ไม้งามกระรอกเจาะ
ไม้จึงเหมาะกระรอกงาม
กระรอกก็ไหวหวาม
มิครั่นคร้ามไม้งามใจ
ไม้แก่นไม้เนื้ออ่อน
จะซุกซ่อนแห่งหนใด
หากงามก็ทรามวัย
กระรอกไซร้ก็ซุกซน
เสาะหาทุกป่าเขา
ทุกค่ำเช้าเฝ้าสืบค้น
กำหนดด้วยอดทน
เฝ้าเวียนวนหาไม้งาม
ไม้อื่นดาษดื่นไพร
ดกดอกใบก็มองข้าม
ด้วยคิดแต่ติดตาม
เสาะไม้งามท่ามพงไพร
เจอะแล้วไม้ในฝัน
อยู่ตรงนั้นงามไสว
กิ่งก้านประสานใบ
ผลดกใหญ่งามตระการ
ผลสุกก็สุกล้น
และร่วงหล่นจากกิ่งก้าน
สัตว์ส่ำก็สำราญ
ภัตตาคารแห่งพงไพร
ลับเขี้ยวให้คมเหมาะ
หวังจะเจาะแม่ไม้ใหญ่
แต่แล้วก็แปลกใจ
กระรอกไต่อยู่มากมาย
ไม้งามแม่งามนัก
เรียกความรักอยู่หลากหลาย
เขี้ยวคมระดมกาย
เจาะนางกลาย เป็นพรุนโพรง....
คืนวันอันมืดมน
ให้ผ่านพ้นเมฆหมอกร้าย
คืนเกลียดโกรธทำลาย
ก่อเกิดสายสามัคคี
คืนไฟอันร้อนรุม
เป็นฝนชุ่มปฐพี คืนไทยคือไพรี
ปลุกไมตรีในหัวใจ
สันติจงผลิบาน
ทุกหย่อมย่านบานไสว
สงครามอันลามไทย
เป็นดอกไม้ในปวงชน
สาธุทั่วทุกภาค
ที่ทุกข์ยากจงผ่านพ้น
สู่สุขเกษมดล
ไทยทุกคนสวัสดี
ชาติไทยเอกราช
จงองอาจในศักดิ์ศรี
ไชโยชำนะมี
เหนืออรีริปูใด
ชาตินี้หรือชาติหน้า
แผ่นดินฟ้าจงสดใส
ชูธรรมอันอำไพ
ชำระใจให้ผองชน
อโหสยามรัฐ
พ้นวิบัติทุกแห่งหน
ดับไฟในใจคน
ให้หมดจนหมดเชื้อไฟ
คืนวันสันติสุข
ผ่านเข็ญยุคกลีไหม้
ดอกรักจักบานใจ
ประดับไว้ทั้งแผ่นดิน.!!
เมื่อจำนำจำทนจนซ้ำซาก
ทนลำบากตรากตรำจำทนแท้
มองผืนนาว่างเปล่าเศร้าดวงแด
หนี้สินแผ่ปกคลุมยิ่งกลุ้มใจ
เข้าโครงการจำนำระยำยับ
ข้าวหายวับฝูงโจรกระโจนใส่
มันขนข้าวใส่ยุ้งกระบุงใคร
แล้วเริงร่าหน้าใสในสภา
มันผูกไทใส่สูทดูภูมิฐาน
แต่สันดานเกลือกกลั้วแต่ชั่วช้า
ใช้เล่ห์เหลี่ยมซ่อนกลปล้นชาวนา
โจรสภายิ้มรับงับกำไร
มันทำนาบนหลังคนปล้นทั้งชาติ
จีทูจี ประหลาดผูกขาดไว้
วางแผนโจรปล้นข้าวชาวนาไทย
ยัดหนี้ใส่ซองขาวให้ชาวนา
เป็นชาวนาหน้าดำระกำทุกข์
หนี้สินรุกทุกที่หนี้ทั่วหล้า
ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่หลั่งไหลมา
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้หนี้นี่เพราะใคร
เพลี้ยลงนากล้าข้าวคราววิบัติ
ยังกำจัดด้วยยานำมาใส่ แต่ฝูงเพลี้ยในสภามหาภัย
ยากจะหายาใดกำจัดมัน
จึงจำทนจนซ้ำจำนำข้าว
ระยะยาวหวังลดหมดหนี้นั้น
ข้าวหมดนาน้ำตาหยดรดคืนวัน
เงินที่ฝันพลันลับไปกับตา
ทำนาปีเท่าที่มีหนี้กับซัง
ทำนาปรังเหลือแต่ซังกันถ้วนหน้า
จำประท้วงขัดขืนข้าวคืนมา
จากฝูงเพลี้ยในสภา...มหาโจร...
แนะเธอมองซิแดดเช้า
อาทิตย์ยั่วเย้า
โปรยยิ้มอิ่มอุ่นละไม
แสงทองสาดส่องอำไพ
ปลุกปลอบชโลมใจ
รับขวัญวันใหม่อีกครา
ผ่อนทุกข์รุกร้อนอ่อนล้า
เย็นลมโชยมา
สดชื่นหยิบยื่นโดยพลัน
มองซิหยดน้ำค้างนั้น
กอดรัดกระสัน
ลูบไล้หยอดหญ้าอาภรณ์
เจ้าหยดน้ำค้างอรชร
ออเซาะออดอ้อน
ซบหญ้าลดาปฐวี
ก่อนแสงเจิดจ้าสุรีย์
หมดสิ้นไมตรี
สาดแสงแรงร้ายปรายตา
แผดเผาหยาดทิพย์อุษา
ในสายทิวา
ระเหิดระเหยลับกาล
มองซิโน่นดอกไม้บาน
อวดกลีบเยาวมาลย์ สุคนธ์พะยอมบุปผา
มวลหมู่ภู่ผึ้งโหยหา
ซบกลีบผกา
คลุกเคล้าเกสรว่อนบิน
ดูซิน้ำใสไหลริน
เซาะแก่งแหล่งหิน
ซัดซ่าธาราบรรเลง
ฟังซิสายธารบทเพลง
ขับกล่อมเธอเอง
ด้วยเสียงแห่งเพลงพงไพร
มอบแด่ผู้อ่อนเยาว์วัย
ยามโลกสิ้นไร้
ผู้ปลุกปลอบจิตวิญญาณ์
ยามเธอทุกข์ร้อนอ่อนล้า
ซบอกแห่งข้า
รอรับอรุณอุ่นไอ....
หากต่อมาอย่ารอรีวิ่งหนีต่อ
ขืนรีรอต่อต่อยปล่อยพิษร้าย
อาจเจ็บแสบแปลบปวดรวดร้าวกาย
เจ็บเจียนตายพิษต่อเพราะรอรี
ต่อตัวน้อยต่อยทีไม่มีหมัด
แต่ถนัดการต่อยไม่ถอยหนี
ใครรานรุกบุกรังไม่หวังดี
เหล็กในมีจู่โจมเข้าโรมรัน
สร้างรังน้อยค่อยๆต่อก่อรังใหญ่
สามัคคีต่อใช้ใครรังสรรค์
สังคมต่อก่อสังคมอุดมครัน
ต่อแข็งขันเยี่ยงต่อก่อการดี
ต่อมีปากไม่มากแค่ปากต่อ
ไม่ด่าทอต่อปากสำรากยี้
แต่ปากต่อก่อการรักสามัคคี
ต่อปากมีชี้ทางเพื่อสร้างรัง
หากคนมาอย่ารอรีวิ่งหนีคน
ไปให้พ้นจริงเชียวอย่าเหลียวหลัง
เพราะคนจึงไม่พ้นยุ่งอีนุงนัง
คนจึงพังยับเยินจนเกินคน
มันมีตีนมีหมัดซัดกันแหลก
ร้าวเกินแยกแตกเกินร้าวเกินเกินกล่าวผล
ตีนต่อตีน หมัดต่อหมัด อัดกันจน
รังของตนแหลกเห็นไม่เป็นรัง
เพราะปากคนพาจนคนมีปาก
ทว่าหากปากดีมีมนต์ขลัง
แต่ปากพล่อยคอยหาแต่บาทัง
ไม่สร้างรังแล้วยังหมายทำลายกัน
สังคมคนเคืองขุ่นวุ่นวายนัก
เพราะปากมักเห่าหอนห่อนสร้างสรรค์
หอกคือปากถากถาสารพัน
ตะบี้ตะบันปากพล่อยชวนต่อยตี
เหอะ...ต่อมาต่อไปใครมีปาก
แล้วพูดมากปากบอนตะกอนขี้
มีแต่ปากสักแต่คำทำวาที
อย่ารอรีต่อมา...ต่อยหน้ามัน....