคิดดีปฏิบัติชอบย่อมไม่ดิ้นรนหรืออวดอ้างอะไรมากไปกว่าธรรมนั้นเองซึ่งเปล่งประกายงามอยู่ในตัวแล้ว ไม่จำต้องขึ้นกับเจตจำนงของใครอะไรที่ไหนอีก........หากคนต้องการเห็นธรรมต้องไปแสวงหา มิใช่ให้ธรรมเดินไปถึงได้...พวกที่อยากธรรมสำแดงแบบว่าให้เขียนในรัฐธรรมนูญ มีเจตนาอะไรใครอยู่เบื้องหลัง ผลได้เสียอย่างไร ความสัมพันธ์ในสังคมเป็นอย่างไร ที่เคยสงบไม่ว่าตัวตนและสังคมจะพึงมีต่อไปได้หรือไม่ ...........
    
    วันนี้ก็เห็นแล้ว  ไม่ทันอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ไม่ทันแย้มก้เห็นอะไรที่เป็นสีดำแล้ว....
    
    กลับไปพิจารณาตัวเอง ไปเรียนรู้ธรรมแห่งศาสดาให้กระจ่าง สว่างในตน อะไรที่เรียกว่าอวดอ้าง สำแดงอะไรที่คิดว่าวิเศษ กิเลสตัณหาจะได้บางเบาและไปสู่วิถีแห่งธรรม วิถีแห่งคนโดยแท้ได้.....
    
    อย่าไปหลงเล่ห์เพทุบายของพวกมือถือสากปากถือศีลเลย ยิ่งพวกโกงบ้านกินเมืองโดยเฉพาะพวกอกหัก พวกสิ้นอำนาจหรือไร้อำนาจ...นั่นแหละ พึงระวังให้มาก.
  • น้ำผึ้งเดือนห้า

