23 ธันวาคม 2551 16:27 น.
บพิตร
@ พระ ... พักตร์เอมอิ่มด้วย.......บารมี
เจ้า...แห่งคุณความดี..................แผ่คุ้ม
ตน....บุญส่งเสริมศรี..................แสนอุ่น ใจนา
หลวง...ใหญ่ใบบุญอุ้ม................เหล่าข้าฯ ศรัทธา
งามพริ้งพักตร์ผุดผ่อง
เหลืองเรืองรองอร่ามหล้า
อาบอิ่มพระเมตตา
รวมศรัทธาสาธุชน
คู่เมืองภูกามยาว
ผ่านร้อนหนาวแดดลมฝน
บารมีบันดาลดล
พาผ่านพ้นซึ่งทุกข์ภัย
ตนหลวงคือหน่วงหนัก
คือพร้อมพรักคือหลักชัย
ลูกหลานล้านนาไทย
ได้ยึดเหนี่ยวได้เกี่ยวพัน
กราบองค์เจ้าตนหลวง
ความโชติช่วงคู่เขตขันธ์
พะเยาเมืองเรืองอนันต์
เป็นมิ่งขวัญนิรันดร์กาล.
4 พฤศจิกายน 2551 08:59 น.
บพิตร
เจ้าดอกไม้สีเหลืองช่างเรืองรอง
เด่นผยองสู้แดดฝนไม่หล่นร่วง
เหลืองอร่ามในใจไทยทุกดวง
ยังหวงห่วงปวงประชาทุกคราคืน
เจ้าดอกไม้สีแดงแซงสอดสี
ลมฝนมีมิหวั่นไหวไม่แข็งขืน
ลู่ตามลมที่พาดพัดจึงหยัดยืน
ยังสดชื่นประดับไทยให้งดงาม
เจ้าดอกไม้สีขาวพราวทั่วถิ่น
เต็มผืนดินสวยสง่าน่าเกรงขาม
กรุ่นกลิ่นหอมทุกวันวารผ่านโมงยาม
มิครั่นคร้ามร้อนหนาวยังพราวพราย
เก็บดอกไม้แดงเหลืองขาวที่พราวพรั่ง
ดุจพลังสามัคคีที่หลากหลาย
ปักแจกันใบสวยด้วยลวดลาย
บอกความหายความแตกต่างช่างงามจริง
เจ้าดอกไม้หลากสีที่ปลายฝัน
หลอมรวมกันเป็นน้ำหนึ่งซึ้งใจยิ่ง
ร่วมสร้างสรรค์เป็นหมู่เหล่าเข้าพึ่งพิง
ทำทุกสิ่งเพื่อชาติไทยให้รุ่งเรือง
เจ้าดอกไม้สีใดในสยาม
คือเขตคามนามระบือคนลือเลื่อง
ต่างความคิดหลอมรวมใจหมายประเทือง
ไทยฟูเฟื่องสมดังถิ่นแผ่นดินทอง.
28 ตุลาคม 2551 16:06 น.
บพิตร
ฉันเดินกลางทุ่งกว้าง
สองข้างทางช่างสดใส
สายลมพลิ้วโบกไกว
มวลดอกไม้ไหวเอนโอน
ลู่ลมกระเพื่อมผืน
มิแข็งขืนเจ้าอ่อนโยน
ภู่ผึ้งบินเวียนวน
เป็นคู่ขวัญมิคืนคลาย
ฟ้าครามคู่เมฆขาว
น้ำใสพราวระรินสาย
คดเคี้ยวเลาะเลี้ยวลาย
ระริกร่าทั้งปลาปู
ต่างคนต่างยิ้มแย้ม
ไมตรีแง้มอย่างพรั่งพรู
อาทรเอื้อเอ็นดู
เป็นมิตรหมายไร้มารยา
ผ่านทุ่งมุ่งสู่เมือง
ความรุ่งเรืองนครา
ตึกรามงามตรึงตรา
มียวดยานไม่ลานลน
เรียงรายอย่างเรียบร้อย
ผู้นั่งคอยไม่สับสน
แย้มยิ้มแห่งผู้คน
คราวพบหน้าไม่ว่าใคร
ทักทายคล้ายคุ้นเคย
คำเอื้อนเอ่ยแสนสดใส
วาจามาจากใจ
ที่แบ่งปันมิผันแปร
หนุ่มสาวเด็กผู้ใหญ่
ต่างห่วงใยเฝ้าดูแล
นับญาติเป็นพ่อแม่
เป็นลุงป้าเป็นย่ายาย
คูคลองร่องน้ำไหล
ก็สวยใสไม่ขาดสาย
นกน้อยก็กรีดกราย
กลางเมืองใหญ่ได้แบ่งปัน
ท้องทุ่งถึงกรุงไกร
แม้ห่างไกลไม่ต่างกัน
งดงามทุกคืนวัน
ที่แท้ฉันแค่ฝันไป.
27 ตุลาคม 2551 16:01 น.
บพิตร
กว๊านพะเยา ระยิบยับอยู่วับวาม
สวยสายน้ำทาบทับกับดอยหลวง
เย็นสวยใสหล่อเลี้ยงเพียงแดดวง
ความโชติช่วงวิถีชนคนพะเยา
จากดอยหลวงแม่น้ำอิงไม่นิ่งหยุด
ไหลรี่รุดหลากลานผ่านขุนเขา
สายน้ำเล็กสายน้ำน้อยค่อยรวมเอา
รินหลั่งเข้าเป็นกว๊านใหญ่ให้ชีวี
สายลมพลิ้วระรอกคลื่นระรื่นเล่น
ฟ้ายามเย็นสีทองส่องวิถี
เรือลำน้อยลอยล่องท่องวารี
มิเร่งรี่จ้ำพายสบายใจ
กว๊านคือแม่เลี้ยงดูหมู่ลูกหลาน
มาเนิ่นนานแต่น้อยจนเติบใหญ่
ลูกมีอยู่มีกินสิ้นห่วงใย
ปูปลากุ้งมีให้ไม่ขาดแคลน
น้ำโอบดอยอุ้มชูดูงามเด่น
ทอดเงาเห็นดูลึกล้ำงามเหลือแสน
นกน้อยใหญ่โบยบินเหนือดินแดน
นี่คือแคว้นความอุดมความสมบูรณ์
"กว๊านพะเยา"ยังสดใสในวันนี้
เลี้ยงชีวีภูกามยาวไม่เศร้าสูญ
เป็นแหล่งน้ำเลี้ยงชนพ้นอาดูร
เจิดจำรูญคู่พะเยาเนาว์นิรันดร์.
16 กันยายน 2551 16:32 น.
บพิตร
มืดมนแท้ประชาไทยไร้ความหวัง
เหมือนเมฆบังหนทางจะย่างก้าว
ฝูงสัตว์ร้ายกู่ก้องร้องเพลงยาว
ความเหน็บหนาวเข้าครอบคลุมสุมฤดี
ไร้ซึ่งแสงปลายทางให้หวังวาด
น่าอนาถสังคมไทยไร้ศักดิ์ศรี
กติกาไร้สิ้นไม่ยินดี
ถูกย่ำยีด้วยกฎหมู่อดสูใจ
ผู้ปกครองมองทางสร้างอำนาจ
ที่วิวาทโต้เถียงเป็นเรื่องใหญ่
คือต่อรองหาตำแหน่งแย่งกันไป
ใครเป็นใครเป็นก๊กกลุ่มสุมหัวกัน
ต่างอวดอ้างเป็นผู้แทนมาโดยชอบ
ตามระบอบอธิปไตยให้น่าขัน
แค่เป็นหุ่นไร้ศักดิ์ศรีไร้ชีวัน
ยังกระสันอยากเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
บ้านเมืองไทยเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
ล้วนปัญหาสารพัดขัดสนสิ้น
หนี้ท่วมหัวข้าวของแพงไม่มีกิน
ทั่วธานินแตกสลายวายบรรลัย
เหมือนฝูงแร้งรุมทึ้งซากหมาเน่า
คิดแต่เอาผลประโยชน์มาเป็นใหญ่
พอกินอิ่มเร็วรี่บินหนีไกล
หาถิ่นใหม่ทิ้งซากเก่าเน่าผุพัง.