27 พฤษภาคม 2552 15:18 น.
บพิตร
ปีสองห้าห้าสองท้องฟ้าหม่น
ประชาชนบนแผ่นดินสิ้นสุขี
แม่ทัพใหญ่ สามก๊ก วกวนตี
คอยบดบี้ทำศึกคึกคะนอง
อัน ลิ้มก๊ก ใส่เสื้อเหลืองยืนเรียงหน้า
มี มหา เป็นกุนซือเคยชื่อก้อง
มากจอมยุทธบุ๋นบู๊อยู่เป็นกอง
ส่งเสียงร้อง..ออกไป...ไล่พ้นเมือง
ส่วน คูก๊ก สีแดงแรงฤทธา
จอมทัพกล้าอยู่ต่างแคว้นแสนปราดเปรื่อง
มี สามเกลอ กุนซือใหญ่ใช้ทุนเปลือง
มีครบเครื่องเสบียงหนักจักต่อกร
อัน ห้อยก๊ก เปลี่ยนสีได้ไม่แน่นัก
คอยปักหลักที่ราบสูงมุ่งหลอกหลอน
รวมไพร่พลซุ่มมองจ้องบนคอน
คอยยอกย้อนยื้อแย่งแทงข้างหลัง
พลิกตำราพิชัยยุทธเข้ายึดแย่ง
กุนซือแกร่งจอมทัพกล้าหาหยุดยั้ง
เหล่านักรบหลงลมโหมประดัง
ถึงบ้าคลั่งโรมรันประจัญบาน
ประชาชนตาดำดำที่ช้ำหนัก
รุ่มร้อนนักในใจดั่งไฟผลาญ
ทั้ง สามก๊ก ก็คือไทยใยร้าวราน
อกสะท้านอายหนักหนาอายฟ้าดิน!!!
27 พฤษภาคม 2552 09:16 น.
บพิตร
เสียงเรียกร้องโหยหาความเทียมเท่า
ชีวิตเราชายหญิงมิยิ่งหย่อน
เป็นคนกรุงเมืองใหญ่ในภูธร
ต่างสะท้อนศักดิ์ศรีมีเท่ากัน
ความเป็นไปแตกต่างห่างความจริง
จะหาสิ่งเทียมเท่าต้องเข้าฝัน
ที่พบพานคือช่องว่างห่างทุกวัน
มีชนชั้นขีดเส้นเป็นครรลอง
คนร่ำรวยศักดินาค่าสูงส่ง
ยังดำรงสัจธรรมนำสนอง
ใช้เม็ดเงินเหยียบย่างทางปกครอง
เสียงเรียกร้องคนยากไร้ไม่ดึงดัง
ถึงวันนี้ความเทียมเท่าที่เฝ้าฝัน
เรียกร้องกันเป็นจริงสิ่งที่หวัง
โลกรุ่มร้อนถูกทำลายใกล้ผุพัง
ไม่ปิดบังมอบทุกคนบนโลกา.......
26 พฤษภาคม 2552 09:51 น.
บพิตร
@ ทรวดทรงอนงค์นาถ
แลพิลาศพิไลฝัน
นวลเนียนหนึ่งนวลจันทร์
ที่นุ่มน้าวในคืนเพ็ญ
@ นัยน์เนตรที่พริ้งพราย
แลชม้ายชวนไหวเอน
กลิ่นกรุ่นละมุนเย็น
ชวนร้อนเร่าแผดเผาทรวง
@ ปทุมมาศยามแรกแย้ม
ที่ชื่นแช่มชูดอกดวง
เต่งตูมชมพูพวง
ชวนเพ่งพิศติดตรึงตรา
@ กลมกลึงแลผึ่งผาย
ยามกรีดกรายระเริงร่า
หวามจิตชวนนิทรา
สู่แดนสรวง ณ ทรวงนาง..
25 พฤษภาคม 2552 12:40 น.
บพิตร
ณ ห้วงหนึ่งแห่งวันฉันหลับใหล
ด้วยดวงใจโหยอ่อนร้อนลุ่มลึก
ความสับสนเคว้งคว้างความรู้สึก
ความสำนึกว้าวุ่นกับขุ่นมัว
ข่มตาหลับกับเวลาที่คลาคล้อย
ฉันล่องลอยสู่ฝันพลันสลัว
ภาพเลือนลางแห่งฝันนั้นน่ากลัว
ใจระรัวเกรงฝันนั้นเป็นจริง
ภาพของเธอจับจ้องมองหน้าฉัน
เราจบกันลืมได้ในทุกสิ่ง
จากวันนี้ลาไกลไม่พึ่งพิง
อยู่ก็ยิ่งปวดร้าวคงเข้าใจ
เธอหันหลังก้าวเดินเกินทัดทาน
ที่แผ่ซ่านคือเจ็บร้าวราวหม่นไหม้
ที่รินหลั่งคือน้ำตาวันลาไกล
สิ้นเยื่อใยทวนทบจบเส้นทาง
กับคืนวันผันผ่านเนิ่นนานนัก
เคยแน่นหนักมั่นใจไม่เหินห่าง
กับเวลาผ่านไปใยจืดจาง
ต้องลาร้างลืมคืนวันไม่หันคืน
ณ ห้วงหนึ่งแห่งราตรีที่เคลื่อนคล้อย
ฉันเหมือนลอยกลางน้ำช้ำสุดฝืน
กระแสเชี่ยวเกินหยั่งยั้งหยุดยืน
ฉันถูกกลืนจมฝันวันเวลา.
20 พฤษภาคม 2552 13:37 น.
บพิตร
มองหมู่เมฆเคลื่อนคลาเวหาหน
ณ เบื้องบนแลร่างช่างหลากหลาย
เป็นโขดเขาท้องทุ่งแสงรุ้งพราย
ก่อนยักย้ายเปลี่ยนไปในเวลา
เป็นสัตว์ใหญ่สัตว์น้อยคอยหลอกล่อ
บ้างชูคอพุ่มไม้ใหญ่ใบหนา
บ้างโลดแล่นเล่นไปในธารา
ณ ราวฟ้าผ่านจินตนาการ
ตามแรงลมร้อนฝนบนเวหา
ผสมห้วงจินตนามาผสาน
ก่อเรื่องราวรื่นรมย์สมดวงมาลย์
เป็นนิทานตามจิตคิดฝันไกล
หมู่เมฆาเปลี่ยนแปลงแห่งความคิด
ภาพนิมิตแห่งฝันนั่นเป็นใหญ่
ปุถุชนแปรผันนั่นเพราะใจ
ลมฝนไซร้ฤาเปลี่ยนจิตความคิดคน.