เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับสมาชิกในบ้านกลอนเองต่างหาก ตอนนี้กวีปกรณ์รู้สึกดีใจระคนเสียใจไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากสมาชิกในบ้านกลอนนั้นกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้กวีปกรณ์มีเพื่อนใหม่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่สมาชิกเก่า ๆ ครั้งที่กวีปกรณ์เคยเป็นหน้าใหม่เล่า หายไปไหน จริง ๆ แล้ว กวีปกรณ์ ก็เคยตั้งคำถามนี้ในใจและไถ่ถามเองบ้างกับบางสมาชิกที่คุ้นเคยและคุ้นผลงานว่า พี่ครับ...พี่หายไปไหนมา ทำไมไม่ลงผลงานบ้างครับ? คำตอบส่วนใหญ่นั้น นอกจากจะเป็นเพราะว่า การงาน หรือเวลานั้นน้อยไม่เอื้ออำนวย แต่ที่ตอบคล้ายคลึงกันอีกเป็นประการต่อมาคือ บ้านกลอนเปลี่ยนไป นั่นก็ทำให้กวีปกรณ์ได้คิด หรือกระตุ้นความคิดของกวีปกรณ์เช่นกัน ทั้งที่เคยคิด และเริ่มคิดใหม่อีกรอบว่า บ้านกลอนเปลี่ยนไป จริงหรือ? และแล้ววันนี้กวีปกรณ์ก็ได้พบแล้วว่า บ้านกลอนนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลย แต่สมาชิกใหม่ ๆ ในบ้านกลอนนี้ต่างหากที่กำลังผลักให้บ้านกลอนเปลี่ยนไป แต่ก่อนการลงบทกลอนของแต่ละสมาชิก กวีปกรณ์เคยเห็นเพียงคนละบทบ้าง สองบทบ้าง สองบทนั้นก็มากแล้ว สำหรับผลงานที่่ผ่านเรียงร้อยจากจินตนาการ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สะเทือนอารมณ์ (อาจจะเป็นเพราะ พี่ ๆ เพื่อน ๆ สมาชิกเก่า ๆ นั้นมีใจเดียว ให้อะไรมาสะเทือนใจก็คงสะเทือนได้เพียงครั้งเดียว ไม่ใช่หลายครั้งเพราะหลายใจไม่) และผลงานของแต่ละคน กวีปกรณ์ก็เชื่อว่า เป็นผลงานที่คัดสรรค์มาแล้วจากตัวของเพื่อน ๆ เองว่าดีที่สุดไหมในแต่ละวัน ด้วยน้ำใจของเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เข้าใจถึงพื้นที่สาธารณะบนเวบไซต์นี้ อันเอื้อประโยชน์ให้ทุก ๆ คนได้แสดงผลงานและความสามารถ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านร้อยแก้ว แต่วันนี้นั้นกลับเปลี่ยนไป ที่เคยเป็น กลับไม่เป็นเหมือนก่อน อีกทั้งยังเหมือนต่างก็แย่งยึดพื้นที่ไว้เป็นของตนทั้งสิ้น จากที่เน้นคุณภาพ ก็กลายเป็นเน้นปริมาณ แต่ละบทกลอนก็เหมือนเขียนเพราะอยาก ไม่ใช่เขียนเพราะรัก หรือรักที่จะเขียนเลย ยิ่งกว่านั้น ต่างคนก็ต่างอยาก เขียนเพราะอยาก จนทำให้พื้นที่บนเวบนี้ดูน้อยลงไปถนัดตา แล้วคุณค่าที่ควรค่านั้นเล่าจะไม่เบาบางลงตามไปบ้างเชียวหรือ กวีปกรณ์คิดถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ สมาชิกคนเก่า ๆ เหล่านั้นจริง ๆ หากเพื่อน ๆ ในยามนี้เป็นเหมือนกวีปกรณ์ หรือสมาชิกใหม่อยากรู้ว่าสมาชิกเก่า ๆ นั้นเขาสร้างสรรค์ หรือนำเสนอผลงานกันอย่างไร ลองกลับไปค้นดูสิครับ แล้วช่วยตอบคำถามในใจว่า คุณกำลังทำให้บ้านกลอนนี้เปลี่ยนไปจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพราะว่ากวีปกรณ์นั้น คิดมากไปเองคนเดียว
4 พฤษภาคม 2550 02:12 น. - comment id 17583
สวัสดีคะ หนูก็เป็นหนึ่งคนที่เข้ามาใหม่คะ แต่ไม่ได้เข้ามาแต่งกลอนหรอกนะค่ะ เข้ามาอ่านกลอนของสมาชิกที่ได้แต่งไว้นะค่ะ ไม่รู้ว่าที่คุณกวีปกรณ์เขียนพาดพิงมาถึงหนูด้วยรึเปล่าว แต่เอาเป็นว่าที่เข้ามานี้ก็เพือ่นมาชมความไพเราะของกลอนคะ ซึ้งถ้าเป็นหนูคงไม่มีความสามารถที่จะแต่งได้ดีขนาดนี้ กลอนเก่าๆของนักเขียนเก่าๆ หนูก็ไปอ่านนะค่ะ โดยเฉพาะของ "ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก" ชอบมากเลยคะ เอาเป็นว่าขอสนับสนุนอย่างที่ กวีปกรณ์กล่าวมาทั้งหมดนะค่ะ เพราะอะไรที่ทำมาจากใจจริงมันย่อมดีเสมอค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคนนะค่ะ
4 พฤษภาคม 2550 02:35 น. - comment id 17584
สำหรับเรานะ เราก็เป็นคนนึงที่รู้จักเว็บนี้ตั้งแต่ปี พศ. 2545 - 2546 ราวๆ นี้ เราอ่ะชอบเขียนกลอน ไม่ค่อยชอบอ่านหรอก แต่ที่ชอบเขียนกลอนก็เพราะอ่านบางบทตอนแล้วมันอยากแต่งได้อย่างนั้น อย่างเช่น... พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย พูดง่ายๆ คือเราชอบเป็นบางบทอ่ะ เพราะฉะนั้น สภาพบ้านกลอนทุกวันนี้ เราว่าก็เปลี่ยนไป แต่จะโทษสมาชิกได้ไหม มันก็คงตอบว่าไม่ได้อ่ะ สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปเยอะ สภาพบ้านกลอนก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เรื่องปริมาณการโพสมันก็เยอะไปอ่ะ บางคน แต่เราเชื่อนะ ว่าพวกเขาเหล่านั้นก้รักบทกลอนไม่แพ้คนแต่งจริงจัง เราว่าความรัก มันไม่จำเป็นต้องอยู่ในหีบห่อที่สวยงาม มันอาจจะเฟ้อ ไร้ระเบียบ แต่เราเชื่อว่า เค้าเหล่านั้นจะต้องมีความรักการเขียนแน่นอน ไม่มากก็น้อย ที่เราติอ่ะเรื่องเดียว ที่เห็นมากๆ คือ การเขียนผิด เขียนผิดเยอะจริงๆ อยากให้เราร่วมกันรณรงค์เรื่องนี้ให้มาก อ้อ และหลายคนก็ผิดฉันทลักษณ์ ผิดวรรณยุกต์ ผิดหลายอย่าง แต่เราเชื่อนะว่า หลายคนเหล่านั้น เค้าก็กำลังหัดแต่งบทกลอนด้วยความรัก แต่ยังไงเสีย การเอาอย่างรุ่นพี่ก็เป็นสิ่งดี อืม แค่นี้แหละ ปล่อยให้บ้านกลอนหมุนไปด้วยความรัก เราว่าอีกหน่อยจะดีเองแหละ
4 พฤษภาคม 2550 08:29 น. - comment id 17585
ดีจ้าคุณกวีปกรณ์..... หลังจากที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกเมื่อประมาณปี 48-49 ก็เห็นว่าบ้านกลอนเปลี่ยนไปเยอะจริงๆด้วยนะ สมาชิกเยอะมากจริงๆ จนบางทีคิดว่าจะออกไปสร้างเวบไซด์เองดีมั๊ยยย (เวอร์ไปนิดแต่คิดไว้จริงๆ) และเห็นว่าพี่ๆเพื่อนๆบางคนก็หายไปจริงๆด้วยดิ.....ก็คิดถึงเหมือนกันน๊ะ เพราะพวกพี่ๆเพื่อนๆเก่านี่หล่ะที่ทำให้มีแรงบันดาลใจในการพัฒนาผลงานของตัวเอง เหมือนเป็นครูให้เราในอีกทางหนึ่ง แต่ก่อนเจนก็ชอบพิมพ์ผิดๆ บ่อยๆด้วยก็มีพี่ๆที่นี่เค้ากรุณา เมื่อเห็นว่าผิดก็บอกให้เราแก้ไข (ซึ้งมาก) เขาไม่ใช่ว่าแค่อ่านผ่านๆไป แต่เค้าให้เราได้เรียนรู้ไปด้วย มาวันนี้ก็ยังหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆที่หายไปจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนบ้าง และหวังว่าแม้อะไรจะเปลี่ยนไปแต่บ้านกลอนไทยจะยังคงเอกลักษณ์เฉพาะไว้ดั่งเดิม....นั่นคือมิตรภาพที่ดีดี รักทุกคนเช่นเดียวกับรักกลอนทุกบท love you love your poem
4 พฤษภาคม 2550 14:04 น. - comment id 17588
**.. สวัสดีเอก ........................... ผมดีใจนะที่ได้เห็นและได้อ่านกระทู้นี้ของเพื่อน ไม่แปลกใจกับคำถามนี้เพราะผมก็เคยแอบถามตัวเองอยู่บ่อยๆเหมือนๆกับที่เอกถาม " thaipoem บ้านกลอนไทย " ผมรู้จักมันมาหลายปีแล้วหล่ะ ตั้งแต่อยู่ ม.6 จนจบมหา'ลัย บางช่วงผมแวะเวียนเข้ามาเสียจน ( หัวกระไดไม่แห้ง ) แต่บางช่วงผมก็ห่างหายไปเสียจนนึกว่าตัวเองคงไม่ได้กลับเข้ามาอีกแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังคงมาเยี่ยมเยือนอยู่ดี บ้านกลอนหลังนี้มีการพัฒนาขึ้นหลายอย่าง รูปแบบ หัวข้อ กิจกรรม และจำนวน! บทกวีในระยะหลังมานี้ถูกนำเสนอมากขึ้นอย่างทวีคูณ คำถามต่อมาคือ " คุณภาพของงานเหล่านั้น " .................. ในใจผมยินดีประการแรกที่เห็นร้อยกรองยังไม่ล้มหายตายจากไปจากสังคมไทย ( แม้ตามแผงหนังสือแทบไม่มีเหลือแล้วก็ตาม )ยินดีประการต่อมาคือยินดีที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความนิยมกับร้อยกรองมากขึ้น ( หลังซบเซาสักระยะ ) จนเรียกได้ว่า บทกวีกลับมามีสีสันอักครั้งในอินเตอร์เน็ต กลายเป็นยุคที่โลกไซเบอร์ฟูเฟื่องเรื่องร้อยกรองมากๆ แต่แล้วมันก็เสมือนดาบสองคม มันสร้าง แต่มันก็ทำลายตัวมันเองด้วย เช่นที่ผมเคยเขียนเอาไว้ว่า " เขียนมั่วส่ง แล้วอุทาน นั่นแหละกลอน! " คือปุจฉาที่ตั้งค้างเตือนเอาไว้ ครั้งหนึ่งผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึงที่ผมนับถือ ท่านกล่าวทำนองว่า บางครั้งที่ท่านจำต้องโละงานที่เขียนใกล้จะเสร็จแล้วทิ้งไป แล้วเริ่มเขียนมันใหม่อย่างมีคุณภาพ " ................. สำคัญที่สุดคือ บางคนมักเอ่ยอ้างคำว่า " หัวใจกวี " จนหมดความขลัง โดยอาศัยเพียงว่า " ฉันมีใจรักบทกวี ฉันจึงเขียนอะไรก็ได้ " นั่นแหละครับคือคำอ้างที่ผมมักจำนนไปอย่าง ( ไม่อยากเถียง ) เพราะถ้าทุกคนถือคติว่า ฉันรัก ฉันศรัทธากาพย์กลอน ฉันจึงเขียนอะไรก็ได้ " ฉันรักเธอ เธอรักฉัน แล้วฉันก็รักเธอ แล้วเธอก็มารักฉัน "อยู่แค่นี้ " บทกวีจะมีค่าเหลืออะไร " ไม่ใช่แค่เพียงวางสัมผัสตามฉันทลักษณ์แล้วก็บอกว่านี่แหละ " บทกวีชัดๆ " แต่ผมก็ประทับใจนะครับที่หลายคนมีความพยายามที่จะพํฒนา การเขียนให้ดียิ่งขึ้น ( ครั้งหนึ่งผมก็เคย ) บางคนพัฒนาเร็วมาก ............ อนาคตของบ้านกลอนยังดำเนินต่อไป ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ บทกวี-ร้อยกรองทั้งหลายจะเดินไปในทิศทางไหนต่างหาก ..........ตราบใดที่เรายังคิดแค่ " ฉันมีใจรักบทกวี ฉันจึงเขียนอะไรก็ได้ " ( แม้มันกำลังลบเลือนความเป็นบทกวีไปทีละนิดทีละน้อย ก็ตาม..... ) ด้วยใจรักและเป็นห่วง ..... ก.ประแสร์ ศิษยาพร .......
4 พฤษภาคม 2550 14:41 น. - comment id 17589
หลายคนจากไป หาลยคนก็เข้ามา เพียงอ่านอยู่เงียบๆ ลองสังเกตุสิครับ หากมีคนเก่าๆลงงานเขียนสัก 4 - 5 คน หลายๆคนที่หายหน้าไปก็จะกลับมาเขียน เป็นบางครั้งเท่านั้นเอง เอางานเขียนมากหรือน้อย ก็อยู่ที่ความคิดของแต่ละคนน่ะครับ ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้นแหละ ผมว่า ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ...เท่านั้นเอง
4 พฤษภาคม 2550 15:17 น. - comment id 17590
บ้างที่เราคงจะต้องดูกันต่อไปมั้งค่ะ พวกเขาเหล่านั้นคงไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีแก่บ้านกลอนหรอก ถ้าจะพูดไปน้องเล็กก็ยังใหม่อยู่นะ สำหรับการแต่งกลอน และน้องเล็กก็เริ่มการเรียนรู้และแต่งกลอนจากบ้านหลังนี้ ความต้องการที่จะเห็นบ้านกลอนพัฒนาขึ้น จึงเป็นสิ่งที่น้องเล็กต้องการ และไม่รู้ว่า สิ่งที่กำลังเป็นอยู่ ณ ขนาดนี้ มันแย่กว่าเดิมหรือเปล่า แต่คิดว่ามันเปลี่ยนไปจริงๆ การอยู่ด้วยกัน จำเป็นต้องมีการเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า ถ้าต้องการที่จะสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่า ก็ไม่แปลกอะไรที่จะอยู่รวมกัน ปล.ขอบคุณพี่กรนะค่ะ ที่ตั้งกระทู้ที่มีสาระแบบนี้ขึ้นมา หวังว่าหลายๆคนคงได้รับประโยชน์
4 พฤษภาคม 2550 15:20 น. - comment id 17591
อยู่ที่ปัจจัยหลักคือบุคคลค่ะ ใครชอบยังไงก็ทำอย่างนั้นแล้วกัน.. ชอบเขียนเยอะๆ ก็ทยอยลงจะได้อ่านกันเพลินๆ จะได้เหลือพื้นที่สำหรับเพื่อนๆ บ้าง..เราจะได้หลายๆ แนวคิดไง.. ชอบเขียนน้อย ก็ต้องสะกิดนิดนึง ( นี่ นี่ นายอ่านมานานพอแล้ว เขียนซะบ้างสิ อิอิ) บ้านกลอนยังเป็นที่ที่มีความรัก และความอบอุ่นให้ทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาเสมอ..นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย.. :)
4 พฤษภาคม 2550 15:56 น. - comment id 17592
บ้านกลอนเท่าที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม...นักเขียนเดิมๆก็ยังคงเป็นคนเดิมอยู่ แต่ที่เรารู้สึกว่าไม่เหมือนเดิมก็คงเพราะมีผู้คนหลากหลายขึ้นที่เรายังไม่รู้จัก หรือไม่ได้ไปทำความรู้จักเท่านั้นเอง......ส่วนการโพสกลอนเดี๋ยวนี้มีการจำกัดจำนวนการโพสชัดเจนขึ้นคงต้องให้เวลาเรียนรู้สำหรับคนที่ยังไม่รู้เนาะ...
