เข้ามาต่อกลอนหก กันสิคะ

คะน้า

เงียบเหงาไปนานเรื่องต่อกลอน คะน้ารอให้คนอื่นเปิดหัวข้อก็ไม่
เห็นมีใครมาเปิดเอาซะเลย คราวนี้ขอหัวข้อยากขึ้นนิดนะคะที่บอก
ว่ายากก็เพราะแต่ละคนต้องตอบกลอนของคะน้าบทแรกให้ได้ว่า
สิ่งที่ถามมีอะไรบ้างโดยตอบเป็นกลอนต่อกันไปเรื่อย แต่ต้องขอให้
แต่งเป็นกลอนหกไม่ใช่กลอนแปดหรือกลอนเปล่านะคะ
บทแรก.....
                           เอกลักษณ์ของชาติไทย
                           มีอะไรใครรู้บ้าง
                           ที่คงไว้เป็นแบบอย่าง
                           และแตกต่างจากชาติใด				
comments powered by Disqus
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    27 ธันวาคม 2544 23:35 น. - comment id 1879

    ที่แน่แน่คือรอยยิ้ม
    อันเอิบอิ่มสวยสดใส
    ยิ้มสยามนามเกรียงไกล
    ชนทั่วไปให้สมญา
    
  • ม้าก้านกล้วย

    28 ธันวาคม 2544 00:49 น. - comment id 1880

    ประนมมือคือทักทาย
    ประนบไว้ไปทั่วหล้า
    อ่อนน้อมกิริยา
    ส่อภาษาสุภาพชน
  • ศิวะ

    28 ธันวาคม 2544 01:25 น. - comment id 1881

    มันน่าตลกตรงที่ว่าพวกคุณไม่รู้จักฉันทลักษณ์ของกลอนหกกันด้วยซ้ำ คุณยังมีหน้ามาบอกว่ามาต่อกลอนหกกันเถอะอีกเหรอ เอาเป็นว่าเปลี่ยนเป็นต่อนกลอนที่มีหกพยางค์ยังจะฟังดูดีกว่าอีกนะ
  • โคลอน

    28 ธันวาคม 2544 08:05 น. - comment id 1882

    อืม...คุณ ศิวะ คะ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องฉันทลักษณ์ของกลอนไทยเป็นอย่างดีทำไมคุณไม่เปลี่ยนคำพูดข้างบนให้เป็นคำแนะนำคะ คิดว่าน่าจะได้ประโยชน์กว่านี้ ถ้าคุณอยากให้คนรุ่นใหม่เขียนกลอนเป็นก็อย่าเอาแต่จ้องจับผิดกันเลยค่ะ หากมีคำแนะนำอะไรเราพร้อมรับฟังเสมอ
  • โคลอน

    28 ธันวาคม 2544 08:06 น. - comment id 1883

    ขอเวลาไปคิดและศึกษากลอนหกดีๆก่อนนะคะ คะน้าแล้วจะมาร่วมต่อด้วยค่ะ ยอมรับว่าต้องคิดให้ดีขึ้นกว่าเดิม.
  • เมรี

    28 ธันวาคม 2544 08:42 น. - comment id 1884

    มันน่าตลกยิ่งกว่า ที่จะพยายามเอากรอบมาครอบความต้องการของใจ คุณศิวะคงจะลืมเจตน์จำนงค์ของกลอนไป เพราะพยายามเอาฉันทลักษณ์มาครอบสมองไว้มั้ง กลอนคือ คำพูดสวย ๆ ที่กลั่นออกมาจากใจ สำผัสหรือฉันทลักษณ์ เป็นแค่ เครื่องปรุงรสให้กลอนออกมาสละสลวย แค่นั้นเอง
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    28 ธันวาคม 2544 13:37 น. - comment id 1885

    ขอบคุณ   ขอบคุณ   ขอบคุณ
      ขอบคุณ   ที่มี   เมตตา
    กรุณา   มาช่วย   พร่ำสอน
    คำด่า   คล้ายคำ   อวยพร
    แม่สอน   ให้ย้อน   ขอบคุณ
    ขอขอบพระคุณและกราบขออภัย
    ผมไม่มีความรู้ในด้านนี้จริงๆครับ
    ขอคำแนะนำด้วยครับ
    เขียนใหม่แล้วครับไม่ทราบถูกหรือไม่
    ด่าได้ครับ
  • คนนอก

    28 ธันวาคม 2544 14:04 น. - comment id 1886

    เป็นคนนอกแต่อยากบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคุณเมรี เพราะเมื่อคุณจะบอกว่าต่อกลอนหกนั่นคือคุณไปกำหนดฉันทลักษณ์ ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันทลักษน์มาครอบสมอง คุณก็ไม่ควรอ้างฉันทลักษณ์นะคะ
  • เรวีนิติ

    28 ธันวาคม 2544 16:26 น. - comment id 1891

    ขนมต้มใครก็รู้
    เป็นยอดครูไม้มวยไทย
    ประวัติศาสตร์จารึกไว้
    ใครมาไปต่างเยินยอ
    
  • ม้าก้านกล้วย

    28 ธันวาคม 2544 16:48 น. - comment id 1892

    ไม่เห็นด้วยกับใครทั้งนั้น เพียงรู้สึกว่า โดนตบหน้าอย่างแรง ทำไมหรือ การเขียนกลอนขึ้นมาบนเวปนี้ แล้วไม่ถูกต้องฉันทลักษณ์ มันเป็นเรื่องที่ต้องเหยียดหยามประนามกันขนาดนี้เชียวหรือ หาเรื่องกันเกินไปหรือเปล่า รับไม่ได้ และเสียอารมณ์มาก ถ้าเป็นแบบนี้
  • ม้าก้านกล้วย

    28 ธันวาคม 2544 16:50 น. - comment id 1893

    ผมไม่เล่นก็ได้ แต่อยากจะรู้ว่า ศิวะ เป็นใคร หาผลงานอ่าน ก็ไม่มี ขอโทษ ผมไม่ร่วมยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก อวดรู้ว่าเก่ง แต่ไม่เคยแสดงออก 
    พอที ถ้าเวปนี้ มีคนแบบนี้ ผมเขียนไว้อ่านของผมคนเดียว ดีกว่า ลาขาด ล่ะครับ
  • โคลอน

    28 ธันวาคม 2544 16:58 น. - comment id 1894

    อย่าเพิ่งอารมณ์เสียแล้วทิ้งกันไปไหนสิคะ ม้าก้านกล้วย ที่ผ่านมามีนักเขียนเก่งๆหายไปหลายคนรู้สึกเสียดายอยากให้อยู่แต่งกลอนให้พวกเราได้อ่านกันตลอดไปเพราะคนที่คอยติดตามผลงานของนักเขียนที่เก่งๆอย่างม้าก้านกล้วยมีเยอะแยะเลย.เป็นกำลังใจให้นักเขียนทุกคนเสมอค่ะ
  • วฤก

    28 ธันวาคม 2544 17:56 น. - comment id 1896

    ๏ อักษรกลอนกานท์หวานรส
    หว่านพจน์พาให้ใจสันต์
    เสพชื่นรื่นสุขทุกวัน
    แบ่งปันบทขานอ่านกลอน
    
    ใดผิดใดถูกปลูกฝัง
    ฉุดรั้งช่วยกันปั้นสอน
    อย่าเดียดเหยียดให้ใจรอน
    ขอวอนช่วยสร้างทางกวี ๚
  • วฤก

    28 ธันวาคม 2544 18:01 น. - comment id 1897

    ฉันทลักษณ์ของกลอน มีหลักการง่าย ๆ ครับ คือแบ่งช่วงการอ่านเป็นสามช่วง
    
    ถ้าแบ่งคำเป็น ๓ -๒- ๓ .... เรียกกลอนแปด
    ๒ -๒ -๓ ....เรียกกลอนเจ็ด
    ๓ -๓ -๓ ....เรีกยกลอนเก้า
    ดังนั้น ๒ - ๒- ๒ ... จึงเรียกกลอนหกครับ
    
    ถ้าแบ่งอ่านสองช่วงจะเป็นการอ่านแบบกาพย์ครับ
  • วฤก

    28 ธันวาคม 2544 18:02 น. - comment id 1898

    ลองศึกษาฉันทลักษณ์กลอนได้ที่นี่ครับ 
    ฉันทลักษณ์กลอน
    
    แฮ่ม ..คุณม้าก้านกล้วย ...อย่าอารมณ์เสียเลยครับ
    มาสอนน้องเขียนกลอนต่อดีกว่าครับ
  • ศิวะ

    28 ธันวาคม 2544 21:29 น. - comment id 1899

    ผมขอโทษก้อแล้วกันหากทำให้พวกคุณไม่สบายใจ ไอ้ที่มันไม่ถูกจะให้ผมบอกว่าถูกมันคงไม่ได้ มันไม่ใช่วิสัยผม ส่วนคุณจะรู้สึกว่าถูกตบหน้าหรือเปล่า มันเรื่องของคุณ ผมเป็นคนของผมอย่างนี้ ผมไม่ชอบการเสแสร้ง เหตุผลที่คุณหาอ่านกลอนของผมไม่เจอ ก็เพราะผมไม่ชอบการ..
  • ศิวะ

    28 ธันวาคม 2544 21:35 น. - comment id 1900

    เสแสร้ง ผมไม่เคยนำกลอนลงที่นี่ ไม่เป็นสมาชิกที่นี่ เพราะผมไม่อยากให้กลอนของผมไปอยู่ระนาบเดียวกับคำว่าเพราะมากค่ะ ที่อยู่ใต้กลอนที่เด็กป.6อ่านยังตลกหลายอัน ผมมาที่นี่ เพื่ออ่านกลอนของนักเขียนที่ผมชอบบางคน ก็เท่านั้น แต่บางทีมันต้องแสดงความเห็นเพราะมันขัด..
  • ศิวะ

    28 ธันวาคม 2544 21:40 น. - comment id 1901

    มันขัดเกินไป หากคุณยอมรับ ที่จะรับความจริงไม่ได้ มันก็เรื่องของคุณ คุณจะอยู่จะไป มันเรื่องของคุณ ผมว่าไปตามถูกผิด ผมเป็นของผมอย่างนี้ และมันก็เรื่องของผม
  • เรวีนิติ

    28 ธันวาคม 2544 23:34 น. - comment id 1908

    ผมจะมาเพื่อฉีกหนีออกมาจากกฏเกณท์เก่าๆ
    เขาสู่กฏเกณท์ใหม่ที่ผมคิดและเข้าใจใน
    กฏเกณท์ของผมที่ผมตั้งมันขึ้นมาเอง  กลอน
    ของผมไร้รูปแบบแต่งออกมาตามความรู้สึก
    ของอารมณ์ในขณะนั้น
    
    
    ฉีกรูปแบบจำเจแบบเก่าเข้าสู่กฏเกณท์ใหม่ๆ
    ที่มีรูปแบบของตนเองกันดีกว่า  
    
  • เรวีนิติ

    28 ธันวาคม 2544 23:38 น. - comment id 1909

    คุณศิวะอยากตามมาวิจารณ์ก็ได้นะแต่
    วิจารณ์ยังไงก็ไม่ได้เพราะกลอนของผม
    มันมีรูปแบบเฉพาะตัวของผมเองและผม
    ก็ตั้งกฏเกณท์เองที่คุณไม่สามารถหยั่งถึง
    มันได้
    
  • dokkoon

    29 ธันวาคม 2544 08:21 น. - comment id 1917

    เห็นใจคะน้า จัง มีคนทำป่วนมาหลายรอบแล้ว นับถือ วฤก เป็นครู ที่แบ่งปันทางวิชาการเสมอๆ แต่งานกวี เป็นศิลปะ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ผมอ่านทุกแบบ และก็ชอบในแบบของตนเอง  อาจผิดหากใช้รูปแบบมาจับ แต่ศิลปะ หากมีรูปแบบตายตัว คงจะเบื่อน่าดู ใครๆก็เขียนเหมือนกันหมด
  • dokkoon

    29 ธันวาคม 2544 08:24 น. - comment id 1918

    ศิลปะงานกลอนที่นี่ มีหลากหลาย ใครชอบอะไรก็เลือกเสพเอาเอง คงไม่มีใครบังคับให้เสพทั้งหมด อะไรที่ยอมรับไม่ได้ก็อย่าไปอ่านให้เสียอารมณ์เลย เหมือนคนไม่สูบบุหรี่ ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับบุหรี่ นั่นแหละ ที่นี่ไม่เหมาะกับคนชอบตำหนิหรอก หากอยากให้ความรู้ก็ทำแบบ วฤก เถิด
  • ศิวะ

    29 ธันวาคม 2544 15:04 น. - comment id 1930

    หากไอ้ที่ผมพูด ความจริงที่ผมบอกไป แม้มันจะไม่ได้มาจากคำพูดเสนาะหูอันแสนเสแสร้งเสแสร้ง แต่มันก็เป็นความจริง ความจริงที่บอกให้คนรู้ไม่จริงรับทราบ หากมันกลายเป็นว่าผมมาป่วน ผมก็ขอไว้อาลัย
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:35 น. - comment id 1933

    ขอบคุณคุณวกฤมากครับที่แวะมาให้ความรู้ 
    คุณเป็นทั้งครู พี่ และเพื่อน
    
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:37 น. - comment id 1934

    คุณศิวะครับ
     คุณเคยเห็นเด็กๆหัดเดินบ้างไหมครับ
     พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา ต่างปรบมือให้
    พร้อมชมว่าเด็กเก่ง ทั้งๆที่เด็กเดินเป๋ไปเป๋มา
    คุณจะประณามว่าคนเหล่านั้นไม่จริงใจกับเด็กหรือครับ
    
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:39 น. - comment id 1935

    คุณอยากเป็นครู แต่คุณไม่มีวิญญาณครู
    1 คุณน่าจะเข้ามาใช้คำพูดดีดีแต่คุณกลับพูดเยาะเย้ย
    2 คุณเยาะเย้ยแล้วไม่ชี้แนะว่าที่ถูกต้องทำอย่างไร
    3 ผมกล่าวขอโทษและขอบคุณ.แต่คุณไม่สนใจ
    4 ผมยอมรับผิดและทำการบ้านส่งให้คุณ.แต่คุณกลับเฉย
    
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:47 น. - comment id 1936

    คุณเป็นคนดีที่มีปากกับใจตรงกัน
     ใจคิดอย่างไรปากก็พูดเช่นนั้น
    ที่บ้านผมก็มีครับ เวลาไปไหนด้วยกัน
    ผมต้องเอาตระกร้อใส่ปากมันไว้
    
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:49 น. - comment id 1937

    คุณศิวะครับ
    คุณเป็นโรคจิตคุณรู้ตัวหรือเปล่าครับ
    นี้คือขอแนะนำจากหมอ
    1 เวลาคุณจะไปไหนควรสวมตระกร้อไปด้วย
    2 คุณควรทำหมันเสีย คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อพันธุ์
    นี่คือของขวัญปีใหม่จากผม
    จริงใจ-ไมตรีครับ
    
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:53 น. - comment id 1938

    คุณม้าก้านกล้วยครับ
    พวกเรารักคุณครับ
    สัญญานะครับ
    ว่าจะไม่ทิ้งพวกเรา
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 15:59 น. - comment id 1940

    ผมรักบ้านหลังนี้
    รักเพื่อนๆทุกคน
    ผมรู้สึกอบอุ่น
    กับบ้านหลังนี้
    ผมขออภัยที่ใช้คำพูดไม่สุภาพ
    กราบขออภัยครับ
    จริงใจ-ไมตรี
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 16:31 น. - comment id 1941

    ผมกราบขอโทษคุณศิวะครับ
    แม่สอนผมว่า
    มีเพื่อน 500 คนยังน้อยไป
    มีศัตรูคนเดียวมากไปแล้ว
    ผมไม่อยากให้คุณมีศัตรู
    จีงใช้คำไม่สุภาพขอขมาด้วยครับ
    สวัสดีปีใหม่
    จริงใจ-ไมตรีครับ
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 16:35 น. - comment id 1942

    ฝากเพื่อนๆช่วย
    กราบสวัสดีปีใหม่
    คุณแม่ของทุกๆคน
    แทนผมด้วยครับ
    ผมยังกลับไม่ได้ครับ
    รักแม่มากครับกราบครับ
  • สโนว์แมน แดนสโนว์

    29 ธันวาคม 2544 16:45 น. - comment id 1943

    ใครจะด่าผมแบบเปิดเผยก็ได้นะครับ
    แต่ถ้าจะด่าโดยตรงส่งมาที่
    potaram@email.com 
    ผมยอมรับผิดทุกประการครับ
  • ข้าวปล้อง

    30 ธันวาคม 2544 12:02 น. - comment id 1963

    เข้ามาอ่านแล้วน่าใจหายจัง ให้เรื่องมันจบลงเท่านี้เถอะนะ อย่างน้อยพวกคุณก็เหมือนกันอยู่อย่างนึง นั่นก็คือ พวกคุณต่างก็รักในบทกลอน
  • วนา

    1 มกราคม 2545 02:42 น. - comment id 1998

    ไม่อยู่หลายวัน เกิดอะไรขึ้นที่นี่
  • กุเรปัน

    21 มกราคม 2545 20:42 น. - comment id 2245

    เอ่อ....เราจะแต่งดีมั้ยเนี่ย เหตุการณ์ยังไม่ปกติทราบแล้วเปลี่ยน
  • 13

    12 ธันวาคม 2549 08:25 น. - comment id 16132

    ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นปราศจากความเมตตาครับ ต้องเคี่ยวเข็ญ ตัวเอง ต่อสู้และฝ่าฟันอีกหน่อย ทั้งความหมาย โครงสร้าง แะการเป็นส่วนกับสังคม
    
    ขอให้มีพลังครับ
  • 12

    12 ธันวาคม 2549 08:32 น. - comment id 16133

    จงมีควงามหมายในคุณภาพใหม่ มีโครงสร้างในคุณภาพใหม่และเป็นส่วนกับสังคมในคุณภาพใหม่
  • รำคาญ

    16 สิงหาคม 2551 16:19 น. - comment id 21361

    ไม่ตั้งใจจะก่อกวนหรอกนะ  แต่อ่านข้อเขียนของคนชื่อศิวะแล้ว ทำให้เข้าใจพื้นฐานของคนดีขึ้น  การที่จะด่าคนอื่นนั้นทำได้ง่ายมากๆ  เขาจะทำผิดหรือถูกก็เอามาด่าได้  โดยไม่ต้องเปลืองสมองคิด เมื่อว่าคนอื่นผิดแล้วคนชื่อศิวะแนะนำสิ่งที่ถูกต้องได้ไหม  อย่าพูดแค่ว่าไม่อยากมาลงที่นี่ให้เป็นระดับเดียวกับคนที่ท่านไม่พึงประสงค์  ถ้าท่านมีดีจริงก็เอาออกมาอวดคนอื่นให้เขารู้ จะไม่ดีกว่ามาด่าคนอื่นหรือ ให้คนอื่นเขาได้ลงมติว่าท่านแน่จริง  สงสัยจะไม่แน่จริงละมั้ง ดีแต่ว่าคนอื่น แต่ตัวเองก็ทำไม่ได้
  • 5555555555555555

    23 กุมภาพันธ์ 2554 19:35 น. - comment id 23772

    ใครมีกลอนหกเกี่ยวกับธรรมชาติบ้าง54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif54.gif
  • 5555555555555555

    23 กุมภาพันธ์ 2554 19:35 น. - comment id 23773

    กินช่วงกาลจักยืดความมืดมน 
    เมื่อช่วงชนม์ภาคไฟเริ่มใยยอง (มีต่อ)
    ๘. ชั่วเพียงตะวันเปล่งแสงเร่งเร้า 
    หยาดงามเงาก็ถึงวายสลายล่อง 
    น้อยนักจะหาญเปลื้องความเรืองรอง
    เหลือแต่ต้องน้อมรับระยับนั้น
    
    ๙. ฤทธิ์เดชยามพาดผ่านหอมหวานนัก
    หมื่นแสนล้านอุปสรรคหรือจักหวั่น
    กับอำนาจที่คอยหนีบคอยบีบคั้น
    ไพศาลรังสีสั่นหรือทันเทียม
    
    ๑๐. ชีพในโลกถึงแม้นว่าแสนสั้น 
    แต่นานพอโมหันต์จะทันเสี้ยม 
    ไร้เย็นแลสะท้อนแต่ร้อนเกรียม 
    ทั้งหาญเหี้ยมเปี่ยมพลังเกินรั้งลง
    
    ๑๑. ระหว่างทิวาอันตะวันล่อง 
    แทรกผ่านความเรืองรองที่ส่องส่ง 
    คือผัสสะเนื่องนำเป็นจำนง 
    ตั้งดำรงเป็นถวิลแทรกวิญญาณ
    
    ๑๒. ความหลงเลื่อนเยือนสลับสุดนับถ้วน
    กระแสความเรรวนที่ป่วนผลาญ
    คลื่นระลอกความทดท้อทรมาน
    นั้นเนิ่นนานแนบอยู่ไม่รู้จาง
    
    ๑๓. หม่นม่านหมอกต้องสำแดงด้วยแสงส่อง
    จึงใสผ่องรองรับอยู่กับสาง
    หากห้วงจิตล้าเลื่อนอยู่เลือนราง
    จะฝ่าขวางล่วงไปอย่างไรกัน
    
    ๑๔. ถวิลจักจำรัสด้วยรัศมี
    เฉกสุรีย์เปล่งกล้าเกินกว่ากั้น
    เผามารในห้วงอกให้ตกทัณฑ์
    และเผาทิพย์ในฝั่งฝันให้บรรลัย (มีต่อ)
    ๑๕. ละอองเมฆเสกม่านบันดาลหม่น
    ยังอาจป่นแสงระยับหยุดขับไข
    ฤทธิ์เดชแม้นแกร่งเกรียงสักเพียงใด
    คงยากใช่เยี่ยมยอดตลอดกาล
    
    ๑๖. แล้วไยเล่าต้องคอยเลียบคอยเปรียบค่า
    แลตั้งความปรารถนามหาศาล
    เกียรติศักดิ์อักโขอันโอฬาร
    เฝ้าไขว่ควานบนวันที่ผันเวียน
    
    ๑๗. ต้องกี่ศัพท์นับคั่นนะสรรเสริญ
    กี่ยอ-เยิน-ยิน-ยลตราบล้นเลี่ยน
    จึงพอเพียงลดระดับพ้น-อับ -เอียน
    และพอเปลี่ยนแปรปรับพ้น-อับจน
    
    ๑๘. ในระหว่างยามวันของพันแสง
    สร้างความหมายเติมแต่งทุกแห่งหน
    ทั้งแก่นแท้ให้เลือกทั้งเปลือกปน
    สุดแต่ปัญญาตนจักยล-เยือน
    
    ๑๙. รังสีลับกับเนตร..ด้วยเหตุไหน.?
    หรือเหม่อลอยวูบใหญ่จากใจเคลื่อน..!
    ปลายปีกนกโผกระหยับจนลับเลือน
    ที่เบิกเบือนพรับอยู่ฤๅรู้ความ
    
    ๒๐. เชี่ยวนักเหมือนลำน้ำในสำนึก 
    ลากสู่ก้นเหวลึกเกินตรึกข้าม
    พ้นเหลื่อมตะวันแจ้งจะแบ่งตาม
    เพิ่มวาววามผ่องใสแก่นัยน์ตา
    
    ๒๑. จึงเมื่อความเร่าร้อนเริ่มอ่อนฤทธิ์
    และเมื่อความครุ่นคิดเริ่มผิดท่า
    มิอาจต้านแสงลอดที่สอดมา
    จึงรับรู้ความเจิดจ้าในตาวัน. (สดายุ)  
    ธรรมชาติสวยสดงดงามยิ่ง
    เสียงเพราะพริ้งจากปากนกคางคกหนอ
    หรือดอกไม้ลายสวยสดหมดทุกกอ
    น้ำตาคลอปลื้มตินี่และไทย
    
    ทั้งจำปีจำปาหรือหน้าวัว
    ดูท้วนทั่วสวยทั้งหมดอดไม่ได้
    ที่จะถ่ายรูปเก็บเหน็บเอาไว้
    ดูที่บ้านจำเริญใจผ่อนคลายตา
    
    หรือจะเป็นน้ำตกหกลงพื้น
    ดูกลมกลืนใต้พื้นน้ำตามตัวปลา
    หรือจะเป็นสาหร่ายในธารา
    สะท้อนเข้ามาในตาน่าชื่นชม
    
    หรือเงยหน้าเห็นฟ้าใสไปสุดลี้
    และเห็นขี้นกตกใส่ใจขื่นขม
    อยากจะเป็นอิสระดั่งสายลม
    และอยากชมวิวดีดีที่ตะวัน
    
    เมื่อกมหน้าลงน้ำชื่นฉ่ำจิต
    ใจนั้นคิดอยากเป็นปลาว่ายท้าฝัน
    แล้วหันซ้ายชายตามาเห็นผาชัน
    ใจของฉันนั้นคิดซนพ่นสีสเปรย์ (mystagent) 
    มีจุดหมายปลายทางสร้างฝันรัก
    อยากประจักษ์จากสิ่งประวิงหา
    เก็บกอปรเกี่ยวเที่ยวเล่นเช่นนกกา
    สู่ภูผาฟ้าลออเขาค้องาม
    
    ขับรถบึ่งถึงเมืองหล่มที่สมสุข
    มีชุมชุกชอบดีมีมะขาม(หวาน)
    รถไต่เขาเคล้าวิวสวยด้วยถนนงาม
    ทุกโมงยามเยือนชิดติดใจจัง
    
    ถึงเขาค้อรอรักพักสักนิด
    คิดไม่ผิดพามาเยือนเตือนความหลัง
    พระตำหนักเขาค้อลออจัง
    ราชฐานดังดั่งทิพย์วิมานแมน
    
    อนุสรณ์สถานผู้เสียสละ
    เห็นจะจะจากสิ่งหลากมีมากแสน
    ท่องเก็บเกี่ยวเที่ยวกินทั่วดินแดน
    ไม่แร้นแค้นแคลนเคืองเรื่องน้ำใจ
    
    มาสิมา..น้องจ๋าพี่พาเที่ยว
    มากุมเกี่ยวเกาะมือเดินเพลินไฉน
    อากาศหนาวคราวนี้มีอุ่นใจ
    ดูแลให้ด้วยใจพี่นี้ทั้งดวง (กอกก)  
    หมอกโพลนขาว ราวนุ่นปลิว พลิ้วลอยล่อง
    เป็นละออง อวล อบ กลบหว่างเขา
    แสนสดชื่น รื่นกมล มาค้นเอา
    ทุกย่างก้าว เกี่ยวใจ ให้อยากยล
    
    มุ่งหน้าสู่ ภูผา แผ่นฟ้ากว้าง
    ถนนสร้าง สู่ขอบเขา เอาสับสน
    ทางคดเคี้ยว เลี้ยวเลาะ เหมาะใจคน
    จึงดั้นด้น ค้นมา เพื่อหาใจ
    
    เอนตัวไหว ไกวแกว่ง แรงเขวี่ยงกลับ
    พอขยับ กับมาแกว่ง ตามแรงไหว
    โยกข้างซ้าย ย้ายมาขวา หาแรงไกว
    อาเจียนได้ ไม่ยาก เหมือนอยากเมา
    
    ทางสายนี้ มีชื่อห้อย ถนนลอยฟ้า
    ด้วยเพราะว่า วุ่นวน หนทางเขา
    พันสองร้อย สิบเก้าโค้ง โก่งไม่เบา
    ลองเทียบเอา ราวร้อยหก สิบกิโล
    
    แสงอาทิตย์ ชิดขอบเขา แนวราวฟ้า
    แจ่มแสงจ้า มาดินแดน แสนสุขโข
    ทะเลหมอก หยอกภูผา ดูใหญ่โต
    เสียงร้องโห่ ไชโยยล ถนนหัวใจ (กอกก)

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน