21 พฤศจิกายน 2550 13:40 น.
บพิตร
ขอก้มกราบพ่อขุนรามฯนามกระฉ่อน
ลูกเดือดร้อนไร้สุขทุกข์หนักหนา
สั่นกระดิ่งขอพระองค์ทรงเมตตา
รับรู้ว่าคนจัญไรทำไม่ดี
ภาษาไทยองค์พ่อขุนฯทรงครุ่นคิด
ทรงประดิษฐ์อักษรไทยให้น้องพี่
ผ่านมาแล้วเจ็ดร้อยกว่าขวบปี
เป็นศักดิ์ศรีเอกลักษณ์ประจักษ์ใจ
เหล่าลูกหลานเรียนรู้ชูเชิดหน้า
ทั่วโลกาเห็นงดงามความยิ่งใหญ่
แห่งภาษาที่โดดเด่นความเป็นไทย
พ่อรู้ไหม? มีคนนำมาย่ำยี
รัดทำมะนวย หัวคูน ขุ่นข้องนัก
อ่านตามหลักคำผวนชวนหมองศรี
นี่หรือคนอยากเป็นใหญ่ในบุรี
ทำป่นปี้หมดความงามทำหมองมัว
ตั้งชื่อหนังอวดศักดาข้าฯนี้เก่ง
น่าครื้นเครงเรื่องดี ผีกระชากหัว
คนทั้งเมืองยินชื่อหนังยังหวาดกลัว
คนคิดชั่วซ่อนสิ่งใดในใจตน
กราบพ่อขุนฯ อย่าวางเฉยเลยพ่อท่าน
คนสามานย์ทำไทยให้หมองหม่น
จงลงโทษลงทัณฑ์มันทุกคน
อย่าให้พ้นเวรกรรมที่ทำเอย.
21 พฤศจิกายน 2550 12:05 น.
บพิตร
โถ! มนุษย์อวดดีข้านี้เก่ง
คิดเอาเองบอกใครให้หลงเชื่อ
เล่นพูดเองเออเองเก่งเหลือเฟือ
ว่าตนเหนือกว่าคนอื่นขอยืนยัน
โถ! มนุษย์หลงตัวมั่วว่ารู้
ไม่อดสูน่าละอายเที่ยวขายฝัน
บ้างโอ้อวดจะสร้างสุขทุกคืนวัน
จงเชื่อฉันแน่กว่าใครในโลกา
โถ! มนุษย์ที่แท้แค่ลมปาก
ยิ่งพูดมากทำน้อยยิ่งด้อยค่า
พูดไปแล้วทำไม่ได้ไร้ราคา
จะด้านหน้าทนอดสูอยู่อย่างไร
โถ! มนุษย์สุดท้ายตายเพราะปาก
ต้องทุกข์ยากเพราะวาจาที่ว่าไว้
ปากเป็นนายกายเป็นบ่าวจงเข้าใจ
พูดออกไปแล้วไม่ทำจะช้ำทรวง.
20 พฤศจิกายน 2550 11:39 น.
บพิตร
เพลงกระทงหลงทางดังหวานแว่ว
ช่างพราวแพรวคำคมไม่สมรัก
เหมือนเป็นลางสังหรณ์ร้อนใจหนัก
เศร้ายิ่งนักเพราะกระทงเจ้าหลงทาง
ลอยกระทงหมายเพียงเสี่ยงทายคู่
ว่าจะอยู่เคียงกันไปไม่เหินห่าง
หรือวันหน้าเหลือเพียงฝันอันเลือนลาง
ต้องเลิกร้างลาไกลไม่ยืนยาว
แม่คงคาคงเศร้าเหงาดวงจิต
แนวความคิดเปลี่ยนแปลงแห่งหนุ่มสาว
เคยขอบคุณขอขมาคืนฟ้าพราว
ลืมเรื่องราวความเป็นมาค่าแท้จริง
ขอพระแม่คงคาอย่าหมองเศร้า
คนโง่เขลาหลงทางไปในบางสิ่ง
กระทงลอยยังทรงค่าอย่าประวิง
คนเย่อหยิ่งหลงทางไปใช่กระทง.
15 พฤศจิกายน 2550 10:31 น.
บพิตร
@ ลอยกระทงบ่งชี้...............ศรัทธา
หมายมุ่งขอขมา.........................แม่น้ำ
ขอบคุณแม่คงคา.......................เอมอิ่ม ใจนา
อาบเล่นเป็นสุขล้ำ.....................หล่อเลี้ยงชีวี
@ ยี่เป็งเพ็ญส่องหล้า..........สุกใส
งามเด่นแสงนวลใย...................ทั่วคุ้ง
ประทีปเปล่งรำไร.......................เรืองเรื่อ
หอมกลิ่นธูปเทียนฟุ้ง..................ทั่วท้องชลธาร
@ ขับขานเสียงแว่วร้อง........รำวง
เดือนสิบสิงน้ำทรง.......................นิ่งแล้ว
เริงรื่นชื่นใจจง............................คงมั่น
เสริมส่งให้เพริศแพร้ว................ร่วมสร้างสิ่งดี
@ งามสีแสงแห่งห้วง............เทศกาล
สืบต่อเป็นตำนาน........................เนิ่นช้า
อนุชนร่วมสืบสาน.......................คงอยู่
เคียงคู่ไทยคู่หล้า.........................ชั่วฟ้าดินสลาย
12 พฤศจิกายน 2550 11:59 น.
บพิตร
เห็นเนื้อย่างวางบนเตาเคล้ากลิ่นหอม
นั่งรุมล้อมรอบเป็นวงส่งเสียงใส
ถือตะเกียบพลิกเนื้อย่างกลางเตาไฟ
น้ำลายไหลมองน้ำจิ้มยิ้มในทรวง
น้ำอัดลมเบียร์เหล้าเข้ามาตั้ง
น้ำแข็งถังพร้อมโซดาอย่าเป็นห่วง
ต่างสรวลเสสุขแท้ทุกแดดวง
อย่าทิ้งช่วงให้เตาว่างย่างให้พอ
หยิบเนื้อย่างวางบนเตาเผาไฟร้อน
เนื้อนิ่มอ่อนย้อนนึกไปใจเหี่ยวห่อ
เจ้ายืนนิ่งในโรงฆ่าน้ำตาคลอ
ปลายมีดจ่อแทงหลอดลมจมเลือดกอง
คงเจ็บปวดรวดร้าวคราวถูกฆ่า
สองตาพร่าอ้าปากอยากกู่ร้อง
แต่สิ้นแรงหมดกำลังเลือดหลั่งนอง
มีดคมจ้องเถือหนังเนื้อเหลือทานทน
เคยใช้แรงช่วยทำงานมานานเนิ่น
ใช้งานเกินหนักเพียงใดไม่เคยบ่น
พอหมดแรงช่างกระไรน้ำใจคน
ผลักไสพ้นสู่โรงฆ่าไม่อาลัย
หยิบเนื้อย่างลงจากเตาเฝ้าครุ่นคิด
หม่นหมองจิตกลัวบาปกรรมนำพาให้
เพียงความอยากคนนั้นเล่าเจ้าสิ้นใจ
ต่อนี้ไปเลิกกินเนื้อเพื่อห่างกรรม.