4 พฤษภาคม 2550 16:58 น. - comment id 17594
มันเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะครับ จำได้กว่า 2 ปีก่อนเคยเข้ามาที่นี่ มาอ่านผลงานของหลายๆท่าน ซึ่งมีคุณภาพค่อนข้างมาก และแนวคิด เนื้อความ ก้อเป็นเนื้อหาที่มีคุณค่า และสะท้อนอะไรหลายๆอย่างได้ แต่ตอนนี้ เท่าที่ผมเห็น หลายคนพยายามเขียนกลอน โดยไม่ได้สนว่า จะเขียนอะไร เหมือนเขียนไปให้คนมาคอมเมนต์เฉยๆ เฮ้อ
4 พฤษภาคม 2550 17:17 น. - comment id 17595
อืม...เคยหายไปหลายปีเหมือนกันแต่กลับมาใหม่ๆก็รู้สึกเหงาเพราะไม่เจอคนคุ้นเคย หรือเพื่อนนักกลอนเก่าๆที่คุ้นตา แต่ก็ยังเชื่อว่าสักวันคงจะกลับมาพบกันเหมือนเดิมแน่นอนยังหวังอยู่เสมอ...ส่วนงานเขียนนั้นทุกสมัยก็เหมือนกันนะ...แต่ละคนแต่ละท่านก็ต่างมีฝีมือแตกต่างกันไปมีทั้งมือใหม่มือเก่าก็เลือกอ่านเอาเนาะ......บางทีก็จะใช้ระบบการเซิร์ชหาชื่อนักเขียนเอา
4 พฤษภาคม 2550 17:27 น. - comment id 17596
มันขึ้นอยู่กับว่า ความเป็นกวีอยู่ที่ไหน โทษใครไม่ได้ เพราะนิยามมันต่างกันคับ แต่หากอุดมการณ์เราสมบูรณ์ ไยต้องกลัวสิ่งใดอีก
4 พฤษภาคม 2550 20:13 น. - comment id 17598
... โอ้ว...บ้านกลอนเปี๊ยนไป๋ จริงหรือ นี่ .. ใจเย็นๆ น้องกรณ์ ยังไงๆ มันก็ต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้วหล่ะ จะมากจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน .. หุหุ แต่ที่เห็นชัดๆ คือ หน้าแรกบ้านกลอนตอนนี้วิ่งเร็วมากๆ เครื่องเค้าแรงเจงๆ เอิ๊กๆ ป.ลิง งานยุ่งจริงๆนะน้องนะช่วงหลังสงกรานต์เนี่ย
5 พฤษภาคม 2550 02:18 น. - comment id 17599
ป. เพิ่งเข้ามาไม่นาน (ราวปีใหม่) เขียนแค่วันละเรื่อง (จริงๆ) แต่เรื่องส่วนใหญ่ที่ผ่านมาเป็นละครน้ำเน่า อิอิ..อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยไหมคะ?? (เสียวสันหลัง) .. กินปูนร้อนท้องไว้ก่อนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เขียน ป.พยายามเขียนให้ถูกฉันทลักษณ์ และมีความยาวในขนาดที่พอเหมาะ (ราว 4-6 บทต่อ 1 เรื่อง) .. แต่ตอนนี้กลอนน้ำเน่าเกือบหมดแล้วค่ะ (เหลืออีก 3-4 เรื่อง) ก็คิดว่าไหนๆ ก็แต่งไว้แล้ว ก็พยายามเอามาลงก่อนละกัน ส่วนกลอนเรื่องต่อๆ ไป นี่เปลี่ยนรูปแบบการพล๊อตเนื้อเรื่องไปเลยค่ะ..(แก้ตัวซะยาว..อิอิ) ไม่รูเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยไหม??..