    6 มิถุนายน 2550 15:07 น. - comment id 18180

    ขอขอบคุณความคิดเห็นที่ 1 ค่ะ ที่คุณกล้าแสดงความคิดเห็นแต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน...    11.gif
            ขอบอกเจตนารมย์อีกครั้งค่ะ ว่าต้องการทราบความคิดเห็นเท่านั้น ว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไร ไม่ใช่ให้คุณมากล่าวหาว่า "ใครเป็นอย่างไร" อย่างที่บอก เหตุการณ์ทุกวันนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการติดตาม สิ่งที่เรานำมาพูดคุยหรือตั้งกระทู้ก็เพื่อต้องการทราบว่า หากถึงจุดหนึ่งที่ต้องยุติคุณคิดเห็นอย่างไร 
         เราไม่ได้บอกว่าใครดีไม่ดี...และเราก็ไม่เคยคิดว่าใครจะดีกว่าใคร จริงอยู่ ที่คุณกล่าวว่า "สังคมไทยไม่ใช่ของพวกใดพวกหนึ่ง ยิ่งศาสนาใดก็ตามไม่ต้องมาสำแดงอาการเป็นเจ้าของหรือผูกขาดอวดอำนาจบารมีให้เห็นเลย  ธรรมงามโดยนัยโดยแท้แห่งธรรมอยู่แล้ว คนคิดดีปฏิบัติชอบย่อมไม่ดิ้นรนหรืออวดอ้างอะไรมากไปกว่าธรรมนั้นเองซึ่งเปล่งประกายงามอยู่ในตัวแล้ว ไม่จำต้องขึ้นกับเจตจำนงของใครอะไรที่ไหนอีก........หากคนต้องการเห็นธรรมต้องไปแสวงหา มิใช่ให้ธรรมเดินไปถึงได้...พวกที่อยากธรรมสำแดงแบบว่าให้เขียนในรัฐธรรมนูญ มีเจตนาอะไรใครอยู่เบื้องหลัง ผลได้เสียอย่างไร ความสัมพันธ์ในสังคมเป็นอย่างไร ที่เคยสงบไม่ว่าตัวตนและสังคมจะพึงมีต่อไปได้หรือไม่ ..........." 
           สิ่งที่คุณบอกมานั้นก็จริง แต่เมื่อบ้านเมืองมาถึงจุดหนึ่งที่เกิดความยุ่งเหยิง ที่จะต้องหาทางหรือวิธีแก้ไข เราก็น่าจะมาร่วมกันหาทาง แทนที่จะมาว่ากล่าวคนนั้นคนนี้ ไม่มีใครเป็นพรรคพวกกับใครหรอกค่ะ แม้เราจะนับถือศาสนาพุทธ เราก็มีญาติพี่น้องที่แยกออกไปนับถือศาสนาอื่น ซึ่งเราอยู่กันได้อย่างเข้าใจ อย่างมีเหตุผล อยู่กันได้ด้วยความรัก สิ่งที่คุณมองกับสิ่งที่เรามองมันแตกต่างกัน คุณคิดแต่เพียงว่า คนนั้นเป็นพวกกับคนนี้ ทำอะไรก็ต้องมีผลประโยชน์ ทำไมคุณไม่เปิดกว้างกับความคิดของคนอื่นบ้างล่ะคะ ทำไมคิดกับคนอื่นในแง่ร้าย คุณกล่าวอ้างถึงธรรม แต่คุณเองใช้ธรรม ใช้ศีลและสติในการมองคนอื่นหรือไม่ ....เปิดใจให้กว้างรับกับความคิดที่ดีๆ อย่าคิดว่าคนอื่นเขาเลวไปหมด....คนอื่นเขาคิดแก้ปัญหา..แล้วคุณล่ะทำอะไร...ว่ากล่าวคนนั้น เทศนาคนนี้ พูดเข้าถึงหลักธรรม แล้วทางออกอยู่ไหน เราบอกแล้วว่า เมื่อต้องหาข้อยุติคุณคิดอย่างไร และเรายังมองไม่เห็นคำตอบจากคุณเลย....
           คุณอย่าคิดว่าคนอื่นเขา "โง่.." ไม่มีวิจารณญาณ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปหน่อยเลย มองให้ถูกประเด็นสิคะ .....11.gif
    เฮ้อ...32.gif ถูกมองผิดประเด็นจนได้สิ นี่แหละประเทศถึงได้ยุ่งเหยิง..47.gif
  • .

    6 มิถุนายน 2550 16:18 น. - comment id 18184

    แล้วคุณล่ะคะ "กล้า" พอที่จะแสดงความคิดเห็นหรือเปล่า ถ้ากล้า...ก็ลงมือเลยค่ะ 
     
      
    ..................
    
    
    ไม่ใช่กล้าหรือไม่กล้า...แค่อยากแปะตามที่เสนอ ก็สนองสนุกปกติธรรมดา...เท่านั้น เห็นตามหรือแย้งก็ว่าไปได้ตามวิสัยคนในสังคมอยากเรียนรู้...ไม่แปลก แต่คงไม่บังอาจไปบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีใครอะไรไหนได้ เพียงเห็นอย่างนี้ตามภูมิรู้ที่อาจจำกัดหรือด้อยกว่าในสายตาคนรู้มากกว่า ก็ว่าไปได้ .แค่เขียนปรากฏการณ์ที่มีเนื้อหาอย่างไรให้ว่ากัน. ก็เท่านั้นเอง.
    ..................
    
    .....คุณอย่าคิดว่าคนอื่นเขา "โง่.." ไม่มีวิจารณญาณ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปหน่อยเลย มองให้ถูกประเด็นสิคะ .....
    ..........
    
    คุณว่าเอง...
    ผิดถูกอย่างไรไปคิดเอง โตด้วยกันแล้ว..
    คนนั้นมีวิจารณญาณอย่างคุณว่า แต่วิจารณญาณอย่างว่าพอจะพิสูจน์สัจจธรรมที่เกิดขึ้นดำรงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปในบ้านเมือง..ภววิสัยที่ปรากฏจริงแท้กว่าอัตตวิสัยหรือไม่..คงต้องคิดเรียนรู้หาคำตอบกันอย่างมีสติอย่างคุณว่าจริงๆ ... ...
    
