5 เมษายน 2554 14:23 น.
บพิตร
ขอกระซิบเบาเบาเราสองคน
ไม่อยากบ่นเสียงดังฟังหน่อยหนา
เสียงโวยวายข้าวของขึ้นราคา
ฉันไม่ว่าขึ้นไปฉันไม่แคร์
น้ำมันปาล์มขาดไปไม่ขื่นขม
กินไข่ต้มก็ได้ไม่แยแส
กินของทอดไขมันมากนักแล
ยิ่งคนแก่ต้องเว้นเป็นพิษภัย
เครื่องนุ่งห่มแฟชั่นฉันว่าเขลา
คอกระเช้าเย็นสบายยายว่าไหม?
สวมผ้าถุงลุกนั่งได้ดั่งใจ
ชุดชั้นในไม่จำเป็นเห็นต้องมี
เดินตีนเปล่าเหยียบดินย่ำหินทราย
รักษาหายโรคภัยไกลห่างหนี
แหล่งพลังจากพื้นปฐพี
ช่วยชีวียืนยาวคราวย่ำเดิน
ยาสีฟันขันแข่งแพงไม่น้อย
ลืมกิ่งข่อยของเก่าเราห่างเหิน
อีกหมากพลูเคี้ยวไปได้เพลิดเพลิน
ไม่ใช้เงินมีมากพอขอแบ่งปัน
อยู่บ้านนอกพอเพียงหาเลี้ยงชีพ
ไม่เร่งรีบแก่งแย่งต้องแข่งขัน
อยู่เมืองใหญ่ปัญหาสารพัน
แดนสวรรค์คือบ้านนาว่าไหมยาย?
4 เมษายน 2554 14:32 น.
บพิตร
ล่วงเหมันต์สู่คิมหันตฤดู
ลมร้อนพรูแผดผลาญก้านดอกเฉา
ฝูงวัวควายหลบร้อนซ่อนร่มเงา
เสียงนกเขาขันคูอยู่ไกลลิบ
น้ำเหือดหนองคลองแห้งดินแล้งผาก
หญ้าตายซากวัวควายชายตาปริบ
ไอแดดร้อนเผาแผ่แลระยิบ
เอื้อมมือหยิบฝุ่นทรายคล้ายสุมไฟ
แต่วันนี้คิมหันต์ผันแปรเปลี่ยน
ลมหนาวเวียนแผ่ซ่านผ่านโลมไล้
สายฝนพรำเยือกเย็นช่างเป็นไป
ก่อกองไฟไล่หนาวคราวหน้าร้อน
ใยลมหนาวมาเยือนเดือนเมษา
หรือดินฟ้าแกล้งหยอกมาหลอกหลอน
หรือสัญญาณเตือนไว้ให้สังวร
โลกเหนื่อยอ่อนผันผวนจวนแตกร้าว!!!
31 มีนาคม 2554 14:45 น.
บพิตร
แดนฝนแปดแดดสี่ที่เล่าขาน
ฤดูกาลวิปริตผิดวิสัย
หน้าแล้งร้อนหมุนเวียนกลับเปลี่ยนไป
ฝนห่าใหญ่มรสุมกลับรุมซัด
กระแสน้ำโถมบ่าอย่างบ้าคลั่ง
เทือกเขาพังโคลนเคลื่อนเลื่อนสะบัด
เศษซุงไม้ทิ่มแทงแรงน้ำซัด
ความวิบัติทรัพย์สินสิ้นประดา
กี่ซากศพฝังร่างกลางโคลนตม
กี่หลังบ้านทับถมจมน้ำป่า
กี่หมื่นแสนเรือกสวนและไร่นา
กี่ร้อยพันหมูหมามาสังเวย
ด้ามขวานทองของไทยใยวิกฤติ
เกินคาดคิดกันไว้ใช่นิ่งเฉย
ประวัติศาสตร์ไม่มีเช่นนี้เลย
พี่น้องเอ๋ย! หรือโลกบ้าทั้งฟ้าดิน!!!
16 มีนาคม 2554 14:05 น.
บพิตร
เปิดเวทีให้ดูผู้ทรงเกียรติ
มายัดเยียดสิ่งใดให้คนเห็น
ไม่รู้จริงหรือหลอกนอกประเด็น
ใครเบี่ยงเบนปั้นแต่งสำแดงกล
เรื่องเดียวกันสองฝ่ายขยายความ
เป็นตรงข้ามขาวดำทำสับสน
มีตัวเลขเรื่องราวเคล้าปะปน
ภาพยนตร์ตัดต่อขอแสดง
บ้างเดิมพันท้าทายใช้ศักดิ์ศรี
คุณความดีเคยทำย้ำแถลง
เพื่อบ้านเมืองน้องพี่ขอชี้แจง
บ้างสาปแช่งสาบานผ่านสภา
เสียงโวยวายประท้วงทวงหลักฐาน
ท่านประธานวินิจฉัยไม่ชักช้า
บ้างดื้อแพ่งอิงกฎหมายใช้มาตรา
บ้างก่นด่าเสียดสีตีสำนวน
ประชาชนหนักเหลือจะเชื่อใคร
เหตุไฉนเรื่องเดียวกันจึงผันผวน
ใครพูดจริงใครใส่ไฟเกินใคร่ครวญ
ทุกท่านล้วนทรงเกียรติเครียดคนฟัง
เหมือนนิยายน้ำเน่าเข้าฉายซ้ำ
เหมือนลำนำบทเก่าเล่าความหลัง
เหมือนจำอวดเลื่องลือชื่อเสียงดัง
เหมือนสิ้นหวังพึ่งเจ้าเหล่าผู้แทน...
14 มีนาคม 2554 17:19 น.
บพิตร
มุมโลกหนึ่งฝูงชนตะโกนก้อง
เสียงเรียกร้องเสรีที่มุ่งหมาย
เสียงปืนก้องเลือดหลั่งกลางผืนทราย
ศพกองก่ายต่อสู้ผู้ปกครอง
มุมโลกหนึ่งคักคึกฝึกซ้อมรบ
ให้เจนจบอาวุธสุดแคล่วคล่อง
อวดศักดาให้เห็นเล่นประลอง
เสียงโห่ร้องยกพลขนกำลัง
มุมโลกหนึ่งโอดโอยด้วยโหยหิว
ลมร้อนปลิวเบื้องบนไร้ฝนหลั่ง
ขาดอาหารสิ้นแรงหมดกำลัง
เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกผู้ทุกข์ทน
มุมโลกหนึ่งพายุโถมโหมกระหน่ำ
ฟ้ามืดดำลมกรรโชกโบกสายฝน
สายน้ำป่าคลุ้มคลั่งดังอึงอน
กวาดผู้คนบ้านช่องเป็นร่องธาร
มุมโลกหนึ่งปวดเจ็บด้วยเหน็บหนาว
หิมะพราวคลุมดินทุกถิ่นฐาน
ลมพายุหิมะเข้าระราน
ฝังจมบ้านแช่เย็นเป็นแรมเดือน
มุมโลกหนึ่งแผ่นดินแตกกระแทกไหว
โลกแกว่งไกวโยกสั่นจนลั่นเลื่อน
เหลือเศษซากอาคารทั้งบ้านเรือน
ที่กล่นเกลื่อนคือศพซบซากโทรม
มุมเดียวกันครางครืนด้วยคลื่นยักษ์
ซากปรักหักพังยังถาโถม
กวาดทุกสิ่งลอยน้ำอยู่ครามโครม
มันจู่โจมนับพันหมื่นกลืนชีวี
ณ มุมนี้เพลงโศกบนโลกกว้าง
มีสองทางทำโลกให้โศกศัลย์
ทางหนึ่งคือผู้คนทำลายกัน
อีกทางนั้นธรรมชาติเกรี้ยวกราดคน.