สมัยดั้งเดิมนั้นชาวโรมันนับถือ พระผู้เป็นเจ้าและเทวดาหลายองค์ ต่อมาศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในกรุงโรม ทางรัฐบาลกรุงโรมเล็งเห็นว่าเป็นลัทธิที่อันตรายต่อสังคมชาวโรมันเป็นอย่างยิ่ง ผู้ใดนับถือศาสนาคริสต์ก็จะถูกจับตัวไปลงโทษอย่างรุนแรงในที่สาธารณชน เช่น ให้สัตว์ป่ากัดจนตาย ตรึงไม้กางเขน หรือเผาทั้งเป็น เป็นต้น ผู้คนที่นับถือศาสนาคริสต์จึงต้องคอยหลบซ่อนตัว ไม่เปิดเผยว่าตนเป็นคริสต์ศาสนิกชน แม้เวลาทำพิธีกรรมทางศาสนา ก็ต้องแอบหนีลงไปทำพิธีในอุโมงค์ที่ใช้บรรจุศพ นอกกรุงโรม สมัยกษัตริย์ Claudiusที่ 2 แห่งกรุงโรม ได้ออกกฎ ห้ามให้มีการแต่งงาน ในเมืองของพระองค์ เพราะกษัตริย์ทรงต้องการทำศึกสงคราม ทรงต้องการให้ผู้ชายทุกคนไปเป็นทหาร พระองค์เชื่อว่าถ้าไม่มีการแต่งงานผู้ชายจะสนใจกับการรบมากขึ้น นักบุญวาเลนไทน์เป็นเป็นชาวโรมัน แต่นับถือศาสนาคริสต์ มีนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ (St.Valentine) เป็นผู้กล้าหาญและคอยช่วยเหลือคนที่นับถือศาสนาคริสต์อยู่เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ถูกทางราชการของกรุงโรมจับไปขังคุกหรือเอาไปทรมาน นอกจากนี้นักบุญวาเลนไทน์ขัดบทบัญญัติแห่งกฎหมายของกษัตริย์ด้วยการเป็นบาทหลวงในพิธีแต่งงาน ให้หนุ่มสาวที่ต้องการแต่งงานอย่างลับ ๆ...และแล้ววันหนึ่งข่าวการประกอบพิธีสมรสของนักบุญวาเลนไทน์ ก็รู้ถึงหูของพระเจ้า Claudius พระองค์จึงสั่งให้ทหารจับเขาไปขังคุกรอการประหารชีวิต เมื่อนักบุญวาเลนไทน์ถูกจับอยู่ในคุก มีผู้คุมชื่อ อัสเตริอุส (ASTERIUS) เป็นผู้มีจิตใจเมตตา และคอยให้ความช่วยเหลือมิให้เดือดร้อน ระหว่างที่นักบุญวาเลนไทน์ติดคุกอยู่นั้น ลูกสาวผู้คุมคนหนึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง เธอนำอาหารให้และช่วยติดต่อกับคนนอกคุก ที่นับถือศาสนาศริสต์ให้แก่นักบุญวาเลนไทน์ นักบุญวาเลนไทน์ได้แสดงอภินิหาร ด้วยการทำให้ตาทั้งสองข้างของลูกสาวผู้คุมหายเป็นปกติ และได้อบรมเกลี้ยกล่อมผู้คุมทั้งลูกสาวให้นับถือศาสนาคริสต์ด้วย หลังจากนักบุญวาเลนไทน์ติดคุกมาเป็นเวลา 1 ปีพระเจ้าจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ก็มีคำสั่งให้นักบุญเข้าเฝ้า เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิทอดพระเนตรเห็นนักบุญก็รู้สึกต้องพระทัยในกริยามารยาท ความสำรวมและความมีสง่าราศีของนักบุญ จึงตรัสเกลี้ยกล่อมให้นักบุญเลิกนับถือศาสนาคริตส์เสีย แล้วกลับมานับถือพระเจ้าของชาวโรมันต่อไปตามเดิม แล้วพระองค์จะพระราชทานอภัยโทษให้ แต่นักบุญวาเลนไทน์ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมเลิกนับถือศาสนาคริสต์ มิหนำซ้ำยังสั่งสอนอบรมพระเจ้าจักรพรรดิให้ทรงเห็นดีเห็นชอบ และหันมานับถือศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิกริ้วมาก จึงมีรับสั่งให้นำตัวนักบุญวาเลนไทน์ไปทุบตีด้วยไม้กระบอง แล้วเอาก้อนหินทุ่มจนถึงแก่ความตาย นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ในปี 296 A.D. ในคุกแห่งนั้นเอง ก่อนตายท่านได้ฝากข้อความสั้น ๆ ถึงเพื่อนและลูกสาวผู้คุม โดยลงท้ายว่า "Love from your Valentine"... มีการคาดคะเนกันว่า วันแห่งความรักน่าจะมาจากประเพณีโรมันโบราณที่เรียกว่า ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia ) ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นการบูชาเทพธิดาจูโน ซึ่งชาวโรมันถือว่าเป็นเทพธิดาแห่งสตรีและการแต่งงาน และเทพบุตรแพน ซึ่งเป็นเทพบุตรแห่งธรรมชาติ ชาวโรมันฉลองวันลูเปอร์คาเลียเป็นประเพณีแห่งความรักของหนุ่มสาว ชายหนุ่มและหญิงสาวจะเลือกคู่สำหรับประเพณีนี้โดยการเขียนชื่อตนใส่กล่องและจับฉลากเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรัก และมีสัมพันธ์กัน เป็นเวลานานหลังจากประเพณีนี้ผ่านไปแล้ว หลายคู่ก็จะลงเอยด้วยการแต่งงานกัน หลังจากที่ศาสนาคริสต์เผยแพร่หลายออกไปในหมู่ของชาวโรมันแล้ว ผู้ที่นับถือศาสนาแล้วพยายามให้วันนี้มีความสำคัญทางศาสนามากขึ้น ดังนั้นในปี ค.ศ. 496 สันตะปาปาเกลาซิอุส ( Pope Gelasius )ได้เปลี่ยนวันฉลองเทศกาลลูเปอร์คาเลียจากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มาเป็นวันนักบุญวาเลนไทน์ ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงคุณความดี ความกล้าหาญ และความเสียสละของนักบุญวาเลนไทน์.. แต่ในความรู้สึกผู้คนกลับรู้สึกว่าเป็นวันแห่งความรักจนถึงปัจจุบัน ประวัติของการฉลองวันวาเลนไทน์ ราวๆ ปี ค.ศ. 1700 ได้กล่าวว่า มีกลุ่มหนุ่มสาวไปพบกันที่บ้านผู้ดีในคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และจะมีการจับฉลากชื่อหญิงที่ตนรัก เมื่อจับฉลากมาได้แล้วจะติดกระดาษที่มีชื่อผู้หญิงนั้นไว้ที่แขนเสื้อเป็นเวลาหลายวัน ด้วยเหตุนี้เองจึงมีสำนวนภาษาอังกฤษว่า " He wears his heart on his sleeve" ซึ่งหมายความว่า "เป็นคนรักใครไม่เลือก" ซึ่งคงจะมาจากประเพณีอันนี้ ชายหนุ่มมักจะให้ของขวัญแก่ คนรัก ของตนเองในวันวาเลนไทน์ บางแห่งจะให้ถุงมือเป็นของขวัญแก่หญิงสาว ส่วนในครอบครัวที่ร่ำรวย พวกผู้ชายจะจัดงานเต้นรำเพื่อเป็นเกียรติแก่คนรักของตน ประเพณีนีได้แปรเปลี่ยนไปในระยะต่อมาและมีการส่งบัตรอวยพร วันวาเลนไทน์แทนการให้ของขวัญราคาแพง ในสมัยปัจจุบัน วาเลนไทน์กลายเป็นวันแห่งความรักไปทั่วโลก วัยรุ่น หนุ่มสาว และแม้กระทั่งคนมีอายุก็ยังมีการส่งข้อความ ส่งการ์ด มอบดอกไม้ ดอกกุหลาบ ให้ช็อกโกแล็ต ให้ของขวัญ จนกลายเป็นเทศกาลที่มีการจับจ่ายใช้สอยกันอย่างมากมาย เพื่อแสดงความรักของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่คนที่เรารัก
14 กุมภาพันธ์ 2550 19:25 น. - comment id 16266
คุณเจน ให้ของที่ตัวเองชอบก็ดีแล้ว.... จะได้มีเหตุผลว่า..ให้เพราะชอบและหวังว่าเธอคงจะชอบอย่างที่ฉันชอบ เหมือนที่เราชอบกันไง อิอิอิ
14 กุมภาพันธ์ 2550 19:29 น. - comment id 16267
อาคุณพี่หนูศรรก ดีจะตาย...รักเธอไปจนตายงี้...เป้ยังไม่เคยได้สักชิ้น เคยได้จากน้องที่ม.ก็ดอกรักดอกเดียวแค่นี้ก็ซึ้งมากแล้ว
11 กุมภาพันธ์ 2550 22:55 น. - comment id 16725
คนหนึ่งบอกว่า .. " ตอนนี้กำลังเดินหาซื้อของขวัญวันวาเลนไทม์ให้" คนสองถามกลับไปว่า .."เหรอ แล้วจะซื้ออะไร" คนหนึ่งตอบว่า.."นั่นสิ อยากได้อะไร" คนสอง .."!!!!!" (คิดในใจ ไรว๊า แค่นี้ก็ต้องถาม) คนหนึ่งถามว่า .." เอาแคปหมูมั๊ย จะส่งไปให้ พร้อมน้ำพริกหนุ่ม" คนสอง.." โหย เน่าพอดี น้ำพริกหนุ่มอยู่ได้แค่ 3 วันนะ" คนหนึ่ง.."ทำไงดี" คนสอง.."เปลี่ยนเป็นเห็ดหอมละกัน แม่จะได้เอามาทำกับข้าวไหว้เจ้าตรุษจีน" โอ้ วาเลนไทม์ปีนี้ .. ช่างไม่เหมือนกับปีก่อน ๆ เลย ทุกปีได้ดอกไม้ ได้การ์ด .. แต่ปีนี้จะได้เห็ดหอม .. ฮา
11 กุมภาพันธ์ 2550 23:06 น. - comment id 16726
แหมคุณพี่อัลฯ เห็ดหอมน่ะก็ดอกเหมือนกันนะคะ ดอกเห็ดหอมไงค่ะ นอกจากจะไม่ไร้ประโยชน์ ซื้อมาแล้วเหี่ยวเฉา หรือแม้จะเก็บเป็นดอกไม้แห้งทรงคุณค่า แต่คุณค่าใดๆไม่อาจเทียบคุณประโยชน์จากสารอาหารจากเห็ดหอมนะคะ อีกอย่าง......อาหย่อย...ด้วย
12 กุมภาพันธ์ 2550 09:07 น. - comment id 16729
พี่ให้ค่ะน้องเป้
12 กุมภาพันธ์ 2550 15:24 น. - comment id 16736
อาคุณพี่กานต์ ขอบคุณค่ะ ให้เหมือนกัน อิอิ
13 กุมภาพันธ์ 2550 12:54 น. - comment id 16739
เรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้องการ คุณลองคิดสิว่ามันจะสนุกสักแค่ไหน วิธีการถอดร่าง 1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น 2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก 3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี 4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก 5.กลั้นหายใจ10วินาที 6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ 7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป 8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย 9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไป
13 กุมภาพันธ์ 2550 08:46 น. - comment id 16744
ดีจ้าคุณเปเป้ฯ กะลังคิดอยู่เหมือนกันอ่ะจ้า ไม่รู้จาซื้อไรดี งั้นซื้อของที่ตัวเองชอบดีก่า 55555+ ซี้อให้ตัวเองอ่ะ
13 กุมภาพันธ์ 2550 12:55 น. - comment id 16776
เรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้องการ คุณลองคิดสิว่ามันจะสนุกสักแค่ไหน วิธีการถอดร่าง 1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น 2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก 3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี 4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก 5.กลั้นหายใจ10วินาที 6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ 7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป 8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย 9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไป
13 กุมภาพันธ์ 2550 13:36 น. - comment id 16777
มีชายหนุ่มคนหนึ่งนำของขวัญชิ้นใหญ่ให้วาแก่หญิงที่เขารักเนื่องในวันวาเลนไทน์ หลังจากที่เธอได้เปิดออกมา ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แดงก่ำ เธอแผดเสียงแหลมใส่ชายหนุ่มทันที "นี่คุณ คุณให้อะไรฉันนี่ คุณจะบ้าแล้วเหรอ ใครที่ไหนจะให้ของขวัญแบบนี้กับแฟน" หญิงสาวโกรธมากพร้อมกับเดินกระแทกฝีเท้าจะเดินออกไป ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาทันที "คุณต้องการอะไร ดอกไม้ แหวนเพชรงั้นเหรอ" หญิงสาวหันกับไปมองชายหนุ่มและตอบว่า "มันก็แน่อยู่แล้ว" เขากล่าวต่ออีกว่า "และมีใครให้ของสิ่งนี้กับคุณหรือยัง" "มีสิ" เธอตอบสวนทันที "งั้นก็ดีแล้วที่ผมให้ของสิ่งนี้กับคุณ เพื่อบอกให้คุณรู้ว่า การที่ให้ดอกไม้ช่อโต หรือแหวนเพชรราคาแพงแค่ไหน ผลสุดท้ายปั้นปลายชีวิตคุณก็ไม่มีอะไรติดตัวไปด้วยนอกจากของสิ่งนี้ไง" ชายหนุ่มบอกเหตุผล แต่หญิงสาวก็ไม่เข้าใจเหตุผลนั้น ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องขยายความต่อว่า "การที่ผมให้โลงศพนี้แก่คุณ ไม่ใช่ว่าผมมีเจตนาสาปแช่งคุณ แต่ผมจะบอกกับคุณว่า ผมยินดีอยู่กับคุณไปจนตายตะหากล่ะ" "!!!!!!" ปล. มันใช่เหตุผลของมันปะเนี่ย หุ หุ หุ
28 กุมภาพันธ์ 2550 11:59 น. - comment id 17019
อย่าอ่านนะ ขอร้อง ความลับมาบอก เป็นเรื่องจิงที่เกิดขึ้น >>เคยมีเด็กถูกฆ่าตายที่ห้องน้ำของภารโรง >>แต่ไม่สามารถหาต้นเหตุของคดีนี้ได้ >>จึงได้ปล่อยร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยทิ้งไว้ ณ ที่แห่งเดิม >>ไม่มีการทำพิธีอะไรทั้งสิ้น วิญญาณของเด็กจึงล่องลอยวนเวียนอยู่ที่รร. >>เป็นเวลาหลาย 10 ปี >>จนวันหนึ่งได้มีกลุ่มนร.หญิงเข้าไปในห้องน้ำนั้นเพื่อหวังจะแกล้งภารโรง >>จึงได้พบกับวิญญาณของเด็กน้อย กำลังไต่ไปตามเพดาน พร้อมแสยะยิ้มให้ >>พวกเทอกลัวมากรีบวิ่งออกจากห้องน้ำ >>แต่เพื่อนคนหนึ่งพลันไปเหยียบแอ่งน้ำที่พื่นเข้า >>จึงได้ล้มและไปสะดุดขาของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า >>เพื่อนคนนั้นได้จับแขนของอีกคนไว้จึงล้มกันมาเป็นทอดๆและหัวฟาดพื้นตายหมด >>วิญญาณของพวกเขาจึงวนเวียน ณ ที่แห่งนั้นตลอดไป >>จงส่งต่อไปอีก 20 กระทู้ ภายใน 7 ชม. >>ต่อแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่เพื่อนเราประสบอุบัติเหตุไปแล้ว 5คนตั้งแต่เรา