การอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมและศักดิ์ศรีของคนไทยในต่างแดน ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๘ @ในความเชื่อถือของชาวพุทธ การได้เข้าวัดทำบุญ เป็นสิริมงคลแก่ตน และครอบครัว ยิ่งหากได้ไปกราบนมัสการพระพุทธรูป ปิดทององค์พระประธานตามวัดต่างๆ ยิ่งสร้างเสริมความอบอุ่นทางใจมากขึ้นเป็นหลายเท่าทวี โดยเฉพาะวัดที่ประดิษฐานองค์พระธาตุ นับเป็นบุญของคนไทยที่ผืนแผ่นดินของเรา มีแหล่งปูชนียสถานทางประวัติศาสตร์ที่งดงามมีค่าควรเมืองอยู่ทั่วทั้งราชอาณาจักร เพราะประเทศไทยได้สืบสานมรดกอารยธรรมมาหลายชั่วอายุปู่ย่าตายายทวด มหาบรรพชนท่านได้มอบไว้แด่ชาติและพวกเราซึ่งเป็นลูกหลาน เลือดเนื้อเชื้อสายเดียวกัน ไม่ว่าอยู่แห่งใด สำหรับคนไทยที่ต่างต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนไปไกลและนาน การได้รำลึกนึกถึงดินแดนวัดแห่งสุนทรียะ ย่อมเป็นการสร้างกำลังใจที่ดีส่วนหนึ่งค่ะ และเป็นการเน้นย้ำว่า เราคนไทยล้วนมีหัวใจที่มั่นคงต่อชาติและพระศาสนา มิได้มาอยู่ต่างแดนแล้วลืมแผ่นดินเกิด มิได้มีหัวใจที่ตกเป็นทาสทางวัตถุ หรือทิ้งอารยธรรมทางใจอย่างที่ใครประณาม @ ถูกต้องแล้วค่ะ เรื่องการอนุรักษ์มรดกไทย ไม่ว่าเราจะเดินทางไปสร้างตนอยู่อาศัย ณ ที่ใดในโลกก็ตามสิ่งที่เราไม่เคยยอมเปลี่ยนแปลง คือ ความเป็นไทย หรือ ความเป็นคนไท ซึ่งหมายถึงคนอิสระ นับหลายทศวรรษที่คนไทยรุ่นแรกๆเริ่มมีดำริที่สร้างศาสนสถาน และรวมพลังสามัคคีสร้างขึ้นเป็นผลสำเร็จดังที่ทุกคนได้ประจักษ์ทุกวันนี้ วัดวาอาราม ในมลรัฐต่างๆ ปัจจุบันปรากฏภาพศิลปะประจำชาติอย่างเด่นชัด เป็นการจำหลักสถาปัตยกรรมที่รุ่งเรือง และเชื่อว่าเราจะยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ งานศิลปะแกะสลักบานประตูหน้าต่าง พร้อมภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดกำลัง เพิ่มพูนทวีขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาและการทุ่มเทในงานสร้างสรรค์ศิลปะที่เป็นรูปธรรมเหล่านั้น ขึ้นมาแต่ละชิ้น มิใช่ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน การถ่ายทอดจิตวิญญาณของความเป็นคนไท ก็ดำเนินคู่ไปทางด้านภาษาไทยและวัฒนธรรมดนตรีพร้อมศิลปะนาฏกรรมงดงาม และทำอย่างไรให้เยาวชนซึมซับความเป็นไทยไว้อย่างฝังลึก ท่ามกลางการเติบโตในวัฒนธรรมผสมนานาชาติเช่นนี้ มิใช่เรื่องง่ายๆเลยเช่นกัน ทุกฝ่ายต่างต้องร่วมกันฝ่าฟันปัญหาหลากหลายรูปแบบ ต้องระดมความคิดที่สุขุมแยบยล เพื่อจารลิขิตอักขระไทยลงในสายวิญญาณของผู้สืบทอด สิ่งนี้เป็นงานสร้างสรรค์ทางนามธรรมที่ต้องกระทำต่อเนื่อง และวัดคือสรณะ พูดให้สั้นที่สุด คือ พุทธศาสนสถานไทยทุกแห่ง เป็นลานแห่งความหวังงามอลังการ เป็นจุดรวมที่เราร่วมใจกันสร้างไว้เป็นศรัทธานุสรณ์แก่แผ่นดินไทย ซึ่งอยู่ไกล ..แม้ว่าเราสามารถขึ้นเครื่องบินไปถึงได้ในหนึ่งวัน แต่เราก็ยังเป็นคนไทยไกลแผ่นดิน เป็นคนส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทั้งสองฝั่งฟากทวีปโลก เรื่องนี้ มีประเด็นชวนขบคิดที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง คุณรู้สึกอย่างไรบ้างหรือไม่ เมื่อมีคนในบ้านเรายังเรียกคนไทยที่นี่ ที่ใช้ชีวิตในต่างแดนว่า พวกลืมชาติ..พวกไม่รู้คุณศาสนา ทิ้งถิ่นแผ่นดินเกิดหรือหยามหน้าว่าเป็นคนร่อนเร่ไร้รวงรัง...มันเจ็บช้ำน้ำใจมิใช่น้อย จริงหรือไม่เล่าคะ @ แน่นอน เราต้องตีโต้กลับไปทันที ..เรามาอยู่บนแผ่นดินไกล แต่เรามีวัดไทย มีสังคมของคนที่เสียสละตนเพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทยอย่างมั่นคง มีการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย มีการกูลเกื้อสถาบันพระพุทธศาสนา อย่างเหนียวแน่น ไม่มีใครลืมชาติ หรือทิ้งร้างความเป็นไทย และความรู้สึกภาคภูมิในสายเลือดไทยก็มิได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน ถึงแม้จะมีความขัดแย้งทางความคิดในการสร้างโครงการอะไรต่างๆเป็นระยะ ก็ตามที ในที่สุดก็มีจุดปรับความเข้าใจเพราะเจตนารมณ์ของคนทำงานก็มีแนวร่วม แต่ละคนมีอุดมการณ์เพื่อเชิดชูความเป็นไทย ไม่ได้แตกต่างจากกันเลย ทุกฝ่ายต้องพบเรื่องราวความสับสน ทั้งที่คนกลุ่มหนึ่ง ทำ งานโดยไม่มีสินจ้างรางวัล หรือไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใครก็มี และความช่วยเหลือทั้งในเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ กำลังใจที่มอบให้กันล้วนมีค่าเป็นแรงผลักดันให้กัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาหลายๆคนยิ้มอย่างอย่างมีความสุข เมื่อได้ผ่านเรื่องร้ายเรื่องดี ได้เรียนรู้ทางหนีทีไล่ ทางสู้ ทางออก หรือทางหลบก็ดีแต่ในความหมายอันยิ่งใหญ่ ของการรักษาความเป็นคนไท ที่หัวใจไม่ตกเป็นทาสใคร และไม่ยอมให้ถูกกลืนวิญญาณ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เรารู้สึกชื่นชม ในความก้าวหน้าของภาพสังคมไทยในต่างแดนโดยรวม เท่าที่ทำกันมาได้ถึงเท่านี้ แต่กระนั้น สิ่งนี้ก็ยังไม่มากพอ ที่จะลบคำหยันหยาม ว่าเป็นความเห็นแก่ตนที่ทอดทิ้งประเทศชาติ ไม่ได้นำความรู้หรือการศึกษาอันสูงส่งกลับไปเกื้อกูลพูนผล ให้แก่สังคมของไทยที่ห่างไกลและรอคอยคนดีที่มีความรู้ อยู่ด้วยความหวังอันลางเลือนเต็มทนยังมีคนที่ทุกข์ทนและรอคอย ให้มีคนเก่งคนดีเพิ่มกลับคืนไปสู่มาตุภูมิ บ้างเรียกร้องร่ำหาอาลัย และหลายหลากก็เกรี้ยวกราดบริภาษอย่างเคืองแค้น ด้วยถ้อยคำต้องนำมาคิด ไม่ใช่เพื่อการโต้เแย้งทางความคิดเห็น แต่ประเด็นที่สำคัญ เราต้องลงมือกระทำสิ่งใด และอย่างไร เพื่อพิสูจน์ให้ชัดเจนกว่านี้ว่า คนไทยทุกคนในต่างแดน ต่างก็รักชาติศาสนา และเทิดทูนพระมหาประมุขบดีและพระบรมราชวงศ์จักรีอย่างสูงสุดในศรัทธาแห่งความเป็นไทยการเพียรสร้างความรักความสามัคคี เป็นเรื่องหลักที่ทุกฝ่ายต่างพยายามอยู่ ดับเรื่องร้อนแรงลงด้วยเมตตาที่ชุ่มเย็น มองให้เห็นจุดหมายบนเส้นทางไกล..ทางที่เรายังต้องก้าวเดินร่วมกันไปอีกแสนนาน..ไม่ใช่แค่ความคิดชั่ววูบยามว่าง หากแต่เป็นการสร้างงานที่มุ่งมั่นด้วยขันติ ข้ามฝ่ากระแสกาลเวลาและคมเคียวที่เกี่ยวบาดใจหลายร้อยรอยที่มีแผลบาดเจ็บเย็บแผล และลบรอยร้าวแยกเหล่านั้น สมานรวมเป็นเนื้อใหม่ เราคนไทยในต่างแดน ยังมีหน้าที่ต้องทำเพื่อสังคมไทยเพื่อรักษาความเป็นคนไท เชิดชูธงไทยไตรรงค์ ธงมหาราช ธงธรรมจักร และธงแห่งสันติภาพของมวลชนให้สถาพร @ ทราบข่าวมาว่า เพื่อนไทยบางคน อาจมีนาทีที่เหลืออยู่ไม่มากนัก เขากำลังป่วยหนัก แต่ก็ไม่สามารถขยับไปทางใดได้ เขามีห่วงครอบครัว ลูกสาวเล็กกับภรรยาที่ต้องทำงานหนักทั้งที่ไม่มีความรู้ทางภาษาสากล แพทย์ไม่อนุญาตให้ออกจากสถานพยาบาล บำบัดดูแลอย่างคนไข้อนาถาในหัวใจพ่อผู้นั้นเขาปรารถนาเห็นทายาทเติบโตเป็นคนดีมีค่าต่อสังคม แต่เขาอาจไม่เหลือโอกาสที่จะอยู่ดูวันนั้นอีกแล้ว..และในหัวใจร่ำหาการคืนกลับมาตุภูมิ แต่ สิ้นหวังไม่มีทางเป็นไปได้ คุณรู้สึกเศร้าสะเทือนใจลึกๆไหมคะ ..และสภาพเช่นเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับใครอีกกี่คน ..และที่ทุกข์ทนหนักหนาสาหัสกว่านี้ ร่ำรวยรุ่งเรืองก็มี ล้มเหลวก็มากหลาย ทั้งที่พลัดพรากกระจัดกระจายหายสูญ เหตุผลของการดิ้นรนต่อสู้ ของคนไทยบนแผ่นดินไกล ทำงานส่งเงินให้ครอบครัวที่เมืองไทย หาปัจจัยให้ลูกมีการศึกษา อบรมลูกให้รักพ่อแม่ มันผิดมากไหม ที่ต้องเดินทางมาไกลเพื่อทำหน้าที่แก่ครอบครัว ซ้ำต้องตายบนแผ่นดินที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน เพราะว่าเลือกไม่ได้ต่างหาก ปัญญาชนคนไทยไปต่างประเทศเพื่อโอกาสแสวงหาความก้าวหน้าทางวิทยาการมิใช่น้อยมีความสามนารถได้ เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงก้องโลกระดับท็อปเท็น นักเรียนทุนนักเรียนหลวงนำวิชาความรู้กลับมาฟื้นฟูสังคม นักศึกษาทุนส่วนบุคคล อาจโชคดีที่มีทรัพย์นำไปทำทุนต่อทุน เข้าหุ้นทำธุรกิจ เรียนรู้ระบบงานในประเทศพัฒนาแล้ว นับเป็นกำไรชีวิต เป็นโอกาสสร้างความดีงามในการรวมกลุ่มสามัคคีสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่สังคมไทยในต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่แคล้วกลายเป็นคนเร่ร่อน ในสายตาของคนที่มีโลกทัศน์คับแคบและไม่เคยก้าวย่างไปสู่เส้นทางที่กว้างไกล จำเป็นหรือเปล่า ที่คำว่าคนดีศรีแผ่นดิน ต้องอยู่โยงเฝ้าเรือนจนวันตาย มีสิทธิ์ไหม แก่คนดีศรีสังคมที่อุทิศจิตวิญญาณ เพื่อสรรค์สร้างเอกลักษณ์ไทยให้ปรากฏแก่สายตาของชาวต่างชาติ ให้เขารู้ว่า เรามาจากแดนดินที่น่าภาคภูมิผืนใด ลองเข้าไปมองให้ชัดๆในวัดของคนไทย ในดวงตาของเยาวชนสดใสเพียงไหนกับการได้ซึมซับมรดกประจำชาติไทย และในแววตาของคนชราผู้อาวุโส ปลาบปลื้มหรือไม่ ที่บุตรหลานกตัญญูนำมาดูแลรักษาให้มีอายุยืนนานเป็นมิ่งขวัญชีวิต การทำงานสุจริตเพื่อยังชีพ เพื่อธำรงความกตัญญูกตเวทิตา นับเป็นส่วนสำคัญของการอนุรักษ์ประเพณีชาวพุทธไทย ผู้เขียนขอฝากบทความนี้ให้พี่น้องทุกคน ถ้าคุณก็เป็นคนหนึ่งซึ่งมีความภาคภูมิในความเป็นไทย จำไว้ให้มั่นเถิด เราพึงทำหน้าที่ดีที่สุด แม้ฝ่าฟันชะตากรรมบนเส้นทางห่างไกล ก็ดีกว่าคนทรยศคดโกง กัดกลืนกินแผ่นดินตนเอง . (บทความนี้ตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ยอดผลิตแปดพันฉบับ คุณภาพมาตรฐานตลอดระยะเวลาสองทศวรรษจำแนกทั่วมลรัฐต่างๆทั้งทวีปเผยแพร่ที่วัดพุทธไทยและวางจำหน่ายที่ตลาดไทยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ส่งตรงถึงสถานทูตไทยกรุงวอชิงตันดีซีและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่ง พร้อมขึ้นเครื่องบินไทยนำเข้ายังห้องสมุดรัฐสภา)
24 มิถุนายน 2548 18:35 น. - comment id 11128
ผมเห็นด้วยครับ กับสิ่งที่เขียนตรง ข้อความฝากถึง...... ความเป็นไทย และไท ยังมีอีกเยอะ ใน่งแดน
24 มิถุนายน 2548 23:41 น. - comment id 11132
สะท้อนให้เห็นมุมมองที่น่าสนใจดีเดียวค่ะ
25 มิถุนายน 2548 16:22 น. - comment id 11136
บอกด้วยความภาคภูมิใจเสมอค่ะว่า ...ฉันเป็นคนไทย...
26 มิถุนายน 2548 19:44 น. - comment id 11150
ขอบคุณมากค่ะ คุณแม่จิตร คุณภาวิดา คุณน้องเยาว์ และเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามารับชมรับทราบค่ะ และขอขอบคุณเป็นพิเศษ สำหรับ ภาพพระธาตุและรอยพระพุทธบาท ที่ได้รับน้ำใจจากคุณแก้วประเสริฐ เมล์ไปค่ะ มีเพื่อนคนไทยในต่างประเทศจำนวนมาก ที่รู้สึกยินดีชื่นชม เมื่อมีภาพสวยงามลงพิมพ์ (ถึงแม้ว่าเราสามารถหาภาพได้ตามเว็บทั่วไป ก็ไม่ประทับใจเท่ากับมีผู้ส่งไปให้เผยแพร่ค่ะ) นอกจากภาพวัด สถานประวัติศาสตร์ ภาพแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงามของ เมืองไทย ก็เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่รับชมมากค่ะ ขอบคุณในความอารีนะคะ