    อีกหนึ่งที่อยากบอก ไม่บังอาจว่าตนเองวิเศษกว่าใครไหนเลย..มีเห็นตามและแย้งเป็นเรื่องธรรมดาในเวบ เป็นไปตามนัยแห่งการรับรู้เรียนรู้ที่ต่างกันได้...ผิดถูกประเด็นหรือไม่ ไม่รุ้สิ ..เพียงแค่คิดสนองตามที่เสนอมา ..เท่านั้นเอง..เพราะรู้ว่าตนไม่ใช่ผู้วิเศษสั่งใครอะไรไหนได้ในเวบหรือที่ไหนๆ  เพราะแค่เห็นเพียงเด็กๆส่งเสียงดังยังตกใจกลัวแล้ว ..อย่าว่าแต่จะสะเออะไปเสนอว่าทางออกเลย  ...ยิ่งบ้านเมืองนี้มีคนเก่งอย่างศรีธนนชัยไม่น้อย  คงมีทางออกและคิดได้เองอยู่แล้ว ทางออกอยากสำแดงให้เห็นคงไม่จำเป็นอะไร ขนาดว่ายึดหลักของศาล ที่สุดแล้วยังมาโวยวาย  ฉะนั้น มีประโยชน์อะไร  จริงๆไหม....  
    
    .46.gif
  • น้ำผึ้งเดือนห้า

    6 มิถุนายน 2550 16:41 น. - comment id 18185

    ขอบคุณที่คุณก็ยังใช้ความ "กล้า" ของคุณมาโต้ตอบ จริงอยู่ที่เราไม่บังอาจไปเสนอดังที่คุณว่า "อย่าว่าแต่จะสะเออะไปเสนอว่าทางออกเลย  ...ยิ่งบ้านเมืองนี้มีคนเก่งอย่างศรีธนนชัยไม่น้อย  คงมีทางออกและคิดได้เองอยู่แล้ว ทางออกอยากสำแดงให้เห็นคงไม่จำเป็นอะไร ขนาดว่ายึดหลักของศาล ที่สุดแล้วยังมาโวยวาย  ฉะนั้น มีประโยชน์อะไร  จริงๆไหม.... "
          เรื่องของศาลที่คุณมากล่าวอ้างนั้น มันก็คนละประเด็นอีกแหละ ถึงแม้จะมีคนมาโวยวาย แต่ก็ได้แค่โวยวาย เพราะกฏหมายก็คือกฏหมาย เมื่อหลักฐานมันฟ้องอยู่ 
         หากมีแต่คนคิดว่า "อย่าว่าแต่จะสะเออะไปเสนอทางออก" ทั่วประเทศ คงไม่มีการไปเดินประท้วง หรือออกมาต่อต้านอะไรต่ออะไร หรือหากมีแต่คนคิดแบบนี้ ประเทศไทยก็คงจะอยู่แบบตัวใครตัวมันและก็คงจะขาดผู้นำในไม่ช้า...เพราะคิดว่าเรื่องนี้ "ไม่เกี่ยวกับตัวเอง"
          เท่าที่อ่านความคิดเห็นของคุณมา คุณเองก็ยังหาข้อยุติให้ไม่ได้เลยในความคิด มีแต่ข้อเปรียบเปรย ประชดประชัน อาจจะได้แต่คิด แต่ไม่กล้าบอก  แต่..ก็เอาเถอะ..คุณคิดอย่างไร คุณก็รู้อยู่แก่ใจของคุณเอง คุณจะคิดดีหรือไม่ดี มีคำตอบหรือไม่ นั่นก็ความคิดคุณเอง คุณก็ได้แต่เข้ามาบอกวกไปวนมา ก็เท่านั้น เข้ามาเสนอความคิดเห็นโดยที่ยังไม่มีคำตอบที่ตรงกับคำถามเลยว่า " คุณจะระบุให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยหรือเปล่า." เหมือนอย่างที่คุณบอกไงว่า "แค่อยากแปะตามที่เสนอ ก็สนองสนุกปกติธรรมดา"
         ..คุยกับคุณนี่เหนื่อยใจจังแฮะ...32.gif
  • อ๊บอ๊บ

    6 มิถุนายน 2550 17:59 น. - comment id 18187

    ผมว่าไม่ควรระบุ เพราะไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อใครทั้งนั้น ยังอาจจะก่อให้เกิดความไม่พอใจกับพี่น้องที่นับถือศาสนาอื่นบางคน หรืออาจเกิดความน้อยใจ  ผมว่าบ้านเรามีศาสนาเป็นหลักในการอยู่ร่วมกันนั้นดีอยู่แล้ว  แต่ขอให้เป็นศาสนาที่สอนให้คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ทุกวันนี้เราไม่มีคำนี้ในรัฐธรรมนูญ เราก็อยู่กันได้  ผมว่าไม่ควรสร้างสิ่งหมิ่นเหม่ต่อความรู้สึกของพี่น้องชาวไทยด้วยกัน เพราะอย่างที่บอก  ผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ที่ได้รับจากการนี้เลย
  • มัดหมี่จ้า

    6 มิถุนายน 2550 18:09 น. - comment id 18189

    1.gif16.gif
    มัทเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ก็อยากให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ให้ระบุไว้เลย เราไม่ได้กีดกันว่าทุกคนต้องนับถือศาสนาพุทธอย่างเรา คนไทยทุกคนสามารถเลือกนับถือศาสนาอะไรก็ได้ เพราะไม่ได้มีบทบัญญัติไว้ในกฎหมาย 
    
    แต่อย่างไรแล้วเราควรมีศาสนาซักศาสนาซึ่งก็น่าจะเป็นศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ด้วยมีคนนับถือมากกว่าศาสนาอื่น และเป็นศาสนาประจำชาติด้วย 
    
    เห็นด้วยว่าควรมีการบรรจุศาสนาพุทธไว้ในรัฐธรรมนุญ เพราะหากไม่ทำในโอกาสนี้ก็คงอีกนาน
  • อัลมิตรา

    6 มิถุนายน 2550 22:08 น. - comment id 18195

    อยากแสดงความคิดเห็น แต่ก็อาจสวนกระแสกับความคิดของผู้อื่น
    เป็นธรรมดาที่การอยู่กลาง ๆ ในสังคม อยู่ได้ยาก .. จริง ๆ
    คล้าย ๆ กับปีที่แล้ว ที่จะต้องเลือกพวก เลือกฝ่าย
    
    คิดเห็นตรงกัน ก็ดีไป ยังมองหน้ากันได้อยู่ ยิ้มส่งถึงกันได้
    คิดเห็นไม่ตรงกันนี่สิ ลำบากชะมัด 
    อยากยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีเสียแล้ว
    
    อัลมิตรามีคำตอบอยู่ในใจนะ .. 
    ถ้าถึงจุดที่จะต้องมีการนับคะแนนเสียง (ประมาณนั้น) 
    ก็จะแสดงความคิดเห็น .. เพื่อรักษาสิทธิ์โหวต
    แต่ถ้ามองเห็นศึกวิวาทะอยู่ลาง ๆ .. ก็คงเงียบ
    
    อัลมิตราไม่อยากให้ความแตกต่างทางด้านความคิด
    เป็นตัวชี้วัดว่า ความคิดนั้นถูก ความคิดนั้นผิด
    
    ไม่อยาก .. กับ .. ไม่กล้า .. นัยยะที่เป็นเส้นขนาน
    
    อัลมิตราเป็นพุทธศาสนิกชนคะ ทุกวันนี้ยังคงเข้าวัด(บ้าง) กราบพระ(อยู่)
    ตอนนี้เรียนภาษาอรับค่ะ โดยใช้คัมภีร์อัลกุรอานเป็นแบบเรียน 
    และสิบสองปี ในโรงเรียนคาทอลิก ทำให้อัลมิตรารู้จักพิธีมิซซา
    
    อัลมิตราร้องเพลงชาติไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ เคยนำร้องหน้าเสาธงบ่อย ๆ
    
    .. ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย ..
    
