ขออนุญาตให้ชูตราชี้แจงด้วยเถิดครับ

ชูตรา

สำหรับทุกท่านที่เคยอ่านงานของตราชูมาแล้ว ท่านคงสังเกตว่า ตราชูชอบเขียนงานฉันทลักษณ์เกี่ยวกับการเมืองบ้าง วิจารณ์สังคมบ้าง เป็นส่วนใหญ่ นามปากกา ชูตรา นี้ ตั้งไว้สำหรับเขียนเรื่องเบาๆโดยเฉพาะครับ และก็จะไม่เขียนร้อยกรองด้วย มุ่งเน้นฝึกเขียนนิยายเล่นๆครับ
	สาเหตุที่ทำให้อยากลองก็คือ ผมเคยเขียนนวนิยายเล่นแต่เขียนไม่จบ ด้วยอุปสรรคหลายประการ ข้อจำกัดทั้งหลายทั้งปวง อาทิเรื่องฉาก, ตัวละคร, บรรยากาศ, สภาพแวดล้อมฯลฯ ผมมองไม่เห็น ตัวละครสวมเสื้อผ้าสีอะไร หน้าตาแบบไหน ผมยังไม่รู้เลย แต่ก็น่าแปลกตรงที่ ผมมีเค้าโครงเรื่องที่อยากเขียนอยู่ในหัวแล้ว เลยมาคิดว่า ถ้าเรามัวรีๆรอๆ กลัวผิดกลัวพลาด เมื่อไหร่จะได้เขียนสักที นี่จึงเป็นที่มาของการตั้งนามปากกาขึ้นอีกนามหนึ่ง สำหรับเขียนนิยายระบายฝัน โดยขอความกรุณาเพื่อนๆช่วยเป็นบรรณาธิการให้ผมด้วยครับ ตรงไหนไม่สมจริงด่าผมทันทีครับ เช่นว่า
	นี่ คุณชูตรา คุณบรรยายรูปร่างนางเอกไม่ชัด ผมคิดว่า ถ้าจะให้ดูสวย เธอน่าจะมีหน้าตา . ทั้งนี้ ผมจะตั้งกระทู้ถามเพื่อนๆเป็นระยะๆ เกี่ยวกับฉาก รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆด้วย เช่น ถ้าเราลงเรือจากท่าพระจันทร์ เรือจะผ่านย่านไหนบ้างครับ? หรือ แถวๆสยามฯ วัยรุ่นชอบไปกินขนม กินอาหารกันที่ร้านไหนบ้างครับ? ดังนี้เป็นต้น ถามรายละเอียดกระทั่งเสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยครับ
	ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่าความฝันให้ฟังเลยแล้วกันครับ ผมคิดจะเขียนเรื่อง ตุลา ตาวัน อันมีเนื้อเรื่องดังนี้
	ตุลา เทิดเวทางค์ เป็นหญิงสาววัยรุ่นผู้ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองเท่าไรนัก ตรงกันข้ามกับพ่อของเธอนายไวทิตย์ ซึ่งเรื่องการเมืองคือลมหายใจ เพราะพี่ชายของไวทิตย์ (ลุงของตุลา) คือหนึ่งในวีรชนซึ่งเสียชีวิตในช่วงวันมหาวิปโยค (๑๔ ถึง ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖) และสาเหตุที่ลูกสาวคนเดียวมีชื่อว่า ตุลา เพราะวันเกิดของเธอ คือวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ครบรอบ ๑๐ ปี ๑๔ ตุลาพอดี
	วันหนึ่ง ตุลาไปร่วมงานวันประชาธิปไตย ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๑๔ ตุลาคมของทุกปี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะต้องทำรายงานส่งอาจารย์ตามหน้าที่ของนักศึกษา จบงานแล้วเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ ลงเรือท่าพระจันทร์กันสนุกสนาน ระหว่างทาง เกิดพายุ ฝนตั้งเค้า มีอุบัติเหตุให้ตุลาตกน้ำ พอดีกับประตูมิติเวลาเปิด สายน้ำเจ้าพระยาพาเธอหวนสู่อดีต ณ ปี พ.ศ. ๒๕๑๒
	เหตุใดต้องเป็นปี พ.ศ. ดังกล่าว? เนื่องจาก เป็นช่วงเวลาที่นิสิต นักศึกษาเริ่มตื่นตัวทางการเมือง ตุลาจะได้เห็นความกระตือรือร้นของคนหนุ่มสาววัยเดียวกับเธอ (ซึ่งในสมัยปัจจุบัน หาดูได้น้อยเหลือเกิน) แหละชายหนุ่มผู้หนึ่งก็จะเข้ามาสู่ชีวิต เขาคือ นายตาวัน สว่างบุญ
	ตาวันเป็นชาวจังหวัดสกลนคร (หนึ่งในพื้นที่สีแดงซึ่งภาครัฐในสมัยนั้น ถือว่า ลัทธิคอมมิวนิสระบาดหนัก) เดินทางมาเรียนกรุงเทพ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ช่วงนั้น ธรรมศาสตร์ยังเป็นมหาวิทยาลัยเปิด)  เขาจึงได้รู้ ได้เห็นความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหงของภาครัฐ รวมทั้งการปราบปรามผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสอย่างโหดเหี้ยม ตาวันคือผู้ค่อยๆจุดประกายความคิดให้ตุลาเห็นว่า การเมืองผูกพันกับวิถีชีวิตของประชาชนอย่างแยกไม่ออก ความสนิทสนมของทั้งสอง ค่อยเป็นค่อยไป น่ารัก หวานชื่น ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองอันเขม็งเกลียวขึ้นทุกที
		จากสภาพสังคมในขณะนั้น รวมถึงภาพต่างๆนานา ตุลาได้เห็นถึงพลังหนุ่มสาว ตระหนักซึ้งถึงการรวมพลังเพื่อร่วมเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย ให้แผ่นดิน ดังนั้น เมื่อกลุ่มนิสิต นักศึกษา ชุมนุมกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอและตาวัน จึงเข้าชุมนุมด้วย พร้อมทั้งอยู่ข้างเคียงกันตลอดเวลา
	เนื่องจากตุลามาจากอนาคต เธอจึงรู้ว่า วันที่ ๑๔ ตุลา จะเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามบอกตาวัน เขาเพียงแค่รับฟังแล้วนิ่งขรึม ในวันที่ ๑๓ ตุลาคมนั้น เมื่อเหตุการณ์ตึงเครียดถึงที่สุด ทั้งสองปรึกษากันว่าจะไม่ถอย ตาวันบอกตุลาว่า อะไรจะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ เราจะสู้อยู่ใกล้ชิดกันเสมอ
	ทว่า เมื่อเกิดการปะทะกันอย่างชุนละมุนนั้น ต่างฝ่ายต่างหากันไม่พบ ความโกลาหลอลหม่านทั่วเมืองสุดจะลำดับภาภได้ (ผมเคยร้องไห้มาแล้ว เมื่ออ่านกวีนิพนธ์ อาทิตย์ถึงจันทร์ ของ ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จึงตั้งปณิธานว่า จะเขียนฉากนองเลือดนี้ให้สมบูรณ์ที่สุด) ตุลาร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เมื่อเห็นเพื่อนคนแล้วคนเล่าล้มลงต่อหน้า (ผมตั้งใจเช่นกันว่า จะให้เธอได้เห็นวีรกรรมของ ท่านจีระ บุญมาก ด้วย)เมื่อเธอมาพบตาวันนั้น เขาถูกยิงบาดเจ็บสาหัส นอนคลุกเลือดอยู่บนพื้นถนน เธอเข้าประคองเขาไว้ในอ้อมแขน พาลงเรือข้ามฟาก ฝ่าห่ากระสุนปืนไปยังโรงพญาบาลสิริราช	
	ตาวันสิ้นใจในวันที่ ๑๕ ตุลาคม วันมหาปิติ เมื่อตุลากระซิบกับเขาทั้งน้ำตาว่า
	ตาคะ ประชาชนชนะแล้ว คุณได้ยินใช่ไหมคะ ประชาชนชนะแล้ว รอยยิ้มอย่างปิติที่สุดในชีวิต ราวดอกไม้สยายกลีบแย้มบานจะปรากฏขึ้น พร้อมประโยคท้ายสุดของเขา
	ตุล อย่าร้องไห้ให้กับการจากไปของผม จงร้องไห้ให้แก่ชัยชนะของพวกเราเถิด คุณโปรดระลึกไว้เสมอว่า ตาวัน ไม่มีวันลับขอบฟ้า ในขณะที่โลกเสี้ยวส่วนซึ่งเราอาศัยอยู่มืดหม่นเพราะย่างเข้าสู่เวลากลางคืน ในโลกอีกเสี้ยวส่วนหนึ่งกำลังย่างเข้าสู่รุ่งอรุณ ตาวัน สว่างบุญ คนนี้ย่อมมีวันดับ ทว่า ดวงตาวันบนฟ้า ไม่มีวันลาโลก วันหนึ่งข้างหน้า หากคุณจะรักใคร จงรักเขา เพราะเขามีความรักชาติ รักประชาชน อยู่ในวิญญาณ์เถิด เขาผู้นั้นแหละ คือ ตาวัน
	ตุลารันทดหดหู่กับการสูญเสียตาวันยิ่งนัก เมื่อคิดถึงภาพสยดสยองวันก่อนเธอก็ยิ่งบีบคั้นในอารมณ์ จนตัดสินใจกระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายเดิมก็พาเธอกลับสู่ปัจจุบันกาล เธอต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาเป็นเวลาหนึ่ง จนหายเป็นปกติ จึงใช้ชีวิตต่อไป ด้วยบุคลิกใหม่ บุคลิกของหญิงสาวผู้รักความยุติธรรม
	นี่แหละครับ ความฝันของผม ผมคิดจะสร้างบ้านหลังใหญ่ ในขณะที่ผมมีเพียงเศษไม้ชิ้นเดียว การเก็บรายละเอียดมาเขียน ถ้าจะทำจริงๆ ผมต้องเข้าหอสมุดปรีดีพนมยง หอสมุดแห่งชาติ รวมทั้งซื้อตำหรับตำราเป็นตั้งๆ ซึ่งผมทำไม่ได้ ขนาดหนังสือชุด ตุลาวรรณกรรม ซึ่งสถาบันวิชาการ มูลนิธิ ๑๔ ตุลา จัดพิมพ์ขึ้น จำนวน ๓๐ เล่ม ผมยังไม่มีสตางค์ซื้อเลยครับ ทั้งหมดจึงเป็นแค่ความฝันเท่านั้น
	ได้ระบายกับเพื่อนๆแล้ว ก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย หากท่านใดเห็นคุณค่าของความฝันนี้ ช่วยการุญแนะนำชูตราด้วยครับ ว่าผมจะสานฝันอย่างไรจึงเป็นจริง
	ทุกวันนี้ ตุลา กับ ตาวัน ยังเต้นอยู่ในความคิดของผมเลยครับ
รักและเคารพเพื่อนๆทุกท่านครับ
ชูตรา				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน