6 พฤศจิกายน 2550 16:13 น.
บพิตร
สมาชิกหญิงชายในบ้านนี้
ล้วนกวีเก่าใหม่ได้พบหน้า
มีมากมายเกินจับนับคณา
อยู่ทั่วฟ้าเมืองไทยได้พบกัน
ล้วนชื่นชอบบทกวีมีหลากหลาย
เล่นลวดลายตัวอักษรซ่อนเชิงชั้น
เป็นกลอนกาพย์ร่ายโคลงส่งสัมพันธ์
บ้างเป็นฉันท์ล้วนสูงค่าภาษาไทย
มีเรื่องรักอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง
มีเรื่องซึ้งพรรณนาน้ำตาไหล
มีเรื่องเศร้าโหยอ่อนสะท้อนใจ
มีเรื่องใครบางคนบนโลกา
บ้างผูกมิตรติดตามความใฝ่ฝัน
บ้างคุยกันเรื่องเก่าเฝ้าค้นหา
บ้างตัดพ้อน้อยใจในโชคชะตา
บ้างต่อว่าพร่ำบ่นถึงคนไกล
บ้างเสียดสีสังคมตรมดวงจิต
บ้างชวนคิดนำปัญหามาแก้ไข
บ้างชื่นชมความงดงามตามพฤกษ์ไพร
บ้างห่วงใยความเป็นอยู่แห่งผู้คน
บ้านกวีต้อนรับด้วยนับถือ
ให้เลื่องลือกวีไทยไปทุกหน
เชิญร่วมมาสร้างสรรค์ทุกชั้นชน
ให้เปี่ยมล้นเอกลักษณ์อักษรไทย.
6 พฤศจิกายน 2550 11:50 น.
บพิตร
สายฝนพรำฉ่ำฟ้าลาวสันต์
กลิ่นเหมันต์พัดพามาผสาน
หนาวจะเริ่มฝนจะลามาตามกาล
ความผันผ่านเปลี่ยนแปลงแห่งเวลา
คืนเหน็บหนาวเคล้าฝนหม่นหมองจิต
ในนิมิตหลับฝันขวัญผวา
เห็นตะเข้ตัวใหญ่เคลื่อนไคลคลา
เผชิญหน้าปลาไหลอ้วนชวนแปลกใจ
แสนงุนงงสองสัตว์หาขัดเขิน
เข้าหยอกเอินเกี้ยวพาน่าสงสัย
ผูกสัมพันธ์สมสู่ดูเป็นไป
กลางบึงใหญ่ครื้นเครงเพลงรักบาน
อีกฟากฝั่งพญานาคอยากสู่สม
วังน้ำยมเย็นใสใคร่ประสาน
ขอผูกพันมั่นไว้ให้แสนนาน
วันผันผ่านจะไม่ร้างห่างไมตรี
ส่วนผู้เฒ่าหลงคารมชมหลานรัก
ว่าประจักษ์ความปรองดองไม่หมองศรี
สุดท้ายหลานกลับทำช้ำฤดี
หลบหลีกหนีซบปลาไหลให้อกตรม
สะดุ้งตื่นคืนฝันร้ายเมื่อปลายฝน
เสียงผู้คนโวยวายคล้ายขื่นขม
เสียงตะโกนอย่าทำลายให้ล่มจม
เสียงระงมว่าการเมืองเรื่องหลอกลวง.
5 พฤศจิกายน 2550 11:52 น.
บพิตร
ใครขีดเส้นกำหนดบทชีวิต
ใครลิขิตเส้นทางให้ย่างก้าว
ใครบอกว่าไปให้ถึงซึ่งดวงดาว
ใครบอกกล่าวที่ปลายฟ้าน่าภิรมย์
ฉันดั้นด้นเดินทางสร้างชีวิต
ฉันตั้งจิตมุ่งมั่นหมั่นสร้างสม
ฉันฟันฝ่าขวากหนามอันแหลมคม
ฉันเคยตรมแต่มิท้อต่อสู้มา
เธอคือผู้จุดไฟให้ความหวัง
เธอเหมือนดังดาวพรายที่ปลายฟ้า
เธอคือเพื่อนร่วมทางสร้างชีวา
เธอคือแสงส่องหล้าวันพร่ามัว
ใยเวลาเปลี่ยนไปไม่เที่ยงแท้
ใยผันแปรหมุนไปไม่คงที่
ใยความหวังความฝันอันเคยมี
ใยสุขีช่างแสนสั้นพลันจบลง
ไม่เหลือซากความดีที่เคยฝัน
ไม่มีวันสมหวังดังประสงค์
ไม่อาจเป็นเช่นที่หมายตั้งใจจง
ไม่อาจคงความฝันฉันและเธอ.
1 พฤศจิกายน 2550 09:13 น.
บพิตร
@ กว้างใหญ่วิไลฟ้ามหานคร
หอบเสื่อสาดมุ้งหมอนมาแต่ไหน?
สู่กรุงมุ่งหวังความตั้งใจ
คือสิ่งใดหนอเจ้าที่เข้ามา
หรือบ้านเกิดยากแค้นขัดสน
จึงดั้นด้นเดินทางไกลไม่ชักช้า
จากบ้านเกิดถิ่นเคยอยู่อู่ข้าวปลา
ทางข้างหน้าในเมืองใหญ่ใครบอกกัน
หรือแสงสีเมืองหลวงทวงถามเจ้า
คอยยั่วเย้านี่คือทางสร้างสวรรค์
มิเคยหลับเริงรื่นทั้งคืนวัน
เจ้าเคยฝันทุกสิ่งมีที่กรุงไกร
ตึกรามสูงเสียดฟ้าน่าสัมผัส
เส้นทางลัดลอยฟ้าน่าชมไหม?
มุดลงดินก็มีสร้างทางรถไฟ
โรงงานใหญ่รอรับเจ้าเข้าทำงาน
@ ตัดสินใจลาพี่น้องล่องเข้ากรุง
ความฝันฟุ้งเปี่ยมหวังดังกล่าวขาน
สมคำลือนึกไม่ถึงตะลึงลาน
สูงตระหง่านตึกระฟ้าน่าชื่นชม
คนมากมายยื้อแย่งมาแข่งขัน
ทุกคืนวันเหงาหงอยพลอยขื่นขม
หลับตาลงคราใดให้ตรอมตรม
เอนกายล้มนอนผวาทุกคราคืน
ล้วนแปลกหน้าผู้คนบนทางกว้าง
เหมือนเวิ้งว้างกลางทุ่งใหญ่ไม่อาจฝืน
เมืองยิ่งใหญ่ใยไม่มีที่ให้ยืน
ที่หยิบยื่นคือยุ่งยากอย่างเยือกเย็น
กับหมอนมุ้งที่ซุกกายใต้ตึกสูง
เคยหมายมุ่งสุขสบายไร้ทุกข์เข็ญ
ความเป็นจริงคือยากแค้นแสนลำเค็ญ
ขอหลบเร้นอายหน้ามหานคร.