22 กุมภาพันธ์ 2550 11:34 น.
บพิตร
ถูกประณามต่อว่าหน้าไม่อาย
ทำใจหายขอรับผิดคิดไม่ถึง
อ่อนต่อโลกลืมครวญใคร่ไม่คำนึง
อย่าโกรธขึ้งถือสาว่าหนูเลย
ด้วยหลงผิดคิดน้อยด้อยสำนึก
ไม่ตรองตรึกพลาดพลั้งไปใคร่เฉลย
เพียงอยากเด่นมีชื่อก้องพี่น้องเอย
จึงขอเอ่ยคำขอโทษอย่าโกรธเคือง
หลงมายาจนพร่ามัวกลัวไม่เด่น
สร้างจุดเน้นให้ติดตาพาลือเลื่อง
ทุกแห่งหนคนกล่าวขานกันทั้งเมือง
นามกระเดื่องอยู่แถวหน้าดาราไทย
สร้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่ครุ่นคิด
ญาติสนิทพลอยมีหน้าอย่าสงสัย
อาจเด่นดังถึงต่างแดนแสนสุขใจ
ความยิ่งใหญ่พร้อมเงินทองต้องเทมา
ความผิดพลาดคราวนี้หนูขอโทษ
ขอจงโปรดให้อภัยไม่ถือสา
จะไม่มีครั้งต่อไปให้สัญญา
ขอเมตตาหนูสักครั้งดังแล้วค่ะ!
21 กุมภาพันธ์ 2550 15:01 น.
บพิตร
@ กุหลาบสวยในมือนี้ที่เหี่ยวย่น
เส้นปูดโปนคือรอยริ้วความหิวโหย
หน้ากร้านแดดผิวพรรณนั้นร่วงโรย
ไม่โอดโอยขอใครกินให้หมิ่นทรวง
@ ก่อนรุ่งสางวาเลนไทน์ยายจัดแต่ง
กุหลาบแดงมีคุณค่าน่าแหนหวง
ผูกโบว์สวยเพิ่มความรักจากแดดวง
เดินก้าวล่วงออกจากบ้านสู่ย่านเมือง
@ เห็นหนุ่มสาวเดินเป็นคู่ดูน่ารัก
แจ้งประจักษ์วันสำคัญอันลือเลื่อง
กุหลาบแดงแทนดวงใจให้ประเทือง
คอยหนุนเนื่องบอกรักแท้ให้แก่กัน
@ มือเหี่ยวย่นยื่นขายกุหลาบสวย
ขอจงช่วยซื้อเถิดหนาอย่าไหวหวั่น
ยังสีสวยสดใสไม่ข้ามวัน
มือที่สั่นเพราะแก่วัยใกล้ชรา
@ เดินทั้งวันขายไม่ได้ใจห่อเหี่ยว
แม้ดอกเดียวก็ไม่มีที่ซื้อหา
เพียงสิบบาทดอกไม่แพงแข่งราคา
แต่คุณค่าแทนดวงใจได้แน่นอน
@ ผ่านห้างใหญ่คนพลุกพล่านเสียงขานไข
มองเข้าไปกุหลาบงามกำสลอน
ขายเป็นร้อยซื้อเกลี้ยงไม่เกี่ยงงอน
ยายทอดถอนทรุดกายนั่งริมทางเดิน
@ มองกุหลาบในมือเริ่มเหี่ยวเฉา
นั่งซึมเศร้าน้ำตาไหลไม่อายเขิน
วาเลนไทน์ปีไหนไหนไม่เพลิดเพลิน
ยายดุ่มเดินพร้อมดอกเหี่ยวอย่างเดียวดาย.
15 กุมภาพันธ์ 2550 13:45 น.
บพิตร
@ อยากเด่นดังเป็นดาราน่าอดสู
มีความรู้แต่จิตใจช่างไร้ค่า
แต่งกายโป้อวดรูปร่างหวังติดตา
บ้างทำท่าผ้าหลุดร่นบนเวที
@ เผยอกตูมแหวกผ้าโชว์ขาอ่อน
ใช้ผ้าผ่อนเพียงน้อยนิดปิดเป็นที่
เชิดหน้าเดินเอมอิ่มปริ่มฤดี
ระริกรี้ด้วยดวงใจไร้อาทร
@ บนเส้นทางชีวิตที่คิดได้
น่าเสียดายสวยหนักหนาปัญญาอ่อน
ไม่คำนึงถึงพี่น้องร่วมอุทร
ทั้งบิดรมารดาปิดหน้าเดิน
@ ไร้สำนึกยางอายคล้ายคนป่า
โลกมายาปิดบังให้ไม่ขวยเขิน
ยังเชิดหน้าเยื้องย่างอย่างเพลิดเพลิน
หรือเพราะเงินคือความหวังมาบังตา
@ มวลหมู่ญาติพี่น้องต้องหมองหม่น
อายผู้คนที่รู้จักเป็นหนักหนา
ความสวยงามที่เคยชมสมหน้าตา
ต้องไร้ค่าเพราะโง่งมเกินข่มใจ.
15 กุมภาพันธ์ 2550 09:27 น.
บพิตร
@ ใครรักใครใคร่รู้............จริงจัง
พ่อแม่รักจีรัง.......................เที่ยงแท้
มวลมิตรพี่น้องยัง.................อาจเปลี่ยน แปรนา
คนอื่นบอกรักแท้..................แน่แล้วลมลวง
@ รักใดยิ่งใหญ่เท่า.............พ่อแม่เจ้าเฝ้าห่วงหวง
มอบให้ใจทั้งดวง....................ปัดทุกข์ร้อนให้ผ่อนคลาย
ลูกสุขพ่อแม่สุข........................ยามลูกทุกข์ไม่หนีหาย
เจ็บไข้ไม่สบาย.......................หาหยูกยามาบรรเทา
พี่น้องร่วมอุทร........................บ้างผัดผ่อนตอนหงอยเหงา
ภาระมารุมเร้า........................ก็เหินห่างอย่างคนไกล
เพื่อนฝูงหวังพึ่งพิง..................หายากยิ่งคนจริงใจ
เพื่อนกินพอหาได้..................แต่เพื่อนตายอย่าหมายมี
คนอื่นบอกรักแท้....................มั่นคงแน่ไม่หน่ายหนี
คงเป็นเช่นวจี........................ผ่านลมปากยากเป็นจริง.
7 กุมภาพันธ์ 2550 13:21 น.
บพิตร
@ เหลืองอร่ามสนามบอลสะท้อนภาพ
ให้ซึมซาบความเป็นหนึ่งพึงประสงค์
ดุจใจเดียวหมายให้ไทยดำรง
ความมั่นคงพร้อมใจไม่ผันแปร
@ เด็กผู้ใหญ่ชายหญิงมิยิ่งหย่อน
ถึงหนาวร้อนเพียงใดไม่แยแส
ดูกีฬาเป็นกีฬาตั้งตาแล
ชนะแพ้เกิดขึ้นได้ไม่ว่ากัน
@ ส่งแรงเชียร์แรงใจให้กึกก้อง
ส่งเสียงร้องรวมพลังดังสนั่น
ธงไตรรงค์โบกสะบัดรัดสัมพันธ์
ด้วยยึดมั่นมีน้ำใจให้กีฬา
@ หลังจบเกมพ่ายแพ้แม้ขื่นขม
ลูกกลมกลมเกิดขึ้นได้ใครไม่ว่า
สุดฝีมือเต็มกำลังสั่งสมมา
ใครเก่งกว่าย่อมคว้าชัยไปชื่นชม
@ ณ สภาหินอ่อนอันทรงเกียรติ
เขาแย่งเบียดเข้าไปนั่งดั่งใจสม
เป็นผู้แทนปวงชนคนนิยม
ทั้งคารมท่วงท่าน่าวางใจ
@ บริหารงานบ้านเมืองคือเรื่องหลัก
มินานนักกลับออกลายหายโปร่งใส
ผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนความใน
เห็นแก่ได้เพื่อพวกพ้องน้องลูกเมีย
@ พอจับได้ไล่ทันให้ครั่นคร้าม
ปากยังพล่ามว่าตนดีไม่มีเสีย
คลื่นใต้น้ำบนดินไหม้ไฟลามเลีย
แสนละเหี่ยปากรักชาติใจฟาดฟัน
@ ขอเชิญชวนผู้มีเกียรติไปเบียดนั่ง
รวมพลังดูกีฬาอย่าไหวหวั่น
สวมเสื้อเหลืองเป็นคนไทยพร้อมใจกัน
ทิ้งชนชั้นศักดินาข้าฯคือไทย.