13 กุมภาพันธ์ 2552 14:20 น.
บพิตร
โรฮินญา อาระกันดั่งฝันร้าย
หาความหมายความเป็นคนบนโลกกว้าง
ถูกทารุณกดขี่ที่ต้นทาง
ต้องลาร้างจากถิ่นฐานสู่น่านชล
ปล่อยชีวิตล่องไปในสมุทร
จะสิ้นสุดที่แห่งใดไม่ฉงน
คงจะมีที่แห่งใหม่ในสากล
ที่เห็นคนเป็นคนบนความจริง
ลอยเคว้งคว้างกลางห้วงมหรรณพ
กี่ซากศพที่สิ้นไปไร้ทุกสิ่ง
แผ่นดินอยู่ร้อนหนักเกินพักพิง
แม้คู่อิงจำจากจรก่อนสิ้นใจ
ถูกข่มเหงหมดค่าความเป็นคน
จำดิ้นรนบากหน้าหาโลกใหม่
องค์อัลเลาะห์โปรดช่วยอำนวยชัย
ขอรอดไปเหยียบผืนดินก่อนสิ้นลม
ทิ้งเรื่องราวโหดร้ายไว้เบื้องหลัง
บ่ายหน้ายังมหาสมุทรสุดขื่นขม
บ้างพายุบ้าคลั่งฝังเรือจม
เรือแตกล่มเป็นศพลอยกลางทะเล
เพียงขอสิทธิความเป็นคนบนผืนหล้า
โรฮินญา ขอแค่นี้มิหันเห
อย่ารังเกียจผลักไสให้ซวนเซ
ต้องร่อนเร่เหมือนไร้ค่าว่าเป็น คน!
13 กุมภาพันธ์ 2552 09:25 น.
บพิตร
ศุกร์สิบสามเล่าว่ามีอาถรรพ์
เชื่อถือกันชาวฝรั่งนั่งผวา
มีความเชื่อเล่าขานเนิ่นนานมา
จะนำพาความโชคร้ายให้ผู้คน
ด้วยวันศุกร์พระเยซูผู้ยิ่งใหญ่
ถูกนำไปตรึงกางเขนเป็นเหตุผล
คนร่วมโต๊ะทานอาหารสิบสามคน
ก่อนวายชนม์มื้อสุดท้ายในตำนาน
หลายเรื่องราวเล่าเรื่องเลขสิบสาม
จะเมื่อไหร่ก็ตามคำเล่าขาน
สิบสามคนร่วมโต๊ะเดียวรับประทาน
ต้องวายปราณคนลุกก่อนถ้าย้อนดู
เป็นที่มาศุกร์สิบสามห้ามย้ายบ้าน
จะเริ่มงานสิ่งใดไม่ลบหลู่
หากตัดเล็บ เขียนจดหมาย ได้ศรัตรู
นำไปสู่ความเลวร้ายในชีวา
เป็นความเชื่อชาวฝรั่งที่ฝังจิต
ควรพินิจเราคนไทยไม่ผวา
เพราะวันศุกร์คือวันสุขสมอุรา
วันถัดมาเสาร์อาทิตย์จิตเบิกบาน
เลขสิบสามงามดีที่เริงร่า
เดือนเมษาปีใหม่ไทยได้สืบสาน
เล่นสาดน้ำแสนสนุกสุขสงกรานต์
ได้กลับบ้านได้ทำบุญอบอุ่นใจ.
..........................................
ศุกร์ ๑๓ กุมพาพันธ์ ๒๕๕๒
12 กุมภาพันธ์ 2552 12:13 น.
บพิตร
คอยต้อนรับทุกคราวที่เข้าบ้าน
ส่งเสียงขานทักทายหายสงสัย
เจ้าตื่นเต้นเร็วรี่แสนดีใจ
โอบหลังไหล่รับขวัญทุกวันคืน
จะมืดค่ำเพียงใดไม่ย่อท้อ
ตั้งตารอคอยแลแม้ดึกดื่น
จะร้อนหนาวฝนหลั่งฟ้าครางครืน
ต้องรีบตื่นแม้เผลอหลับยามกลับมา
แสนหงอยเหงาเมื่อห่างไกลไปหลายวัน
ให้หวาดหวั่นค่ำคืนยืนคอยหา
แสนกังวลไปไหนหลายเพลา
ไม่เห็นหน้าว้าวุ่นขุ่นกมล
สุขใจนักทุกทีที่พบหน้า
สุดเริงร่าช้าไปไม่เคยบ่น
เรื่องของฝากไม่ถามหาอย่ากังวล
อย่าสับสนที่เล่ามา หมาฉันเอง
12 กุมภาพันธ์ 2552 11:35 น.
บพิตร
เคยวาดฝันจะไขว่คว้าหาดวงดาว
จากกลางหาวมาเก็บไว้ให้เธอฉัน
ได้เชยชมสดชื่นทุกคืนวัน
แม้หลับฝันตื่นตาพาชื่นทรวง
คำสัญญาแห่งรักประจักษ์จิต
เกินนิมิตใดใดในแดนสรวง
สุดสว่างกระจ่างใสใจสองดวง
แสนโชติช่วงแสงแห่งรักสลักจินต์
เราร่วมทางตามฝันอันเคยใฝ่
คอยห่วงใยสองเราเฝ้าถวิล
จะเก็บดาวจากฟ้ามาสู่ดิน
มิเคยสิ้นความหวังยังเรืองรอง
เป็นแรงใจให้กันสู่ฟันฝ่า
ยามอ่อนล้าเปลี่ยวเหงาเราทั้งสอง
ยามเหนื่อยหนักโลมเล้าเข้าประคอง
สายตาจ้องปลอบขวัญคลายหวั่นกลัว
มองดวงดาวเคยตั้งใจจะไขว่คว้า
แม้เจิดจ้ายามเมฆบังยังสลัว
แต่สองเรายามใกล้ไม่มืดมัว
งามยิ่งกว่าดาวดวงใดในจักรวาล
เหล่าดาราส่องสว่างในกลางหาว
จะพร่างพราวงามล้ำเกินคำขาน
ฤาจักเทียบรักเราสองส่องตระการ
ที่แผ่ซ่านชุ่มดวงจิตนิจนิรันดร์.
11 กุมภาพันธ์ 2552 09:11 น.
บพิตร
มอบกุหลาบแทนใจให้ใครดี
ในโลกนี้มีคนรักมากนักหนา
ให้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูอุ้มชูมา
ให้ปู่ย่าที่เอื้อเฟื้อเมื่อเยาว์วัย
แด่คุณครูที่สอนสั่งตอนยังเล็ก
ตั้งแต่เด็กเร่งเร้าเอาใจใส่
จนเติบโตถึงวันนี้ที่เป็นไป
สู่โลกใหญ่สู้ปัญหาพาก้าวเดิน
แด่พี่น้องผองเพื่อนที่เตือนย้ำ
ร่วมตรากตรำซึ้งใจไม่ห่างเหิน
ยามเหนื่อยหนักทักทายให้เพลิดเพลิน
มิหมางเมินยามอ่อนล้าพาอุ่นใจ
มอบแด่เธอคนนี้ที่ร่วมสร้าง
ร่วมเดินทางสู่ฝันอันยิ่งใหญ่
เป็นคู่ครองคู่คิดคู่ฤทัย
มิห่างไกลเคียงข้างมิลางเลือน.