5 พฤษภาคม 2550 03:03 น. - comment id 17600
ปราณรวีน่ะ ตัวโกยเรตติ้ง แต่ไม่เข้าข่ายจ้า ใครฟ้องกลับโจทก์ปราณ เดี๋ยวเราเป็นทนายให้
5 พฤษภาคม 2550 03:23 น. - comment id 17601
ความคิดเห็นทั้งหมด ทำให้กวีปกรณ์ได้ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง เพราะนอกจากบางคนจะมาแสดงความคิดกันอย่างจริงจังด้วยเจตนาดีแล้ว ยังมีบางคนมาแสดงความหวั่นต่อกระทู้นี้ว่าจะโจมตี ต่อว่า หรือติติง กรุณาเข้าใจในความคิดของกวีปกรณ์ด้วยเถิดครับ กวีปกรณ์นั้นเพียงต้องการให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ สมาชิกท่านอื่น ๆ แสดงน้ำใจเอื้ออาทรกันและกันบนพื้นที่สาธารณะแห่งนี้เพียงเท่านั้น มิได้มีเจตนากล่าวหาใครเลยว่าแต่งกลอนไม่ได้มาตรฐาน ไม่ตรงตามฉันทลักษณ์ หรือไม่เพราะ ไม่งาม เพราะกวีปกรณ์เองก็เป็นคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มหัดเขียนหัดแต่ง บางทีเทียบกับคุณ ปราณรวี ก็อ่อนหัดกว่ามากนักเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นการวิพากย์วิจารณ์จึงไม่ใช่เจตนาที่กวีปกรณ์ต้องการกระทำเลย อีกทั้งเรื่องนัยแห่งการนิยามคำว่า บทกวี กวีปกรณ์ ก็มิใช่ผู้ที่จะนิยามได้เองเพียงคนเดียว เพราะสังคมมีส่วนในการสร้างและนิยาม จนถึงการยอมรับด้วย ประการที่สำคัญคือ กวีปกรณ์ เพียงอยากเห็นสมาชิกทุกคนต่างแสดงน้ำใจร่วมกันต่างหาก ใช่เพียงแต่จะใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างไม่คิดว่าจะหมดไปด้วยการกระทำของบางคน ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนาก็เท่านั้น กวีปกรณ์เข้าใจครับว่าเพื่อน ๆ บางคนอาจมีเรื่องเล่า หรือสิ่งที่ต้องการแลกเปลี่ยนความเห็นหลายเรื่อง แต่กวีปกรณ์ก็อยากจะให้คำนึงถึงคนอื่น ๆ บ้างเท่านั้นเอง จะดีกว่าไหม หากนำเวลาหรือความสามารถที่มีอยู่มากนั้นไปขัดเกลา บทกลอน หรือเรียงร้อยให้สวยงามยิ่งขึ้นแล้วค่อยมาลงใหม่อีกครั้ง ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ได้ช่วยแสดงความคิดเห็น ติชม ขัดเกลาอีกคราก็ได้ในภายหลัง (อย่างที่พี่กุ้งหนามแดงได้ชี้แจงไว้บ้างแล้วข้างต้น) หากการตั้งกระทู้ขึ้นนี้ทำให้ใครต่อใครหลายคนรู้สึกชิงชัง หรือไม่พอใจ กวีปกรณ์ก็ขออภัยไว้?ณ ที่นี้ด้วย ด้วยมิตรภาพและน้ำใจนั้นเคยมีและกรุ่นอยู่ทั่วบ้านกลอน แต่แค่วันนี้กวีปกรณ์เริ่มเห็นว่ามันลดน้อยลง จากบางการกระทำเพียงเท่านั้นเอง ขอบคุณครับสำหรับความเห็นที่ทำให้กวีปกรณ์รู้สึกดี ๆ ที่ยังมีคนรัก "สนามฝึกหัดเขียน" เพราะที่นี่ คือ ที่ที่อักษรของกวีปกรณ์ได้ถ่ายทอดวิ่งเล่นจนเพลินใจ และอยากให้เป็นอย่างนี้ไปนานเท่านาน
5 พฤษภาคม 2550 03:26 น. - comment id 17602
อยากบอกว่า เรื่องของกวีปกรณ์ ก็น้ำเน่า เพ้อฝันไม่ต่างกันเลย ครับคุณปราณรวี และผมคงไม่กล้าฟ้องคุณ ป. แน่ ๆ หากมีคุณคนเดิมยืนยันว่าจะเป็นทนายให้ เพราะกวีปกรณ์ยังหาทนายไม่มีเลยครับ
5 พฤษภาคม 2550 04:24 น. - comment id 17604
อ่ะเหอๆ เรารู้สึกเหมือนเป็นตัวร้ายไงไม่รู้ คือเราพูดเล่นๆ เฉยๆ แบบว่าขำๆ อ่ะ เอาเป็นว่า ณ ตอนนี้นะ เราก็เข้าใจประเด็นละ สรุปคือ กลอนเยอะ มันดันกระทู้ตกว่างั้นเถอะ คือแบบว่าไงดีอ่ะ เราเอง เราก็ไม่ได้แต่งกลอนเยอะแยะหรอกนะ เราไม่ได้เข้าข่ายหรอก อันนี้ต้องถามหนุปราณเค้าดู ว่าจริงไหม เพียงแต่เราอ่ะ ขอออกความเห็นว่า จริงๆ ถ้ากวีปกรณ์ต้องการสื่อว่า กลอนมันตกหน้าแรกเร็ว ก็น่าจะเปรี้ยงเดียวมาเลย ว่าขอร้องอย่าโพสมาก แต่บังเอิญเราอ่านแล้วจับใจความได้ว่า กลอนมันไร้คุณภาพ มันมีแต่ปริมาณ ซึ่งเราก็เชื่อว่าหลายคงจับใจความได้ประมาณนั้น(หรือเปล่า?) คือเราเห็นมาหลายเคสแล้วล่ะ ที่การโพสในอินเตอร์เน็ต มันเข้าใจผิดกันเพราะมันไม่มีน้ำเสียง ไม่มีอวัจนภาษา เอาเปนว่าตอนนี้เราเข้าใจละ เราเห็นด้วยๆ แต่ที่ไม่เห็นด้วยคือเหมือนไปว่าคนอื่นอ่ะ เราว่า ต่างคนก็รักในการเขียน อย่าว่ากันเลย เราเห็นใจทุกฝ่ายนะ แต่ยังไงเราว่า กวีปรกณ์เค้าก็พูดถูกของเค้าแหละ เราจะต้องช่วยกัน รักษากฎกติกานิดนึงนะเราๆ สังคมจะน่าอยู่นะ โอเคไหม
5 พฤษภาคม 2550 08:14 น. - comment id 17605
ป.ปลารอดตัวไป หายเสียวสันหลังแล้วค่ะ..อิอิ..ขอบคุณมากค่ะท่านทนายความ ความจริง ป.เข้าใจ ว่ากวีแกรณ์ต้องการสื่ออะไร ก็บ้านกลอนบอกว่าเราไม่ควรโพสต์เกินวันละ 5 กลอน ดังนั้น ใครโพสต์ไม่เกิน 5 ก็แล้วไป ส่วนใหญ่ที่โพสต์เกินคือสมาชิกใหม่ที่ยังไม่ทันทราบข้อกำหนดที่ว่า แล้วคนสมัครเข้ามาใหม่น่ะกำลังไฟแรงค่ะ คงอัดอั้นตันใจอยากเขียนลงในเวปมานาน พอได้พาสเวิร์ดมาเลยเขียนกันใหญ่ ระยะหลังๆ ก็จะลดลง แล้วพอเปิดเทอม ห้องกลอนอาจจะเงียบลงไปถนัดตาก็ได้นะคะ (อันนี้ ป. ก็เดา อิอิ) แต่สรุปภาพรวมคือทั้ง จขกท และผู้ออกความคิดเห็นต่างก็หวังดีกับบ้านกลอนไทย อยากให้สมาชิกทุกท่านมีความสุขกับการแต่งกลอนก็โอเค แล้วเนาะ ส่วน ป. ปลาก็ว่าจะหันมาผลิตละครมีคุณภาพจรรโลงสังคมซะที หลังจากผู้ชมทางบ้านเริ่มเบื่อลละครน้ำเน่ากันซะแล้ว อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ (เผ่นก่อนนะ เพราะว่าจะเบี้ยวค่าโฆษณา อิอิ) แว้ปปป
5 พฤษภาคม 2550 21:40 น. - comment id 17612
ข้อยไปไต้อึ่งอยู่เน้อ.. เด๋วสิเอามาปลอบใจ..
5 พฤษภาคม 2550 22:52 น. - comment id 17613
เอาแต่อ่านกลอนอยู่นาน เริ่มมาเขียนเองเมื่อไม่นานมานี้เอง ม่ายรู้ว่าที่เขียนไปอ่ะคนจะชอบมั้ยนะ แต่พยายามเขียนให้ดีที่สุด ตามอารมณ์และความรู้สึกของตัวเอง ดีใจนะที่อย่างน้อยก้อมีคนเข้ามาอ่าน และก้อดีใจมากเวลาที่มีคนเข้ามาทักทาย แบบว่าถ้าผิดพลาดตรงไหนก้ออยากได้คำแนะนำบ้าง เพื่อจะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไข จะได้แต่งกลอนให้เพราะขึ้น ที่ดีใจมากมายคือมีกลอนเราได้ขึ้นหน้าแรกด้วย มันอาจไม่เพระเท่าไรแต่ก้อตั่งใจเขียนทุกบท เราก้อแค่อยากแบ่งปันบทกลอนให้คนอื่นได้อ่าน ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่านั้นเลยจริงนะ
6 พฤษภาคม 2550 16:48 น. - comment id 17616
..หนูก็เป็นคนหนึ่งที่เคยผูกพันอยู่กับที่นี่ แต่ระยะหลังๆก็ห่างหายไปเนื่องจาก "ไม่มีเวลา"..แบบว่าเรียนหนักอ่ะค่ะ ช่วงนี้เริ่มว่าง..ก็กลับมา และพบว่าที่นี่ไม่ได้ต่างไปจากเดิม แต่..พี่ๆที่เคยคุ้นเคย..หายหน้าหายตาไปเยอะ กลับมาคราวนี้..ลงกลอนไม่ได้ เพราะหายไปนานจนลืมรหัสผ่าน...ซะงั้น ..ใครรู้ว่าแก้ไขได้ยังไง..ที่ไม่ใช่สมัครใหม่ บอกทีนะคะ...เสียดายกลอนเก่าๆ แวะมาทักทายพี่ๆทั้งเก่าและใหม่ละกันนะคะ
7 พฤษภาคม 2550 07:20 น. - comment id 17617
ผมเองก็เข้ามาบ้าง เข้ามาอ่านผ่านๆ ช่วงนี้เบื่อๆ จบ
7 พฤษภาคม 2550 15:41 น. - comment id 17622
สรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นไปตามกาลเวลา
7 พฤษภาคม 2550 15:41 น. - comment id 17623
สวัสดีค่ะ..น้องกวีปกรณ์.. ดีใจมาก...ที่มีการแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์..เกิดขึ้นที่นี่...ทุกคนจะได้มีส่วนร่วม..ในการพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้นไป... ** หากเปรียบงานมือใหม่ให้เป็นเด็ก เมื่อยังเล็กหมั่นเรียนพร่ำเพียรสอน ครั้นเติบใหญ่มธุรสในบทกลอน ร่ายคำวอนอักษราภาษาไทย... ** บ้านกลอนไทยคือเวทีแห่งชีวิต ร่วมลิขิตความฝันอันสดใส ทุกถ้อยคำบอกถึงความซึ้งใจ ประทับในดวงจิตนิจนิรันดร์.....ฯ เวที..บ้านกลอนไทย..เปิดไว้ให้ทุกคน..สร้างสรรค์ผลงานกลอน..และความฝันของตนเอง..สิ่งสำคัญ..ทุกคนเชื่อมั่นว่า..เรารักในสิ่งเดียวกัน..นั่นคือ..บทกลอน..และจินตนาการที่จะสื่อสาร..ให้ผู้อื่นได้รับทราบ... ...สังคม..จะมีความสุขได้..ต้องอาศัยการเสียสละ..แบ่งปัน..และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน....ผิดนิดผิดหน่อย..ควรให้อภัยกัน...เมื่อเรามีเวทีร่วมกันแล้ว...ควรแบ่งปัน..และช่วยเหลือกัน...พี่ช่วยน้อง...น้องช่วยพี่...มือใหม่...ก็ต้องให้เวลาเขา..ในการพัฒนา...มือเก่า..ก็ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยง..คอยชี้แนะ..ให้กำลังใจ...เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...ตลอดไป.. ...อย่างพี่ราชิกา....ก็คงเป็นมือเก่า..แล้วล่ะค่ะ.เพราะอยู่มาเกือบ 5-6 ปีแล้ว ...พี่ๆควรจะเป็น..กำลังใจ..ให้น้องๆ..ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงานต่อไป..ที่สำคัญ..น้องใหม่ๆ..ก็จะต้องเชื่อพี่เก่าบ้าง...การยอมรับซึ่งกันและกัน..นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมบ้านกลอนไทยต้องการค่ะ... ด้วยความรักและห่วงใยในบ้านกลอน..เช่นเดียวกับ..ทุกคนค่ะ...
8 พฤษภาคม 2550 19:16 น. - comment id 17630
แจกฟรี ScreenSavers, Wallpapers มีมาแจกเพียบค่า http://www.thaiadpoint.com/tap7/html/pub_screensaver.php?u_id=213536 Free!!ScreenSavers, Wallpapers Click! http://www.thaiadpoint.com/tap7/html/pub_screensaver.php?u_id=213536
9 พฤษภาคม 2550 08:46 น. - comment id 17633
การที่กวีปกรณ์ได้แสดงความกล้าหาญออกมาตั้งข้อสังเกตในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อสมาชิกท่านอื่นๆที่เข้ามาแล้วและกำลังจะเข้ามาสู่ชุมชนคนรักวรรณศิลป์แห่งนี้ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกคนที่เข้ามาล้วนมีเจตนาในอันที่จะได้แสดงความสามารถในเชิงกวี หรือบางคนก็ต้องการส่งผลงานตนเองให้เพื่อนๆวิพากษ์ ในขณะที่บางคนก็ต้องการที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกในฐานของกวีจริงๆ เราอาจบอกได้ว่าคนในบ้านกลอนนี้มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ มีทั้งผู้ชำนา ญการและผู้ที่กำลังหาประสบการณ์จากเวทีแห่งนี้ ดังนั้นอาจจะไม่แปลกนักที่จะมีเหตุอันมิพึงประสงค์หรือการขาดระเบียบไปบ้าง แต่ในมุมที่เรามองว่าเป็นความบกพร่องนั้น เราจะสังเกตได้ถึงความพยายามของน้องๆที่จะเรียนรู้การประพันธ์ และการเอาใจใส่ต่อภาษาซึ่งเราห่วงกันว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกลืมได้ในอนาคต จากข้อคิดของกวีปกรณ์ทำให้เกิดแนวคิดว่าทำไมบ้านกลอนของเราจึงไม่แบ่งเนื้อที่สำหรับน้องใหม่ หรือกำหนดเป็นห้องสำหรับนักประพันธ์ฝึกหัดที่สามารถให้น้องๆที่สนใจสามารถลงผลงานได้ โดยมีพี่ๆคอยชี้แนะหรือ ติชม เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการทางการศึกษาในอีกมิติหนึ่ง ณ.บ้านกลอนของเรา อยากบอกว่าเมื่อเราพบจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องแล้วควรพิจารณาหาทางออกที่เหมาะสมเพื่อรักษามาตรฐานของบ้านเราเอาไว้ และเพื่อมิให้เกิดภาวะเก่าไป ใหม่มา แต่อยากเห็นบรรดารุ่นเก่า เก๋า ยังโลดแล่นในวงการบ้านนี้ ที่สำคัญไม่ต้องปิดกั้นความคิด หรือความสามารถของนักเขียนรุ่นใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นและพัฒนาไปเป็นดาว ในอนคต ก็อยากฝากให้ทุกท่านช่วยพินิจ พิจารณา ด้วยครับ.
9 พฤษภาคม 2550 09:08 น. - comment id 17634
หวัดดีครับคุณกวีและทุกๆคน.. ผมก็เป็นอีกคนครับ...ที่มาๆหายๆในบ้านกลอนแห่งนี้..เขียนบ้าบอคอแตกไปตามเรื่องตามราวสไตล์ของผม...ถ้าผมมีเวลามากๆผมก็จะเข้าไปอ่านบทกลอนของน้องใหม่เสมอๆ..ก็มีหลากหลายคละเคล้ากันไป..ส่วนมากเท่าที่เห็นก็ตั้งใจที่จะเขียนมาลงกันนะครับ..แต่อาจจะประสบการณ์ยังไม่เยอะ..เลยขลุกๆขลักๆไปบ้าง..อันนี้ก้รับรู้ได้โดยการนั่งเทียน..เอ๊ย..โดยเซนท์น่ะครับ...น้องๆเขาโดยมากก็พยายามที่จะเขียนด้วยใจรัก..ตรงนี้ก็ต้องให้เครดิตและให้เวลากันหน่อย..ผมเชียร์เต็มที่สำหรับคนที่รักด้านภาษาอยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ครับ...ลองหัดเขียนเก็บๆไว้..อันไหนที่พิจารณาดูแล้วว่าน่าจะพอได้ก็เอามาลงให้เพื่อนๆอ่าน...แลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กันทางบทกลอนครับ... แรกๆอาจไม่สละสลวยหรือหกล้มหกลุกไปบ้างแต่ผมเชื่อว่าหากมีใจรักแล้ว..มันจะค่อยๆพัฒนาไปเองโดยอัตโนมัติครับ... ที่สำคัญคือ..เปิดใจกว้างๆข้าไว้สำหรับคำติชม..แล้วก็ไม่หยุดนิ่งที่จะปรับปรุงและพัฒนาฝีมือตัวเอง..ช่วยกันอนุรักษ์ภาษาไทยของเราไว้คนละไม้ละมือครับ... อนึ่งขออกตัวไว้ก่อนว่าผมเองก็มิได้เก่งกาจหรือคิดว่ามีฝีมือเลิศล้ำเหนือคนอื่นแต่ประการใด..ยังน้อมรับฟังคำติชมของเพื่อนๆโดยเต็มใจเสมอ..เพราะผมเขียนกลอนด้วยใจรักครับ..ไม่ใช่ต้องการให้ใครสรรเสริญหรือต้องการความมีชื่อเสียงแต่ประการใดไม่..ผมเขียนเพื่อระบาย..ทั้งสิ่งที่พบเห็นและความรุ้สึกภายในใจของผม..เรียกว่า..ได้เขียนแล้วมันสบายใจสบายตัวครับ..คงเหมือนอีกหลายๆคนในที่นี้.. ผมขอฝากกำลังใจมาให้น้องๆรุ่นใหม่ๆด้วยนะครับ..อย่าเพิ่งท้อ..หมั่นขัดเกลาผลงาน..หมั่นเขียนบ่อยๆและสม่ำเสมอ..อย่าลืมการสะกดคำและใช้วรรณยุกต์อย่างถูกต้อง..เพราะเมื่อคุณเขียนผิดๆ..มันจะบั่นทอนคุณภาพกลอนและผลงานของคุณไปอย่างน่าเสียดาย..แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่เข้าถึงภาษาไทยด้วยครับ...แต่หากไม่เจตนาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง..ผมขอฝากไว้ตรงนี้ด้วย.. ฝากกำลังใจให้น้องๆทุกคนด้วยครับ..และขอบคุณคุณกวีมากๆ..ที่ลงกระทู้มีสาระอย่างนี้..ทำให้ได้เห็นมุมมองหลากหลาย...ที่ไม่มีใครผิดถูก..เพราะเราต่างเป็นสมาชิกบ้านกลอนที่รักการเขียนด้วยกันทั้งสิ้น... ช่วยกันคนละไม้ละมือเถิดครับ..เวปดีๆอย่างนี้มีไม่มากให้พวกเราได้ฝากฝีมือกัน วันนี้ผมชักร่ายยาวเกินไปซะแล้ว..ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ..แล้วค่อยคุยกันใหม่.. คิดถึงทุกคนเสมอครับ...
18 พฤษภาคม 2550 12:34 น. - comment id 17837
สวัสดีจ๊ะ...กวีปกรณ์ อยากกลับมาบอกอีกครั้งว่าไม่เคยรักเว็บ ไหน เท่า thaipoem มาก่อนเลย ที่นี่สร้างรอยยิ้ม ความอบอุ่น และมิตรภาพอันยาวนาน แอ็ปเปิ้ล ได้เข้ามาเป็นสมาชิกบ้านกลอนไทย ปลายปี 44 ณ วันนี้ แม้กลอนจะห่างหายไป แต่ก็เข้ามาดูความเคลื่อนไหวเสมอ ๆ ยังคงคิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคน เสมอ โดยเฉพาะคนเก่า ๆ ที่หายไป แต่ยังไงก็ยังรู้สึกดีดีกับที่แห่งนี้เสมอ แม้จะมีใครเข้ามาหรือออกไป หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะ