20 พฤศจิกายน 2550 11:39 น.
บพิตร
เพลงกระทงหลงทางดังหวานแว่ว
ช่างพราวแพรวคำคมไม่สมรัก
เหมือนเป็นลางสังหรณ์ร้อนใจหนัก
เศร้ายิ่งนักเพราะกระทงเจ้าหลงทาง
ลอยกระทงหมายเพียงเสี่ยงทายคู่
ว่าจะอยู่เคียงกันไปไม่เหินห่าง
หรือวันหน้าเหลือเพียงฝันอันเลือนลาง
ต้องเลิกร้างลาไกลไม่ยืนยาว
แม่คงคาคงเศร้าเหงาดวงจิต
แนวความคิดเปลี่ยนแปลงแห่งหนุ่มสาว
เคยขอบคุณขอขมาคืนฟ้าพราว
ลืมเรื่องราวความเป็นมาค่าแท้จริง
ขอพระแม่คงคาอย่าหมองเศร้า
คนโง่เขลาหลงทางไปในบางสิ่ง
กระทงลอยยังทรงค่าอย่าประวิง
คนเย่อหยิ่งหลงทางไปใช่กระทง.
15 พฤศจิกายน 2550 10:31 น.
บพิตร
@ ลอยกระทงบ่งชี้...............ศรัทธา
หมายมุ่งขอขมา.........................แม่น้ำ
ขอบคุณแม่คงคา.......................เอมอิ่ม ใจนา
อาบเล่นเป็นสุขล้ำ.....................หล่อเลี้ยงชีวี
@ ยี่เป็งเพ็ญส่องหล้า..........สุกใส
งามเด่นแสงนวลใย...................ทั่วคุ้ง
ประทีปเปล่งรำไร.......................เรืองเรื่อ
หอมกลิ่นธูปเทียนฟุ้ง..................ทั่วท้องชลธาร
@ ขับขานเสียงแว่วร้อง........รำวง
เดือนสิบสิงน้ำทรง.......................นิ่งแล้ว
เริงรื่นชื่นใจจง............................คงมั่น
เสริมส่งให้เพริศแพร้ว................ร่วมสร้างสิ่งดี
@ งามสีแสงแห่งห้วง............เทศกาล
สืบต่อเป็นตำนาน........................เนิ่นช้า
อนุชนร่วมสืบสาน.......................คงอยู่
เคียงคู่ไทยคู่หล้า.........................ชั่วฟ้าดินสลาย
12 พฤศจิกายน 2550 11:59 น.
บพิตร
เห็นเนื้อย่างวางบนเตาเคล้ากลิ่นหอม
นั่งรุมล้อมรอบเป็นวงส่งเสียงใส
ถือตะเกียบพลิกเนื้อย่างกลางเตาไฟ
น้ำลายไหลมองน้ำจิ้มยิ้มในทรวง
น้ำอัดลมเบียร์เหล้าเข้ามาตั้ง
น้ำแข็งถังพร้อมโซดาอย่าเป็นห่วง
ต่างสรวลเสสุขแท้ทุกแดดวง
อย่าทิ้งช่วงให้เตาว่างย่างให้พอ
หยิบเนื้อย่างวางบนเตาเผาไฟร้อน
เนื้อนิ่มอ่อนย้อนนึกไปใจเหี่ยวห่อ
เจ้ายืนนิ่งในโรงฆ่าน้ำตาคลอ
ปลายมีดจ่อแทงหลอดลมจมเลือดกอง
คงเจ็บปวดรวดร้าวคราวถูกฆ่า
สองตาพร่าอ้าปากอยากกู่ร้อง
แต่สิ้นแรงหมดกำลังเลือดหลั่งนอง
มีดคมจ้องเถือหนังเนื้อเหลือทานทน
เคยใช้แรงช่วยทำงานมานานเนิ่น
ใช้งานเกินหนักเพียงใดไม่เคยบ่น
พอหมดแรงช่างกระไรน้ำใจคน
ผลักไสพ้นสู่โรงฆ่าไม่อาลัย
หยิบเนื้อย่างลงจากเตาเฝ้าครุ่นคิด
หม่นหมองจิตกลัวบาปกรรมนำพาให้
เพียงความอยากคนนั้นเล่าเจ้าสิ้นใจ
ต่อนี้ไปเลิกกินเนื้อเพื่อห่างกรรม.
6 พฤศจิกายน 2550 16:13 น.
บพิตร
สมาชิกหญิงชายในบ้านนี้
ล้วนกวีเก่าใหม่ได้พบหน้า
มีมากมายเกินจับนับคณา
อยู่ทั่วฟ้าเมืองไทยได้พบกัน
ล้วนชื่นชอบบทกวีมีหลากหลาย
เล่นลวดลายตัวอักษรซ่อนเชิงชั้น
เป็นกลอนกาพย์ร่ายโคลงส่งสัมพันธ์
บ้างเป็นฉันท์ล้วนสูงค่าภาษาไทย
มีเรื่องรักอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง
มีเรื่องซึ้งพรรณนาน้ำตาไหล
มีเรื่องเศร้าโหยอ่อนสะท้อนใจ
มีเรื่องใครบางคนบนโลกา
บ้างผูกมิตรติดตามความใฝ่ฝัน
บ้างคุยกันเรื่องเก่าเฝ้าค้นหา
บ้างตัดพ้อน้อยใจในโชคชะตา
บ้างต่อว่าพร่ำบ่นถึงคนไกล
บ้างเสียดสีสังคมตรมดวงจิต
บ้างชวนคิดนำปัญหามาแก้ไข
บ้างชื่นชมความงดงามตามพฤกษ์ไพร
บ้างห่วงใยความเป็นอยู่แห่งผู้คน
บ้านกวีต้อนรับด้วยนับถือ
ให้เลื่องลือกวีไทยไปทุกหน
เชิญร่วมมาสร้างสรรค์ทุกชั้นชน
ให้เปี่ยมล้นเอกลักษณ์อักษรไทย.
6 พฤศจิกายน 2550 11:50 น.
บพิตร
สายฝนพรำฉ่ำฟ้าลาวสันต์
กลิ่นเหมันต์พัดพามาผสาน
หนาวจะเริ่มฝนจะลามาตามกาล
ความผันผ่านเปลี่ยนแปลงแห่งเวลา
คืนเหน็บหนาวเคล้าฝนหม่นหมองจิต
ในนิมิตหลับฝันขวัญผวา
เห็นตะเข้ตัวใหญ่เคลื่อนไคลคลา
เผชิญหน้าปลาไหลอ้วนชวนแปลกใจ
แสนงุนงงสองสัตว์หาขัดเขิน
เข้าหยอกเอินเกี้ยวพาน่าสงสัย
ผูกสัมพันธ์สมสู่ดูเป็นไป
กลางบึงใหญ่ครื้นเครงเพลงรักบาน
อีกฟากฝั่งพญานาคอยากสู่สม
วังน้ำยมเย็นใสใคร่ประสาน
ขอผูกพันมั่นไว้ให้แสนนาน
วันผันผ่านจะไม่ร้างห่างไมตรี
ส่วนผู้เฒ่าหลงคารมชมหลานรัก
ว่าประจักษ์ความปรองดองไม่หมองศรี
สุดท้ายหลานกลับทำช้ำฤดี
หลบหลีกหนีซบปลาไหลให้อกตรม
สะดุ้งตื่นคืนฝันร้ายเมื่อปลายฝน
เสียงผู้คนโวยวายคล้ายขื่นขม
เสียงตะโกนอย่าทำลายให้ล่มจม
เสียงระงมว่าการเมืองเรื่องหลอกลวง.