27 กุมภาพันธ์ 2552 12:09 น.
บพิตร
ชาติบ้านเมืองวุ่นวายคล้ายยุคเข็ญ
เปิดประเด็นขัดแย้งแบ่งเป็นสี
ปลุกระดมพวกพ้องจ้องโจมตี
ถึงราวีห้ำหั่นขั้นเลือดนอง
ทั่วโลกาเศรษฐกิจติดตกต่ำ
ต่างบอบช้ำถ้วนหน้าพาหม่นหมอง
รัฐบาลทุกประเทศเขตปกครอง
ช่วยพี่น้องแก้ปัญหาสาระวน
บ้างตกงานถูกเลิกจ้างบ้างถูกปลด
อนาคตมองไปให้สับสน
บ้านติดดาวน์ผ่อนไม่หมดทั้งรถยนต์
คงไม่พ้นถูกยึดไปไร้หนทาง
ขอพี่น้องคนไทยใคร่ครวญคิด
ด้วยดวงจิตบริสุทธิ์สุดสว่าง
เอาบ้านเมืองเป็นใหญ่ใจเป็นกลาง
ร่วมกันสร้างสังคมไทยให้รุ่งเรือง
เมื่อขัดแย้งโปรดหันหน้ามาหารือ
จงร่วมมือสานทอให้ต่อเนื่อง
แก้ปัญหาใหญ่น้อยคอยประเทือง
ยึดถือเรื่องส่วนรวมร่วมจิตใจ
ดั่งน้ำปิง วัง ยม ผสมน่าน
กลายเป็นย่านเจ้าพระยาคงคาใหญ่
เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเคียงคู่ไทย
คือสายใยแห่งลุ่มน้ำนำชีวี.
25 กุมภาพันธ์ 2552 14:24 น.
บพิตร
ระยิบยับวับวาวพราวฟากฟ้า
ดวงดาราส่องสว่าง ณ กลางหน
งามสดใสสุกเปรื่อง ณ เบื้องบน
ปุถุชนชื่นชมสมฤดี
ดาวดวงหนึ่งโผลงดงขมิ้น
สร้างมลทินมัวหมองไม่ผ่องศรี
ดาวลอยล่องท่องไปในราตรี
หลงโลกีย์มัวเมาเผาใจกาย
ดงขมิ้นถิ่นผ้ากาสาวพัตร์
ต้องวิบัติแปดเปื้อนเกินเลือนหาย
ดาวดวงนั้นหลงไปในอบาย
ผลสุดท้ายร่วงลับอับแสงลง
ดาวดวงใหม่อาจจุติที่ปลายฟ้า
ส่องแสงมาแม้ใครไม่ประสงค์
เส้นทางธรรมจะสิ้นสุดพุทธองค์
หากยังคงมี เจ้ดาว ในเงาธรรม.
24 กุมภาพันธ์ 2552 14:40 น.
บพิตร
ฉันขออวดของดีที่มีอยู่
ให้โลกรู้ต้องตะลึงถึงผวา
ของของฉันพ่อแม่ท่านให้มา
ใช่บากหน้าขอใครให้มาชม
ชุดที่ใส่มากราคาค่าเป็นแสน
จากต่างแดนซื้อมาน่าเหมาะสม
ทั้งเริดหรูบาดตาน่านิยม
ใยไม่ชมชุดฉันบ้างช่างกระไร
กลับต่อว่าโป๊มากอยากถามนัก
ว่ามันหนักหัวกบาลจึงขานไข
ฉันอยากอวดเรื่องของฉันใช่ของใคร
หรือร้อนในเพราะอิจฉาจึงด่าทอ
เปิดเนื้อหนังมังสามาให้เห็น
น่าถือเป็นบุญคุณค้ำจุนหนอ
นี่ยังดีหัวใจไม่ด้านพอ
จริงจริงก็อยากแก้ผ้ามาซ้ำไป.
20 กุมภาพันธ์ 2552 14:54 น.
บพิตร
@ เหตุใดใยแบ่งข้าง.............ต่างใจ
เกิดร่วมผืนดินไทย...............แผ่นนี้
เคยกินอยู่อาบไอ...................อบอุ่น
ใครบ่งบงการชี้......................จึ่งร้ายใส่กัน
@ วันคืนยืนขุ่นข้อง...............คลางแคลง
เหลืองข่มจมสีแดง..................ป่าวร้อง
สองสีต่างระแวง......................คอยหยั่ง เชิงนา
วันหนึ่งเสียงปืนก้อง...............ร่างล้มจมดิน
@ รินไหลเลือดหลั่งพื้น..........พสุธา
แดงดั่งเดียวกันนา.................ทุกผู้
ชายหญิงเด็กคนชรา...............หาต่าง กันเฮย
โลหิตบอกให้รู้........................แน่แท้สีเดียว
@ เปลี่ยวเปล่าเหงาจิตท้อ......ทบทวน
อยากกลับอยากคืนหวน..........ก่อนนี้
ทุกข์สุขร่วมใคร่ครวญ.............คิดอ่าน
คอยช่วยชวนบอกชี้................สู่ห้วงหฤหรรษ์..!
20 กุมภาพันธ์ 2552 08:38 น.
บพิตร
กัมมุนา วัตตะตี โลโก
เนิ่นนานโขภาษิตพุทธสุดลึกล้ำ
ว่า สัตว์โลก ย่อมเป็น ไปตามกรรม
ใครสร้างทำสิ่งใดให้สังวร
กัมมัสสะ กะตา สัทธา
ความเชื่อว่ากฎแห่งกรรมทำมาก่อน
เหล่าสัตว์โลกติดตัวมาอย่าอุทธรณ์
ต้องตอบย้อนส่งผลไม่พ้นเลย
เคยก่อกรรมทำผิดอดีตชาติ
คงมิอาจล้างกรรมทำเมินเฉย
หรือชาตินี้สร้างกรรมทำจนเคย
จะเปิดเผยหรือซ่อนเร้นไม่เว้นวาง
กรรมติดตัวไม่พ้นของตนเอง
แม้คร่ำเคร่งแก้ไปให้เหินห่าง
หามีใครหลีกพ้นบนเส้นทาง
มิอาจล้างได้หมด กฎแห่งกรรม