27 กันยายน 2553 22:56 น.
บพิตร
ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยดูอ้อยอิ่ง
ริมฝั่งปิงเมืองตากหลากรินไหล
สาดแสงอุ่นกล่อมหล้าก่อนลาไป
หลังแนวไพรขุนเขาเข้าราตรี
ก่อนลาจากฝากแสงอัสดง
ขอบฟ้าโค้งเรืองรองส่องสาดสี
สะท้อนปิงระยิบยับจับฤดี
ชื่นชีวีใกล้ค่ำลำน้ำปิง
สายลมเย็นเฉื่อยฉิวผิวแผ่นน้ำ
คราพลบค่ำพัดไกวไม่หยุดนิ่ง
น้ำ เขา ป่า เป็นหนึ่งได้พึ่งพิง
สรรพสิ่งเอื้อเฟื้อเกื้อหนุนกัน
สิ้นแสงทองลาลับกับขอบฟ้า
หมู่เมฆาลอยเลื่อนเหมือนภาพฝัน
สายแม่ปิงสดชื่นทุกคืนวัน
คู่เขตขันธ์เมืองตากฟากฟ้างาม.
22 กันยายน 2553 22:42 น.
บพิตร
ทีลอซู ทอดสายอยู่พรายพร่าง
เป็นริ้วรางรินหลากจากดอยสูง
ละอองไอโพยพัดจรัสจรุง
คลุมคละคลุ้งพร่างพราวในราวไพร
โถมสาดซัดกัดกร่อนชะง่อนผา
มิอ่อนล้าเดือนปียังรี่ไหล
ห้วยกล้อทอก่อร่างสร้างสายใย
ความยิ่งใหญ่ธรรมชาติสาดสายงาม
ดั่งเงินยวงร่วงรายจากปลายฟ้า
ระเริงร่าเพลิดพลิ้วละลิ่วหลาม
ระลอกคลุ้งหมอกขาวราวฟ้าคราม
วะวาบหวามอุ่นไออิ่มในทรวง
เสียงเรไรบรรเลงเพลงชีวิต
ระรื่นจิตฟังว่าข้าห่วงหวง
ขอผืนป่าดูแลทุกแดดวง
อย่าก้าวล่วงทำร้ายทำลายกัน
มวลแมกไม้เอมอิ่มยิ้มชื่นฉ่ำ
สายฝนพรำกล่อมไพรให้สุขสันต์
หมู่วิหคร่ายลำนำคำจำนรรจ์
ราวภาพฝันให้ยลบนแผ่นดิน
ทีลอซูซัดสาดมิขาดสาย
พร่างพราวพรายพลิ้วไสวอาบไอกลิ่น
เป็นผืนน้ำคู่ป่าคู่ธานิน
ให้ยลยินชื่นจิตนิจนิรันดร์...
21 กันยายน 2553 19:41 น.
บพิตร
งามแม่กลองล่องแก่งแข่งสายน้ำ
ชื่นชุ่มฉ่ำธรรมชาติสะอาดใส
มวลวิหคเริงร้องก้องพฤกษ์ไพร
เสียงเรไรหรีดหริ่งเพราะพริ้งเพลิน
สายน้ำเชี่ยวถาโถมชโลมป่า
ผ่านภูผาเทือกแถวแนวโขดเขิน
ถ้ำผาโหว่แหว่งเว้าเสลาเนิน
ผีเสื้อเหินเล่นลมชมธารา
ทีลอจ่อทอสายอยู่พรายพร่าง
พลิ้วแผ่วบางคือสายรุ้งโค้งคุ้งผา
หยาดละอองนุ่มนวลชวนเพลินตา
มิสาดซ่าเพียงพร่างพรมภิรมย์ไพร
บ่อน้ำร้อนผ่อนคลายสายน้ำอุ่น
นุ่มละมุนอุ่นทรวงข่วงน้ำใส
ธรรมชาติสรรค์สร้างช่างจงใจ
หลั่งรินไหลใสอุ่นมิขุ่นมัว
งามผาผึ้งผาบ่องงามท้องฟ้า
แม้พร่างพร่าเมฆฝนบนฟ้าหลัว
งามผาเลือดนี่หรือชื่อน่ากลัว
ใจระรัวระรอกชลที่วนเวียน
โอ้แม่กลองล่องมาพาให้คิด
ดั่งดวงจิตไม่แน่ย่อมแปรเปลี่ยน
ทุกข์หรือสุขเลือกได้ด้วยความเพียร
คือบทเรียนจากแม่กลองส่องใจตน.
แม่น้ำแม่กลอง อ.อุ้มผาง จ.ตาก
20 กันยายน 2553 11:14 น.
บพิตร
ณ คืนวันอันไร้สุนทรีย์
บทกวีอ่อนหวานมิซ่านจิต
ฟังเพลงรักหนักเหลือเพื่อชีวิต
ดั่งฟ้าปิดคืนเพ็ญไม่เห็นนวล
เสียงนกน้อยขับขานไม่หวานหู
ดังเสียงกู่โอดโอยร้องโหยหวน
เสียงออดอ้อนได้ฟังดั่งคร่ำครวญ
เสียงเชิญชวนเหมือนขับไล่ไร้ไมตรี
บุปผาล้อลมไกวคล้ายเย้ยหยัน
ร่วมใจกันพร้อมหน้ามาเสียดสี
มวลภู่ผึ้งเวียนวนบนมาลี
กางปีกชี้เยาะเย้ยเอ่ยประณาม
สายลมเย็นพัดอ่อนใจร้อนรุ่ม
เมฆเกาะกลุ่มม้วนดำดั่งคำถาม
น้ำตกพลิ้วขาวใสไม่งดงาม
เสียงโครมครามไหลบ่าน่ารำคาญ
ดอกกุหลาบในแจกันนั้นน่าเบื่อ
ช้ำระเรื่อดอกใบไม่อ่อนหวาน
ส่งกลิ่นฉุนขมขื่นไม่ชื่นบาน
ทั้งกิ่งก้านแข็งขืนเหมือนยืนตาย
บทกวีบทเก่าเจ้าเคยหวาน
เมื่อวันวานวันนี้กลับหนีหาย
น่าสงสารบทกวีที่เดียวดาย
หมดความหมายเพียงเพราะใจไร้สุนทรีย์...
๒๐/๙/๕๓
16 กันยายน 2553 19:35 น.
บพิตร
สู่อ้อมกอดขุนเขาร่มเงาไม้
ทางทอดสายยาวไกลใกล้ขอบฟ้า
ลัดเลาะเลี้ยวเนินไศลไพรพนา
เอื้อมมือคว้าหมอกขาวที่พราวพราย
สู่อุ้มผางแดนดินถิ่นอุดม
หยาดฝนพรมโลมไล้ไม่ขาดสาย
ฟ้าโอบดินอิ่มป่าหาเดียวดาย
สื่อความหมายสายสัมพันธ์อันเกื้อกูล
สู่สายน้ำทะเลหมอกระลอกพลิ้ว
ยอดหญ้าปลิวไกวแกว่งท้าแสงสูรย์
สวยสายน้ำงามผืนป่าฟ้าจำรูญ
ความสมบูรณ์ธรรมชาติพิลาศล้ำ
สู่เส้นทางลอยฟ้าคว้าปุยเมฆ
ดั่งมนต์เสกมัดใจให้ชื่นฉ่ำ
ความงดงามอุ้มผางใครสร้างทำ
เกินลำนำคำร้อยรสบทกวี
แสงตะวันอำลาขอบฟ้ากว้าง
ความเวิ้งว้างยาวไกลไร้แสงสี
แสนอิ่มเอมซึมซับกับราตรี
ค่ำคืนนี้กับภาพฝันอันเรืองรอง
ในอ้อมกอดรัตติกาลช่างหวานซึ้ง
ชวนตราตรึงดวงดาวพราวแสงส่อง
เคล้าหรีดหริ่งเรไรใส่ทำนอง
ร่าเริงร้องเพลงไพรในราตรี.