    ประโยคขึ้นต้นของเพลงชาติ .. คงเดาคำตอบในใจของอัลมิตราได้นะคะ
  • ว่าที่กวี

    7 มิถุนายน 2550 01:39 น. - comment id 18197

    ตัวผมเองคิดว่า ระบุหรือไม่...ก็ไม่สำคัญเท่ากับ จิตใจของเรา ถ้าเราเองนับถืออยู่ในใจ ยังไง-ยังไง เราก็ยังตั้งมั่นอยู่ในกรรมดี ว่ามั้ยคับ
    ต่อให้ศาสนาพุทธบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ ถ้าคนมันไม่เชื่อในกรรมดีกรรมชั่ว ผมคิดว่าบรรจุไป มันก็แค่นั้นแหละคับ
    
    แต่มีอยู่อย่างนึง ที่ผมเห็นแล้วขัดใจมาก-มาก
    คือ เรื่องที่พระสงฆ์ ออกมาอดอาหารประท้วง!!
    มันสมควรแล้วเหรอคับ ที่พระสงฆ์จะออกมาทำในบางสิ่งบางอย่างที่ดูยังไงมันก็เป็นเรื่อ งทางโลก มิใช่ทางธรรม แบบนี้
    
    เห็นแล้วมันขัดใจจริง-จริงครับ
     
    55.gif61.gif61.gif61.gif
  • ขาว-กรมท่า

    7 มิถุนายน 2550 13:22 น. - comment id 18205

    สวัสดีครับ ผม"ขาว-กรมท่า" นะครับ 
    ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นของกระทู้นี้ ดดยขอบอกว่า "ไม่ควรอย่างมาก" แม้ผมจะเป็น พุทธศาสนิกชน นิกาย เถรวาท(หินยาน) ก็ตามที เนื่องจากว่า ถ้าเราได้ บัญญติ แล้วไซร้ จะต้องหมายถึงว่าคนทั้งประเทศ นับถือ พุทธศาสนา ทั้งหมด แต่ทางประเทศได้บอกว่า ประเทศเรามีสิทธิเสรีภาพในการการนับถือ ศาสนา ซึ่งถ้าได้บัญญติแล้วจริงๆ จะไม่ดูขัดๆ ไปรึครับ? ถ้าในกรณีที่ตั้งสำเร็จ ผมว่าจะทำให้ศาสนาอื่นๆ ไม่มีอคติกันหมดรึครับ? ให้ลองพิจารณา หน่อยเถอะว่าถ้าเราตั้งแล้ว จะมีข้อเสีย กับ ข้อดี อยู่ใน ระดับใดให้ พิจารณาดูนะครับ  [ผมกำลังจะลองศึกษา ภาษาสันกฤตซึ่งเป็น ภาษาที่ใช้ใน มหากาพย์อันยิ่งใหญ่ทั้ง2เรื่อง ของ ชาวฮินดู อยู่ก็จริง แต่ศรัทธา ผมยังไม่แปรปลี่ยนไป) ผมหวังว่า 1ในเพลงที่ผมชอบร้องที่มี วรรคแรกว่า "รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดภาคไหน ก็ไทยด้วยกัน เชื้อสายประเพณี ไม่มีกีดกั้น เกิดใต้ธงไทยนั้น ปวงชน ทุกคนคือ ไทย..."จะยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยประจักษ์ในความรักใคร่ ปรองดอง สามัคคี ต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ...
                                             ขาว-กรมท่า
  • Dara

    13 มิถุนายน 2550 12:26 น. - comment id 18259

    เห็นด้วย  เพื่อคุ้มครองและจรรโลงพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่ชาติไทยสืบไป64.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน