สวัสดีครับ พี่น้อง ชาวบ้านกลอนไทยทุกคนครับ ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนในรั้วมหาลัยก็ประสบปัญหาหลายๆอย่าง ทั้งยังต้องปรับตัวอีกมาก ประจักษ์ในชีวิตทุกวันนี้ว่าต่างกับช่วงเรียนมัธยมอย่างสิ้นเชิงเลย ครับ อยู่นี่เป็นการปิดตัวจากโลกภายนอกมากๆ ข่าวสารไม่ค่อยได้รับรู้ เนื่องจากมีเวลาไม่มากเท่าไหร่นัก แล้วด้านการเรียนที่มหาโหด กิจกรรมที่มหาศาล ทำให้ต้องแบ่งเวลาส่วนอื่นไปให้กับสิ่งเหล่านี้ นึกว่ามาเรียนมหาลัยแล้วจะสบาย ที่ไหนได้ ดันหนักกว่าเดิมซะนี่ วิชาที่สาหัสมี ฟิสิกส์ + Lab คณิต แคลคูลัส เคมี+ Lab Programing+ Lab อังกฤษ (ปีสอง ต้องเลิกวิชาเสริมของคณะมนุษฯอีก) พวกวิชาคำนวณ ยิ่งเรียนก็ยิ่งประจักษ์ว่า ไม่รู้จะเรียนไปทำไม เรียนไปไม่ได้ใช้เลย วิชาที่ใช้ในอนาคตจริงๆ ก็มีแต่ Program กับ English เท่านั้นแหละ ตอนม.หก คิดไว้ว่า เรียนไปเพื่อสอบเข้ามหาลัย แต่เมื่อมาเรียนมหาลัย เรียนไปก็ยิ่งน่าเบื่อหน่าย เรียนไปเพื่อเอาเกรดเท่านั้น ครับ ในเทอมแรก ผมเรียนตั้งแต่ 8.00 19.30 น. ในวันจันทร์- ศุกร์ (มีช่วงพักระหว่างวิชาบ้าง) จากนั้นก็ต้องทำกิจกรรมของคณะ ของมหาลัยอีก วันเสาร์อาทิตย์ ก็มีกิจกรรมไม่เว้นครับ กว่าจะได้นอนแต่ละวันไม่ต่ำกว่าตีสอง แล้วผมก็ทำอย่างนี้มาตลอด กีฬาแทบจะไม่ได้เล่นเลย หนังสืออ่านเล่น ที่เอามาก็ไม่ได้แตะ ผมสนุกกับการเรียนนะครับ กิจกรรมก็สนุกบ้างไม่สนุกบ้าง(แต่ต้องทำ เพราะเป็นหน้าที่) แต่ที่เสียดายคือ เวลาว่างที่สูญเสียไป ผมอยากมีเวลาอ่านหนังสือกลอน อ่านนิยาย เล่นกีฬา ให้เต็มที่ อยากทำในสิ่งอื่นๆที่ชอบ ส่วนวันที่ปราศจากกิจกรรม ก็ต้องมาปั่นงาน ปั่น project ส่งอาจารย์ เฮ้อ......... ในเทอมสอง ถึงแม้ว่ากิจกรรมจะลดลง แต่ก็ยังมีทุกเสาร์อาทิตย์ ร่างกายผมเริ่มเหนื่อยล้าครับ แล้วก็เริ่มสะสมความเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองจะไม่ไหว บางครั้งตื่นสาย ต้องจำใจขาดเรียนคาบนั้น (ใจจริงก็อยากจะขาดทุกคาบ แต่ว่ากลัวเรียนไม่รู้เรื่อง) เรียนหนักเรื่อยๆ สมองผมก็โง่ลงเรื่อยๆ เคยมีความรู้สึกขี้เกียจเรียนเหมือนกันแต่ก็ต้องทำใจ พ่อแม่อุตส่าห์ส่งมาเรียน แม้กำลังใจจากทางบ้านช่วยให้ผมพยายามมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้หายเครียดได้เลยครับ แต่ผมก็มีวิธีคลายเครียดบ้างเล็กน้อย ในยามที่ทำโปรแกรมส่งอาจารย์ หากคิดไม่ออก ก็พักผ่อน มา อ่านกลอนในเว็บบ้าง เล่น chat บ้าง แต่งกลอนบ้าง แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่มีกิจกรรมหนักจริงๆ ผมอยากจะแต่งกลอนคลายเครียด แต่กลับแต่งไม่ได้ อารมณ์ไม่บังเกิด บางช่วงที่อยากจะอ่านหนังสืออ่านเล่น แต่พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนน ทำไปเหมือนรู้สึกฝืนทำเลยครับ หากได้อ่านหนังสืออ่านเล่น ก็สอบเก็บคะแนนไม่ได้อีก จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ (วิธีคลายเครียดก็ทำแค่นี้แหละครับ เพราะว่าเกมส์ก็ไม่เล่น ไปเที่ยวก็ไม่เคยไป ไม่รู้จะทำอะไร แหะๆ) เวลาก่อนนอน ก็อ่านหนังสือกลอนนิดหน่อยครับ อ่านไปก็หลับคาหนังสือเกือบทุกครั้ง (หนังสือเรียนก็อ่านนะ) ผมเสียดายที่สุดคือ ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้เล่นกีฬานี่สิ จันทร์ถึงศุกร์เล่นไม่ได้แน่นอน เพราะว่าเลิกเรียนช้า เสาร์อาทิตย์ก็มีกิจกรรม เวลาน้อย ได้เล่น แต่ ปิงปอง (เพราะมีโต๊ะอยู่ใกล้หอ) ก็ไม่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพเท่าไหร่เลย เพื่อนที่ทำกิจวัตรแบบผมก็มีไม่น้อยนะครับ แล้วก็ซีเรียสเหมือนกัน แต่ว่าหลายคนมีทางออก (เช่น ไปเที่ยวกับคนรัก เล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน) แต่ว่าส่วนมากที่ผมเห็นคือ เพื่อนๆผมไม่เครียดเพราะว่า ติดเกมส์ ไม่เข้าเรียน ไม่อ่านหนังสือ ครับ แต่พวกนี้ก็มักจะเครียดตอนใกล้ๆสอบ แล้วผมต้องรับภาระติวให้เพื่อนอีก มีเพื่อน สองคน ก่อนสอบมาหาผมถึงห้อง(มาทุกวัน) ให้ผมติวหนังสือให้ทั้งคืน แล้วบ่นให้ฟังว่ากลัวติด F ผมอยากบอกเพื่อน ทำไมไม่เข้าเรียนเล่า ผมเห็นเพื่อนๆหลายคน เตรียมสอบ Entrance ใหม่ เนื่องจากบอกว่า ยาก เรียนไม่ไหว ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น แต่ ผมไม่สามารถใช้วิธีคลายเครียดของเพื่อนได้ครับ เกมส์ก็เล่นไม่เป็นอ่ะครับ อยากไม่อ่านหนังสือเหมือนกัน แต่กลัวเรียนไม่รู้เรื่อง อยากเกาะคนเก่งๆ แต่ว่าก็กลัวทำข้อสอบไม่ได้ ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน(อย่างเดียว) ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนะครับ พอทนได้ แต่ถ้าหากจะต้องทำอย่างนี้อีกจนเรียนจบ ผมคงสมองแตกตายแน่เลย เคยปรึกษาพี่คนหนึ่งอยู่ เค้าช่วยไม่ได้ เค้าบอกว่า เรียนหนักแบบนี้ ออกไปสอบ En ใหม่เลยน้องเอ๊ย เอาคณะอักษรฯ ก็ได้ เราคงจะไปรอดแหละ ผมก็เคยคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าผมอยากเรียนทางด้านนี้มากกว่าครับ เก็บความสามารถทางด้านอักษร ไว้เป็นความสามารถพิเศษดีกว่า อีกอย่าง เรียนอะไรก็ยากแหละ วิชาที่เรียนอยู่ปัจจุบันผมก็รักครับ แต่ก็รักในวรรณศิลป์ ผมเคยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเรียนcom นี่แหละ แล้วแต่งกลอนเป็นงานอดิเรกไปเรื่อยๆ ดีไม่ดี อาจจะได้ทั้งสองทาง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเรียนหนักขนาดนี้ ผมไม่อยากทิ้งความสามารถพิเศษนี้เลย ทุกวันนี้ฝีมือการแต่งร้อยกรอง ถดถอยลงมาก จากเดิมแต่งโง่อยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งโง่ไปอีก ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้เลย ปรึกษากับพ่อแม่ ท่านก็บอกให้อดทน ถ้าไม่ไหว ท่านอนุญาติให้สอบ en คณะง่ายๆกว่านี้ได้ เมื่อวานก็ไปหาหมอ หมอก็แนะนำอะไรไม่ค่อยได้ ให้วิตามิน กับ ยานอนหลับมา บอกว่าจะทำให้สมองโล่งดี แต่อย่ากินบ่อย ผมจึงอยากรู้วิธีการคลายเครียดของพี่ๆ ที่เคยมีประสบการณ์ในรั้วมหาลัยแล้ว หรือมีกิจวัตรคล้ายคลึงกับผมครับ และอยากถามวิธีคลายเครียด ของ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เมื่อเกิดความเครียดในเรื่องอื่นๆ ด้วยครับ เผื่อผมจะได้นำมาใช้บ้าง ขอบคุณครับ ปล.ร่ายมาซะยาว ขอบคุณที่อดทนอ่านผมบ่น จนจบครับ
8 กุมภาพันธ์ 2550 16:21 น. - comment id 16675
พอดีพี่กานต์เรียนสาขาไม่เครียดค่ะ เลยเรียนแบบสบายๆ พอดีมีรูมเมทเก่งด้วยก็เลยรอดตัวไปค่ะ อิอิ ถ้าพี่เครียด พี่มักจะนอน....หรือไม่ก็หาอะไรกิน ไม่ต้องสงสัยหุ่นนะคะ รู้ว่าตัวเองเครียด ต้องหาวิธีคลายเครียดได้สิน่า สู้ๆ
8 กุมภาพันธ์ 2550 17:32 น. - comment id 16676
เอกเอ๋ย.... การที่จะเป็นได้ทั้งปราชญ์และจอมยุทธได้เวลาเดียวกันนั้นย่อมผ่านอุปสรรคนานา... ถ้าท้อไปเสียวันนี้...วันใดเจ้าจะสำเร็จเป็นทั้งปราชญ์และจอมยุทธ... เรื่องการเรียนและกิจกรรมต่างๆนานาที่ทับถมดูเหมือนว่ามันจะทำไมได้นั้น...ไม่ลองคิดว่าเราจะทำอย่างไรให้มันสมดุลย์หรอกหรือ ตอนนั้นที่พี่บ้ากิจกรรมเป็นบ้าเป็นหลังแต่ก็ยังสามารถเรียนจบได้(ถึงคะแนนจะไม่ค่อยดี) พี่เองก็พักด้วยการ์ตูน เล่นเกม นอน เล่นกีฬา คุยกับแฟน(ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องเออ่ยถึงว่าอยู่ไหนแล้วตอนนี้) ฯลฯ แต่ก่อนที่จะอะไรมาทำเพื่อคลายเครียด...... พี่ว่าเราควรจัดเวลาหน่อยดีไหม...มันก็คล้ายๆการจัดเวลาเรียนนั่นแหละ เพราะพี่เองก็ทำแบบนั้น..และเวลาที่พี่เรียนและทำกิจกรรมมันก็ไม่มั่วกัน ถึงจะมั่วกัน...เจ้าจงเอาหน้าที่หลักเข้าไว้อะไรที่เป็นรองจงปล่อยวางไป เพราะกิจกรรมบางที....ถ้าไม่มีเรางานเขาก็ไปได้ดี...แต่เมื่อมีเวลาจงเข้า ไม่ใช่แสดงว่าเจ้าเป็นนักกิจกรรม...แต่แสดงถึงความตระหนักรู้แก่หน้าที่และความเสียสละ นอกจากนั้นยังได้มิตรภาพที่ไม่อาจหาได้จากที่ไหนง่ายๆนะ เอาล่ะ....ลองเขียนตารางแสดงเวลาทั้ง24ชั่วโมง...และทั้ง7วันขึ้นมา... แล้วลงเวลาเรียนลงไปตามช่วงเวลาเหล่านั้น แล้วถ้าลงวิชาติวที่ไหนก็ลงไปก่อน ลงเวลานอน....(อย่าคิดว่าเรื่องนอนไม่สำคัญ... การที่เราไม่นอนนั้นยิ่งทำให้สมองไม่ผ่อนคลาย ตึงเครียด ทำให้การคิดอ่านทำได้ไม่ดี อย่างน้อยๆ ควรลงไว้วันละ4-5ชั่วโมง ส่วนถ้ามีเวลาเพิ่มเติมก็นอนที่หลังได้) ลงเวลากิจกรรม...ว่ากิจกรรมเหล่านั้นมีอะไรบ้าง วันไหน(ปกติกิจกรรมมันไม่ได้มีทั้งเทอมหรอกพี่รู้....พี่เองเป็นฝ่ายจัดกิจกรรมตอนนั้น...ถ้าให้ทำทั้งเทอมก็ตายสิน้องเอ๋ย) อ่อตรงนี้ถ้าให้ดีทำเป็นเดือนๆไปด้วยเลยก็ดี.... อันนึงลงเวลาปกติว่าเวลาไหนควรทำอะไร และอีกเล่มจะทำเองหรือเป็นปฏิทนเลยก็ได้ว่าเวลาไหนมีอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษหรือเปล่า โดยปกติพี่ทำ2เล่มนี้เอง..เวลาปกติพี่ก็ไว้แถวรองหน้าปก..และเวลาตามเดือนต่างๆพี่ก็ไว้หน้าถัดไป เวลานัดรับแอะไรใครก็จดและดูว่าซ้ำเวลาไหม.... วันหนึ่งเรามี24ชม.เท่ากัน....เพียงแต่ว่าเราอย่าใช้มันมั่ว...ถ้ามั่วมันจะดูไม่ทันการ อีกอย่างเรื่อรายงานการบ้านและการอ่านหนังสือ....ควรรีบทำให้เสร็จก่อนวันส่ง เพราะคนไทยนิสัยนี้กันเยอะ...แทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่เอง แต่เพราะหน้าที่ฝ่ายกิจกรรมเลยต้องเร่งทำให้เสร็จก่อนชาวบ้าน แถมส่งก่อนเวลาผิดอาจารย์ก็ให้มาแก้ถ้ามันไม่สมบูรณ์ คะแนนก็ได้เต็ม หรืออย่างน้อยๆมันก็สูงกว่าชาวบ้านเค้าหน่อยนึงละนะ แล้วเอกลองดูเวลาที่เหลือว่า...มันมีว่างเท่าไหร่ ถ้ามันน้อยนิดกระจิดริดอย่าเพิ่งดูถูกมัน ขยับร่างกายเล็กน้อย...เพื่อสุขภาพที่ดี บางทีการเดินไปเดินมาแม้ในห้องเล็กๆ พื้นที่ไม่กว้างก็ได้กำลังดีนะ (ม.พี่...หออยู่ห่างจากที่เรียนประมาณ1กิโล...พี่เดินไปทุกวัน...555 ที่จริงปั่นจักรยานแบบชาวบ้านเค้าไม่เป็น แต่บางทีการขึ้นรถเพื่อนบ่อยๆมันก็เสียสุขภาพ เพราะพี่เองไช่คนที่ร่างกายแข็งแรง บ้ากิจกรรมก็เท่านั้นจึงถ้ามีอะไรบางอย่างใช้แรงงานเหมือนการออกกำลังกายได้ก็จะทำ การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องเป็นกีฬา เพียงแต่ว่าเราได้เหงื่อได้เคลื่อนไหวร่างกาย ก็พอแล้ว) อ่อ...ถ้าบทเรียนมันยากนัก หนักจนทนไม่ไหว.... อย่าทำเรื่องยากให้ยากกว่านะน้องเอ๋ย หากคิดจะเขียนกลอนเป็นงานอดิเรก ก็ควรให้งานอดิเรกช่วยเราด้วย... อันไหนจำยากสูตรวกวน..ก็จัดการแต่งเป็นกลอนสิ... ไม่ต้องใช้ภาษาอย่างที่ใช้ ใช้ภาษาปากอะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเข้าใจและจำได้ เพียงเท่านี้ก็คงผ่อนคลายได้นิดนึง นอกจากนั้น..ว่างๆทำสมาธิ....สมองที่ยุ่งเหยิงจะได้จัดระบบของมันเอง.. แต่ถ้าอยากได้แรงด้วย พี่แนะนำ โยคะ ไม่ต้องถึงขั้นแอดวานเอาแขนขาเกี่ยวพันรอบตัว..... แค่ท่าง่ายๆและการฝึกเบื้องต้น...ก็สุดยอดแล้ว ถ้าไม่เคยทำจไม่รู้ว่ามันได้เหงื่อจริงๆ ถ้าทำถูกวิธี นอกจากนั้นพี่ก็คงแนะนำไม่ได้เพราะที่พี่คลายเครียดก็บอกคร่าวๆข้างต้นแล้ว ซึ่งถ้าปกติไม่ชอบทำหรือไม่เคยทำและไม่คิดอยากจะทำก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน แต่ถ้าอยากจะลองทำก็ทำได้....อย่างการ์ตูน มีการ์ตูนแนวยุทธจักรมากมายเลยนะสมัยเนี๊ยะ หนังก็มีเยอะแยะ ถ้ากลัวติดก็ติดพอสมควรอย่าทำลายเวลาเรียนเสียหมด อีกอย่างฝากทิ้งท้ายว่า.... เรื่องให้ทำตารางเวลา....หากไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและไม่มีวินัย...ทำไปก็เท่านั้น...ชีวิตก็จะยุ่งเหยิงและวุ่นวายจนเครียดเหมือนเดิม ป.ล. เรียนไว้เพื่อนให้อาคุณน้องพิจารณานะจ๊ะ
8 กุมภาพันธ์ 2550 18:38 น. - comment id 16677
มีความรักซิน้อง รับรองหายชัวว์
8 กุมภาพันธ์ 2550 19:03 น. - comment id 16678
ก็แค่คิดว่า คุณเหนื่อยและเมื่อยล้าจากการเรียน เช่นเดี๋ยวกับพ่อแม่คุณ ที่เหนื่อยเพราะส่งคุณเรียน
8 กุมภาพันธ์ 2550 19:17 น. - comment id 16679
พี่ชอบอ่านหนังสือธรรมะอ่ะจ้า ไม่ได้เป็นคนธรรมะธัมโมอะไรหรอกน๊ะ แต่ได้ลองอ่านแล้วก็ดีจริงๆๆนะ ขอแนะนำตอนนี้พี่อ่าน "เหนื่อยนักพักเสียบ้างดีไหม์?" ของท่านชุติปัญโญ อ่ะจ้า มีเรื่องเล่าและนิทานเซนประกอบ ทำให้อ่านง่ายไม่ซับซ้อน พี่อ่านงานของท่านมาหลายเล่มแล้วหล่ะ ก้ออยากแนะนำแค่นี้หล่ะจ้า ถ้าผ่านร้านหนังสือก้อลองไปเปิดอ่านดูนะแล้วจะรู้ว่าความสุขอยู่รอบๆตัวเรานี่เองจ้า ยังงัยก็สู้ๆๆนะจ๊ะ
8 กุมภาพันธ์ 2550 20:26 น. - comment id 16681
Take it easy sweety.....everything will be alright. Remember ..."You must hold on for the good things" And I'll be right behind your shoulder watching you I'll be standing by your side and all you do And I won't ever leave As long as you believe You just believe ...
8 กุมภาพันธ์ 2550 20:55 น. - comment id 16682
สำหรับพี่เครียดๆก็ฟังเพลง คุยกับเพื่อน ตอนนี้ที่เป็นอยู่ไม่ได้ต่างจากน้องเท่าไหร่นัก โชคดีที่ได้เพื่อนที่ไม่เครียดซีเรียสอะไร เลยมีอารมณ์ขัน มีมุกมาให้ได้หัวเราะตลอด ยังไงก็อย่าเครียดมากนะจ๊ะเดี๋ยวผมจะงอกหมด รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ ระวังจะโทรมเหมือนพี่น๊า
8 กุมภาพันธ์ 2550 22:46 น. - comment id 16683
เข้าใจเลยค่ะ เพราะพี่ก็เคยเป็นแบบน้องเอกมาก่อน (ปัจจุบันก็เป็นอยู่บ้าง) ความจริงแล้ว ถ้าน้องเอกมั่นใจแล้วว่าเราเลือกมาเรียนในคณะที่ชอบแล้ว ก็ขอให้น้องพยายามต่อไปนะคะ น้องอาจจะรู้สึกว่ามันหนัก มันเหนื่อย น้องอาจไม่มีเวลาเหลือสำหรับงานอดิเรกที่ชอบ แต่พี่คิดว่าพอน้องขึ้นปี 3 ปี 4 ก็น่าจะเบาลงแล้ว น่าจะมีเวลาว่างมากขึ้น (พี่รู้สึกอย่างนั้นไม่รู้ว่าเพราะชิน หรือ มันว่างขึ้นกันแน่นะ) ที่อยากแนะนำตอนนี้ก็คือ อดทนไว้นะคะ ผ่อนคลายบ้างหากรู้สึกเครียดมาก ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำอะไรที่เราชอบในเวลาว่าง ย้ำนะคะเวลาว่าง เพราะว่า บางครั้งการไล่ตามความฝัน เราก็ต้องยอมแลกกับบางสิ่งบางอย่าง ตัวพี่เองชอบบทกลอน บทกวี แต่พี่มาเรียนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ พี่ก็จำเป็นจะต้องแลก กว่าพี่จะได้มาอ่านกลอน หรือเขียนกลอน ก็แทบจะข้ามปีเลยทีเดียว(เวลาว่างช่วงปิดเทอม) พี่ก็หวังว่าน้องเอกจะปรับตัวได้ในเร็ววันนะคะ ถ้าใจเราสู้ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเราไปได้หรอกค่ะ สู้สู้! เป็นกำลังใจให้เสมอ
8 กุมภาพันธ์ 2550 23:38 น. - comment id 16684
พี่กานต์ รูมเมทผมอยู่คณะวิทยาการ ไม่เห็นได้ทำไรเลย วันๆเอาแต่ดูบอล กลับมาก็ดึก แล้วเทอมสอง เรียน แคลคูลัสหนึ่ง ซึ่งผมเรียนผ่านไปแล้ว ใกล้ๆสอบ ดันให้ผมติวให้อีก ช่วยไรผมไม่ได้เลย แต่ก็ดีครับ ที่ไม่ชวนผมไปเถลไถล
8 กุมภาพันธ์ 2550 23:49 น. - comment id 16685
พี่เป้ครับ ขอบคุณมากๆในความหวังดีของพี่ ผมรู้สึกถึงความเป็นห่วงของพี่เลยครับ ตารางเวลาผมเคยทำอยู่ครับ ก็ทำเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็มีปฏิทินในสมอง ไม่ได้ทิ้ง แต่ว่าปฏิทิน โหดไปหน่อย คือทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเดียว ไม่ค่อยสนใจเศษเวลาที่เหลือครับ การเล่นโยคะ ไม่เคยทำสำหรับผม ส่วนเพลงนะ ก็รู้อยู่แล้วว่าผมเคยฟังมั้ย ผมเคยเลี้ยงปลาอยู่นะครับ แต่ว่า ไม่ถึงเดือน มันก็ตาย สงสัยผมดูแลปลาไม่ดี (เพราะบางทีก็ลืมให้อาหาร) เลยเลิกเลี้ยง การเดิน นี่ผมทำประจำครับ ถือเป็นการออกกำลังกายด้วยก็ดีซิ เรื่องกลอน โทมัส มันธ์ แข็งแกร่ง บิดาแห่งเศรษฐศาสตร์วิชา เป็นชาวอังกฤษนั้นหนา มิใช่ฮอลันดาดังที่เราเข้าใจ คาโลลัส ลินเนียน นั้นเล่า บิดาเจ้า อนุกรมวิธาน สวีเดน บ้านเกิดเมืองท่าน ชไลเดน และชวาน ตั้งทฤษฎีเซลล์ เมนเดล บิดาแห่งพันธุศาสตร์ หลังฉากเป็นพระชาวออสเตรีย เบียกิน เป็นชาวโบฮีเมีย พบไมโตรคอนเดรีย และโปรโตพลาสซึม ฯ (ยังมีต่ออีกยาวครับ หลายสิบนักวิทยาศาสตร์ วิชา ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ ) ผมก็ใช้บทกลอนให้เป็นประโยชน์อย่างที่พี่ว่าแล้วแหละครับ บางทีก็นำสูตรคณิตย์มาแต่งเพลง แต่ว่า ไม่ได้เรื่องเลย ฮิๆ เอ้อ เรื่องทำสมาธิ ผมนั่งสมาธิก่อนนอนทุกคืนครับ คืนไหนง่วงมาก ก็นับหนึ่ง ถึงห้าสิบ คืนไหนง่วงน้อย ก็ นั่งได้หลายนาที การ์ตูน ทุกวันนี้มันปัญญาอ่อน ไม่ค่อยได้เสริมสาระเลยครับ ผมมันคนบ้าๆ ไม่ชอบสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ชอบจินตนาการ ผมชอบเรื่อง ราชายุทธจักร เรื่องเดียว แล้วก็ติดตามอ่านจนจบ ส่วนนิยาย ก็ต้อง จอมปราชญ์ จอมราชัน อ่านแล้วสนุก คืนเดียวอ่านจบเล่มถึงเช้า เลย แต่นอกนั้นรู้สึกว่า ผมไม่ค่อยถูกกับแนวหนังสือพวกนี้ครับ รู้สึกว่า หนังสือกลอนเหมาะกับผมที่สุด ผมจะลองทำตารางเวลานะครับ ขอบคุณครับ
8 กุมภาพันธ์ 2550 23:52 น. - comment id 16686
จ.จันทร์สุวรรณ ถ้าหากเป็นความรักสำหรับหนุ่มสาวล่ะก็ ต้องยอมรับครับ ผมอ่อนด้อยเรื่องนี้นักจริงๆ ครับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผมยังไม่มีความรักซะที คงเป็นเพราะโรงเรียนเก่าผมเป็นโรงเรียนชายล้วน แล้วผมเองก็ไม่ค่อยยุ่งกับหญิงโรงเรียนอื่น ด้วย เลยสัมผัสยากหน่อยครับ แค่อ่านกลอนรักที่คนอื่นแต่ง ผมยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเลยครับ ไม่ค่อยมีอารมณ์สุนทรีย์ก็ว่าได้
8 กุมภาพันธ์ 2550 23:58 น. - comment id 16687
ตะวันฯ คิดอยู่เสมอครับ แต่ก็รู้เช่นกัน กำลังใจจากทางบ้านมีส่วนช่วยให้ผมพยายามมากขึ้นครับ แต่ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ถึงไม่สามารถลบล้างความเครียดออกไปได้ เจน_จัดให้ ขอบคุณครับที่แนะนำหนังสือดีดีให้ผม ต้องยอมรับว่า วัยรุ่นสมัยนี้ไม่สนใจธรรมะเสียดาย รวมทั้งผมด้วย แต่ก็พยายามอ่านครับ ชอบปรัชญาของท่าน พุทธทาส ภิกขุ มากๆ เป็นปราชญ์ทางธรรมแห่งแดนนี้เลยก็ว่าได้ เดี๋ยวผมจะหาหนังสือนั้นมาอ่านครับ silver snitch เราไม่ได้ใจร้อนเร่าอะไรอย่างที่คิดหรอกนะ ก็แค่มีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง เราก็เชื่อมั่นใจตัวเองว่าเราจะทำได้เช่นกัน การสอบเป็นแค่การวัดความพยายามน่ะ แต่การดำเนินชีวิตเรื่องใหญ่กว่า ไม่รู้ว่าจะเดินทางไหนดี เรามองเห็นอนาคตของเธอนะว่าสดใส แต่อนาคตเรานี่สิ มองไม่เห็นวี่แวว
9 กุมภาพันธ์ 2550 00:01 น. - comment id 16688
chejry เพื่อนผมก็ไม่ได้เครียดอะไรหรอกคับ แต่ว่าต้องเข้าใจ หมู่ผู้ชาย อารมณ์ไม่ขันเลย เพื่อนในภาคทุกคนเล่นเกมส์ครับ วันไหนเครียดๆ ก็ชวนไปเล่นเกมส์ที่ร้านกัน หรือไปฉลองกัน ผมก็ทำตัวออกห่าง จนตอนนี้ไม่มีใครชวนไปแล้ว แต่ไม่ใช่ปิดตัวเองจากสังคมนะครับ เรื่องไหนควรถอยห่างก็ถอย เรื่องไหนควรเข้าก็เข้า กิจกรรมก็ทำหลายอย่าง มีเพื่อนดีดีไม่น้อย
9 กุมภาพันธ์ 2550 00:11 น. - comment id 16689
พี่หญิงหญ้า ดีจังมีคนเข้าใจเราด้วย พี่หญิงหญ้าครับ ผมยอมสละทุกๆอย่างเพื่อการเรียน ยกเว้นการแต่งกาพย์กลอน การอ่านหนังสือกลอน ซึ่งบทกลอนมันอยู่ในสายเลือดผมแล้วครับ ผมรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต้องทำ เราต้อง "สื่อกลอน สะท้อนสังคม" ต้องชักนำสังคมให้ได้ไม่มากก็น้อยครับ ผมยอมเลิกดูหนัง เลิกฟังเพลง เลิกเล่นกีฬา เพื่อเรียนแล้ว แต่หากเลิก(หรือหยุด)แต่งกลอนแล้ว ผมทำไม่ได้เลยครับ ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่กลอนครับ ตัดไม่ขาด ผมเรียนได้เต็มที่แน่นอนครับ แต่ไม่รู้ว่าจะมีความสุข(เต็มที่)กับการเรียนรึป่าว ช่วงปิดเทอมของเทอมแรก ผมยอมไม่กลับบ้านเพื่อเขียนกลอนนี่แหละครับ ช่วงปีใหม่ ช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ คนอื่นกลับบ้าน แต่ผมเขียนกลอน ฮิๆ บอกไปแล้ว พี่หญิงคงคิดว่าผมบ้ามากๆ จาก คนเคยเขียนกลอนทุกวัน เดี๋ยวนี้ เดือนละครั้ง ขอบคุณกำลังใจจากพี่มากๆนะครับ
9 กุมภาพันธ์ 2550 00:57 น. - comment id 16690
สวัสดีครับคุณ ห้วงคำนึง บ่อยๆครับที่การเรียนทำให้เรารู้สึกเครียดและกดดันไปบ้าง ไม่ว่าจะสาระของเนื้อหาการเรียน หรืองานที่ประดังเข้ามาราวกับห่าฝน อีกทั้งความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นต่อวิชาการเรียน เป็นเรื่องที่ยากที่เราจะปล่อยวางมันได้ พื้นฐานของการคลายเครียดได้นั้นต้องมาจากการปล่อยวางเสียก่อน ไม่ยึดจนเกินไป ผมอยากให้คุณเข้าใจว่า แม้การเรียนสำคัญมาก แต่สุขจิตและร่างกายก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน หลายคนอาจจะแย้งว่าการเรียนทำให้อนาคตเราดูดีมากขึ้น ครับผมไม่เถียงแต่ผมอยากจะบอกว่า มันก็แค่ดูดีครับ แต่มันไม่ได้หมายความว่า เรียนดี เกรดดี จบมาไว แล้วเราจะประสบความสำเร็จเท่ากัน ผมรู้ว่าคุณชอบแต่งกลอนมาก ชอบพวกวรรณกรรม และนั่นคืองานอดิเรกเดียวที่คุณจะทุ่มเทให้กับมัน แต่กระนั้นก็เถอะ เมื่อมีเรื่องราวมากมายที่มันแสนจะวุ่นวายเข้ามา มันจะบั่นทอนส่วนที่เรียกว่าความรู้สึกออกไปทีละนิดๆ ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยแต่งกลอน แต่มา ณ. บัดนี้ แทบจะมีโอกาสแต่งน้อยมาก บางครั้งผมว่า ผมคงแต่งกลอนไม่เป็นอีกแล้ว ด้วยว่า มีหลายสิ่งในชีวิตที่ทำให้เราต้องปรับตัวมากขึ้น เวลาที่ผ่านๆมา มันอาจจะบอกเราได้ว่า วันนี้คุณไปยืนจุดนั้นอีกไม่ได้ ทุกวันนี้ผมเองก็พยายามจะหาเวลาว่างๆ จากการอ่านหนังสือ ทำงาน มาป้วนเปี้ยนอยู่กับหนังสืออ่านเล่น วรรณกรรมสมัยใหม่ อย่างนวนิยาย เรื่องสั้น หรือแม้แต่กลอน ตรงนี้...ผมกล้าพูดได้อย่างหนึ่งว่า การแต่งกลอนความเก่งอย่างเดียวนั้นไม่พอ ต้องมีอารมณ์ผสมผสานไปด้วย หลายคนที่แต่งกลอนเก่งๆ ก็มักจะให้ความสำคัญกับเวลาว่างของตัวเองเสมอ ใส่ใจในรายละเอียดส่วนปลีกย่อยของชีวิต ผมนับถือมากนะครับ บางครั้งผมเข้ามาเห็นรุ่นพี่หลายๆคนแต่งกลอนน่าอ่านมากๆ ผมอ่านแล้วยังนึกๆอยู่เลย ว่าพวกพี่เก่งนะ ที่สามารถปรับชีวิตเข้ากับรูปแบบที่ตัวเองเป็นได้ แล้วทีนี้มาถึงคุณห้วงคำนึง บางครั้งเราก็อย่าฝืนที่จะทำ แต่บางครั้งเราก็ไม่ควรตามใจที่จะเป็น ผมกำลังบอกว่า เมื่อใดที่คุณรู้สึกเครียดและเหนื่อย จงหยุดและปล่อยวาง ผมหาได้เก่งอย่างที่ใครคิดไม่ แต่ผมพยายามหาคำตอบบางอย่างให้กับชีวิต ในเร็ววันนี้หากอะไรหลายๆอย่างลงตัว ผมอยากจะกลับมาเขียนกวีบทกลอนอีกครั้ง ผมนับถือคุณห้วงคำนึง ในฐานะผู้ที่ไม่หยุด ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง คุณมีวันนี้ได้เพราะความสามารถของคุณจริงๆ ขอบคุณที่มีโอกาสร่วมพูดคุยครับ หากมีอะไรผิดผลาดขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ
9 กุมภาพันธ์ 2550 04:59 น. - comment id 16691
คิดอะไรมาก พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
9 กุมภาพันธ์ 2550 08:30 น. - comment id 16692
คิดว่าต้องผ่านช่วงนี้ไปได้แน่นอน เพียงแต่ต้องอดทนหน่อยจ๊ะ ส่วนวิธีคลายเครียด ก็คุยกับเพื่อนฝูง หางานอดิเรกที่ชอบทำ อ่านหนังสือ แต่งกลอน (อย่างที่ใจเราชอบ) แต่เหนือสิ่งอื่นใดลองจัดระเบียบชีวิต ลำดับความสำคัญ รู้จักแบ่งเวลา, ลองมองดูรอบข้างที่เขาอาจแย่กว่าเรา อาจทำให้รู้สึกดีขึ้น (บ้าง) แค่เริ่มต้นเอง อย่าเพิ่งท้อแท้น่ะจ๊ะ ขอเป็นกำลังใจให้.. :)
9 กุมภาพันธ์ 2550 09:40 น. - comment id 16693
ห้วงคำนึง..มาตามสัญญานะ ครูพิมไม่มค่อยมีความเครียดสักเท่าไหร่ ทำใจยอมรับสิ่งที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องใช้เวลา การทำงานและการเรียนหนังสือ ถึงแม้จะมีบทบาทคนละอย่าง แต่หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคงไม่ต่างกัน เมื่อปัญหาใดที่ทำให้ไม่สบายใจ หรือเครียด อย่าปล่อยให้มันอยู่กับเรานาน หาอะไรที่ชอบทำ อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาไม่หนักเกินไป ฟังเพลง ดูหนัง ไปเดินเล่น.. หรือไม่ก็คุยกับเพื่อนที่เราไว้ใจ อย่าอยู่คนเดียว.. ..ยานอนหลับทานมากไม่ดีนะคะ ควรทานตามคำแนะนำของแพทย์ ..ขอใหดูแลและรักษาสุขภาพนะคะ ขอให้ตั้งใจเรียน... และมีความสุขกับการเรียน
9 กุมภาพันธ์ 2550 10:22 น. - comment id 16694
เวลาเครียดเหรอครับ.. -ผมมักจะออกไปเดินเล่นตามที่ต่างๆ หรือนั่งถเมล์ไปเรื่อยๆจนสุดสาย ดูชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน -บางทีผมก็ไปเดินดูของและคนตามตลาดนัด..มักได้เห็นภาพชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเรา.. ดูชีวิตที่ต้องดิ้นรนด้วยความลำบาก..และคิดว่ามีคนที่น่าจะเครียดมากกว่าเราอีกหลายล้านคน แต่บางครั้งดูเขาจะมีความสุขมากกว่าเราซะอีก... -เล่นกับหมาครับ...หมาของเราหรือของใครก็ได้ที่คุ้นเคยกับเรา..หาอะไรให้มันกินมั่ง. ผมชอบซื้อซี่โครงไก่ไปให้หมาจรแถวๆบ้าน.. พอเห็นพวกมันกินอิ่มและมองเราอย่างขอบคุณ..หายเครียดไปเลยล่ะครับ...ลองดูดิ -หาหนังสือดีๆมาอ่าน...หนังสืออะไรก็ได้ที่เราชอบ..นอนอ่านมันไปเรื่อยๆ..จนหลับ... ตื่นมาก็หาของกิน..แล้วก็อาบน้ำให้สดชื่น..พร้อมจะลุยต่อไป.. -วางปัญหาต่างๆลงซะมั่ง..ค่อยๆลำดับและจัดการกับมันครับ...บางทีการเอาอะไรไปสุมๆแล้วแบกมันไว้มันยิ่งเปลี้ยไปใหญ่..นึกซะว่าทุกปัญหามีทางออกและมีไว้แก้..อย่าจนปัญญากับมัน....ลองนิ่งๆดูมั่ง..เดี่ยวมันก็จะมีไอเดียออกมาเอง...ที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพจิตของเราครับ...อย่าเครียดกับมันจนเกินเหตุ. ไม่งั้นเราจะแย่ครับ.. นี่คือการจัดการกับความเครียดในแบบของผม..อันไหนเอาไปใช้ได้ก้ลองดูนะครับ.. ส่งกำลังใจมาให้ด้วย.แล้วนะครับ...
9 กุมภาพันธ์ 2550 10:36 น. - comment id 16695
เริ่มรักจาก สิ่งที่เป็น สิ่งที่เจอ... รับประกัน ความสุขจะด่วนมาสวัสดีทีเดียว
9 กุมภาพันธ์ 2550 11:07 น. - comment id 16696
ของผมนะครับ.. -เดินเที่ยวตลาดนัด...หรือนั่งรถเมล์ไปเรื่อยๆดูชีวิตผุ้คน..ดุคนที่น่าจะเครียดกว่าเรา ดูรอยยิ้มที่มีความสุขของพวกเขา..รอยยิ้มท่ามกลางความเครียด -เล่นกับหมา..หมาของเราหรือของใครก็ได้ที่คุ้นเคยกับเรา..แม้แต่หมาข้างถนน..ผมชอบเอาซี่โครงไก่ไปแจกพวกมันแล้วมองมันกินอย่างมีความสุข..การแบ่งปันแม้เพียงเล็กน้อย..ทำให้เราลืมเครียดไปได้อย่างน่าทึ่งครับ -หาหนังสือดีๆมาอ่าน..นอนอ่านจนหลับไป..ตื่นมาหาของกินแล้วอาบน้ำ...พร้อมลุยต่อ ใช้คติที่ว่า..ปัญหามาปัญญามีครับ... แต่พี่ขอนอนสักงีบก่อน..555 -วางปัญหาต่างๆลง..แล้วบอกตัวเองว่า..ช่าง..แง่งมัน..ซะมั่ง...อะไรกันนักหนา..ผมคิดแบบนี้จริงๆ..เพื่อสุขภาพจิตตอนนนั้นของตัวเอง..แล้วไปหาอะไรที่มันรื่นรมย์หัวใจให้ตัวเอง..ก่อนกลับมารับมือกะมันใหม่...แบบว่าหนีไปตั้งหลักก่อนน่ะครับ...ไม่งั้นเอามาสุมๆไว้มากๆเราจะยิ่งแย่...ใจเราสำคัญที่สุดครับ..ปัญหามันมีไว้แก้..แต่เราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อน.. เท่านี้แหละครับ...วิธีของผม.. ขอให้โชคดีครับ..ส่งกำลังใจมาให้ด้วย..
9 กุมภาพันธ์ 2550 12:30 น. - comment id 16697
เล่นโยคะ สิได้ผลชะงัดนัก ใครที่นอนไม่หลับจะหลับเป็นตายเลยล่ะ... ไม่ต้องไปเข้าคอร์สที่ไหนก็ได้ถ้าไม่มีเวลา แค่ซื้อหนังสือที่มีรูปประกอบแล้วลองทำตาม......ขอให้หายเครียดไวๆนะ
9 กุมภาพันธ์ 2550 15:42 น. - comment id 16703
ช่วงสองปีที่ผ่านมา เครียดมากกับ project อยู่ใน lab จนเช้า เกลียดไอ้หน้าสี่เหลี่ยม (คอม ฯ) มาก แต่ก็ทิ้งมันไม่ลง กลายเป็นความเคยชิน ที่รู้สึกว่า ถ้าไม่เจอมันก็เหมือนขาดอะไรสักอย่าง วิธีคลายเครียดก็เขียนกลอนบ้างเรื่องสั้นบ้าง เครียดมาก ๆ ก็นี่เลย แบกเป้เข้าป่า ถ้าว่างอย่างน้อยสองวัน
9 กุมภาพันธ์ 2550 14:00 น. - comment id 16706
ไม่ลองฟังสักนิดเหรอ...ให้มันผ่านๆไปก็ได้... ไม่ก็ลองเล่นกะหมากะแมวแถวนั้น...คุยกับเพื่อนๆ อ่อ....มคุยกับพี่สิ...หึหึหึ
9 กุมภาพันธ์ 2550 21:26 น. - comment id 16708
ไม่รู้จะแนะนำเอกยังไงดี แต่วิธิการคลายเครียดของหนูหวาก็ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่สนุกกับสิ่งที่ทำสิคะ อย่าคิดว่ามันเป็นหน้าที่ เมื่อไหร่ที่รู้สึกเครียดกับอะไรสักอย่างที่ทำหรือที่เจออยู่ ก็จะหยุดคิดหยุดทำ แล้วหาอะไรที่ทำแล้วสบายใจทำ เวลาเครียดจากการเรียนหนูหวาชอบปลูกต้นไม้ค่ะ หรือแค่ไปเดินดูตามร้านที่ขายต้นไม้หรือดอกไม้ก็หายเครียดแล้วค่ะ หรือไม่ก็ไปตามร้านขายของกิ๊ปช๊อปน่ารัก ๆ หรือไม่ก็นอน ตื่นแล้วหายเครียดก็มาสู้ต่อค่ะ จะรู้สึกว่ามีแรงฮึดขึ้นแยะเลยค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2550 08:50 น. - comment id 16710
Dear Eak you will alright, need to relax !!! Anyway ..keep hold on for the good thing and you go the Distance...I believe in you
11 กุมภาพันธ์ 2550 10:00 น. - comment id 16718
แสงริมทางเท้า ขอบคุณมากๆนะครับที่เป็นห่วง สักวันผมคงต้องห่างหายจากบ้านกลอนไปเหมือนพี่ละมั้งครับ เพราะว่าหน้าที่ที่ทำมันสำคัญกว่า ผมแยกแยะออกครับ แต่ผมยังไม่พร้อมจะสละบางอย่างเท่านั้นเอง (ก็ผมทำมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ครับ) ผมจะนำไปใช้นำครับ nig 555 ไม่คิดแล้ว กุ้งหนามแดง สิ่งที่คุณพูดมาผมทำมาหมดแล้วครับ ยกเว้น ลองมองดูรอบข้างที่เขาอาจแย่กว่าเรา ผมจะนำไปปฏิบัติครับ ครูพิม ผมจะตั้งใจเรียนครับคุณครู รับรองจะพยายามทำให้เครียดให้น้อยลงให้ได้ อีกอย่างผมไม่ค่อยชอบคุย(โทรศัพท์)กับเพื่อนเท่าไหร่ แต่ก็มีคนที่ช่วยได้ครับ แมวคราว วางปัญหา..ผมอยากทำอย่างนี้จังครับ จะไปทำดู มีผลยังไงจะมาบอกอีกที ขอบคุณมากครับ โคลอน ขี้เกียจเล่นอ่ะครับ ผมไม่ค่อยชอบเลย หนังสือก็มีนะครับ แต่ไม่เคยเล่นกีฬาพวกนี้เลย แต่เมื่อคุณแนะนำมาผมจะลองทำดูนะครับ เปเป้ฯ เมื่อวานฟัง คาราบาว อารมณ์ขึ้นเลย เลือดรักชาติพุ่ง อิอิ ผมมีเวลาว่าง หลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปอ่ะครับ จะหาใครมาคุยกับผมเล่า นอนกันหมดแล้ว ร้อยฝัน ท่าทางผมจะเดินตามรอยคุณนะครับ ปิดเทอมนี้รับรองไปแน่ครับ วางแผนไว้แล้ว เก็จฐวา เราสนุกกับหน้าที่ทุกอย่างแหละครับ ไม่ได้ไม่ชอบอะไร เพราะถ้าไม่ชอบคงไม่เลือกเรียนหรอก แต่หน้าที่นั้น มันครอบงำสิ่งอื่นๆไปหมด เรื่องที่ชอบอื่นๆ ล่ะ ก็ต้องลดความสนุกของเรื่องที่ชอบเรื่องอื่น ลง ส่วนเรื่องที่แนะนำเรื่องอื่นๆ จะไปปฏิบัติตามดูนะครับ silver snitch ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ทำข้อสอบให้ได้ด้วยนะครับ
11 กุมภาพันธ์ 2550 10:02 น. - comment id 16719
ปลาบปลื้ม และสุดซึ้ง กับความเป็นห่วงของพี่น้องบ้านกลอนไทยมากครับ ผมขอขอบคุณ พี่ๆน้องๆทุกคนนะครับ จะไม่ลืมบ้านที่อบอุ่นแห่งนี้เลย
11 กุมภาพันธ์ 2550 19:00 น. - comment id 16722
เครียด! กินเบียร์ เครียด! กินเบียร์.. เท่านี้ละครับ
4 มีนาคม 2550 13:49 น. - comment id 17073
http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M5189583/M5189583.html เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยากให้ลองไปอ่านดูนะคะ
8 มีนาคม 2550 02:36 น. - comment id 17119
คุณปลาทองครับ ขอบคุณครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมอ่านแล้ว น้ำตาไหล อย่างห้ามไม่ได้ ผมเป็นห่วงนะครับ
4 เมษายน 2550 15:29 น. - comment id 17354
เอกแพรวเข้าใจเอกนะ แพรวเคยเคลียดขนาด เป็นไมเกรน ปวดเบ้าตาจนต้องเอาผ้ามาปิด เพราะหมอบอกว่าแสงกระทบมากจะทำให้เราปวด เราต้องหลี่ตา เวลามองอะไร ลำบากมาก แม่เคยบอกให้ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ เพราะกลัวลูกสาวจะเป็นเหมือน พี่ชายข้างบ้าน ที่เรียนจนเหมือนคนบ๊อง เราเองไม่อยากเป็นแบบนั้น เราก็เลยค่อยๆหาวิธีเอง อ่านหนังสือคลายเคลียดบ้าง หาเวลาอยู่กับเพื่อนบ้าง เพื่อนช่วยเราได้มาก กิจกรรมเราก็เข้าร่วมทุกอย่าง ไม่เคยขาด แม้จะไม่ชอบบ้าง แต่เราก็ต้องทำ รอจนกว่าจะพ้นปี 1 มันคงจะดีขึ้น จนมันก็ผ่านมาได้ เหนื่อยก้เหนื่อยจริงๆแหล่ะ แพรวอยากให้เอกอดทนนะ เพราะไม่รู้ว่าจะบอกว่ายังไงดี จะเป็นกำลังใจให้นะ
24 พฤษภาคม 2550 18:22 น. - comment id 17940
เครียดก็ซักผ้า กิ๊ฟเป็นพวกนี้อะ ลองทำดูมั้ย อย่าเครียดอะไรมากเลย ชีวิตก็ไม่มีอะไรมาก เราเข้าใจนายนะ เป็นกำลังใจให้เสมอไม่ว่านายจะเป็นอย่างไร
14 มีนาคม 2551 15:04 น. - comment id 20455
งง อ่าน10กว่ารอบแล้วยังไม่เข้าใจเลย งงงง
14 พฤษภาคม 2552 11:57 น. - comment id 22821
เวลาที่เราเครียดมักจะหาอะไรที่สนุกทำ เช่น ร้องเพลง ออกไปเที่ยวกับเพื่อน หรือออกกำลังกาย เค้กคิดว่าวิธีเหล่านี้จะสามารถทำให้เพื่อนๆหายเครียดได้บ้างนะ