มี-มิตรแท้แผ่เผื่อคอยเจือจุน เพื่อน-การุณย์เสมือนแม่คอยแผ่อุ้ม ดี-แม้ยามทุกข์ร้อนมารอนรุม เพียง-คอยคุ้มปกปักษ์ด้วยรักจริง
หนึ่ง-ในโลกคือเพื่อนไม่เคลื่อนคล้อย ถึง-ลับลอยม้วยมรณ์ไม่ถอนทิ้ง
จะ-ปกป้องผองภัยไม่ประวิง น้อย-แต่ยิ่งสูงค่าราคาคน
ดี-อะไรไม่ดีเท่ามีเพื่อน กว่า-โลกเปื้อนเถื่อนถ่อยคอยฉ้อฉล
ร้อย-มารยาสันดานเป็นพาลชน เพื่อน-ปลอมปนปล้นเราเฝ้าคอยกินคิด-แต่ได้ให้ไม่เป็นเห็นประโยชน์ ริษยา-หาแต่โทษใจโหดหิน เหมือน-สายธารฉ่ำใจยามไหลริน ดั่ง-โชยกลิ่นหอมหวนมวลผกา
เกลือ-คงค่าความเค็มอยู่เต็มที่ เม็ด-หนึ่งมีรสเค็มเต็มชิวหา น้อย-แต่คงยงเยี่ยมเปี่ยมอัตรา ด้อย-แต่เด่นในค่าความเป็นตน
รา-ตรีงามด้วยดาวที่พราวพร่าง คา-รพวางตนชอบกอปรเหตุผล ยัง-คงชัดอัตราราคาคน ดี-จึงทนพิสูจน์ผ่านกาลเวลา
กว่า-มหาชลาศัยอันใหญ่กว้าง น้ำ-เวิ้งว้างกว้างใหญ่แต่ไร้ค่า เค็ม-แต่ชื่อระบือไปไม่เข้ายา
เต็ม-อัตราทว่าคุณไม่หนุนใคร
ทะ-นงตนอวดตนจึงป่นปี้ เล-ห์กลมีกลับกลอกเกินบอกไหว มีเพื่อนแท้เพียงหนึ่งก็ซึ้งใจ หมื่นพันไซร้ ลับเลือน เพื่อนจอมปลอม...
หน้านาฝนมาเข้าหน้าฝน แดดร้อนผ่อนปรนด้วยฝนสาย คิมหันต์ลับพลันวสันต์กราย เย็นฝนโปรยปรายสายนทีฝนมาฟ้าสั่งฝนสั่งฟ้า ฉ่ำดินถิ่นนาคราวิถี พลิกฟื้นผืนดินด้วยยินดี ดุจฟื้นชีวีกลางผืนนา
หญ้าเขียวเรียวช่อรอน้ำฝน ฟื้นตนจากแล้งขึ้นแซงฟ้า ชูดอกออกช่อลออตา โอ่อ่าอวดทุ่งจรุงใจ
กบเขียดคึกคักเพลงกึกก้อง ทำนองเพรียกกู่คู่อยู่ไหน เจอะคู่ก่ายกอดพร่ำพรอดไป ฝนพร่ำฉ่ำใสได้สืบพันธุ์
คือฤดูกาลเพาะหว่านกล้า พลิกดินผืนนาคราวสันต์ จากกล้าเป็นหน่อเป็นกอพลัน คือกล้ากอหน่อฝันกลางผืนนา
สุดทุ่งคุ้งฟ้าคือนาผืน หยัดยืนฝืนทนคือคนกล้า เคียงคู่ต้นข้าวขึ้นพราวตา นกหนูปูปลามาแบ่งปัน
คือดินน้ำตมปลักไม่มักใหญ่ ดินฉ่ำน้ำใสคือใฝ่ฝัน พอเพียงเพียงพอแค่รอวัน กำเคียวเกี่ยวฝันทุ่งรวงทอง
หวังน้ำมีปลานามีน้ำ แผ่นดินชุ่มฉ่ำกบเขียดร้อง ไอดินกลิ่นนาคราเจิ่งนอง โปรยหวังเรืองรอง...ทุ่งท้องนา
พ่อบรรจงกลึงเกลานั่งเหลาซี่ จากไผ่เขียวขจีเป็นซี่ไหว คมมีดกรีดไผ่งามไปตามใจ เปลี่ยนซี่ไผ่ที่เห็นเป็นซี่งกรง
เรียวและงามโอนอ่อนแต่ซ่อนแกร่ง
ทุกซี่แต่งด้วยรักและลุ่มหลง จากซี่มาเป็นสานงานบรรจง พ่อสานกรงยิ้มบานบ้านนกไพร
พ่อถือกรงบรรจงล่อต่อนกป่า
ล่อนกมาติดกรงด้วยหลงใหล เสียงนกต่อเย้ายวนปั่นป่วนใจ วิบัติภัยถึงตัวเพราะมัวเมา
จึงสูญสิ้นอิสรภาพเคยซาบซด
เกียรติยศแห่งนกป่ามาอับเฉา ถูกจับกักขังกรงอันกลึงเกลา เงียบและเหงาโหยหาพนาไพร
จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู จู้ฮุกกรู
นกเขาคูเสียงหวานกังวานใส นกเขาคู นกเขากู่ นกเขาใคร พ่อสุขใจคลายเหงานกเขากู
ข้าวและน้ำพร้อมสรรพสำหรับเจ้า
อาบแดดอุ่นยามเช้าทุกเช้าตรู่ เพียรเปล่งเสียงโก่งคอขันทุกวันคู ในกรงหรูโลกกว้างอำพรางตา
งามไผ่เรียวเป็นซี่กรงบรรจงสาน
พ่อเบิกบานยิ่มย่องมองนกป่า นกเขาพ่อคงขันวันเวลา จากกรงกล้าผกผินบินจากกรง
แต่นกในใจพ่อเพียงรอวัน
เพียงผกผันโผผินบินลุ่มหลง อยู่ในใจกรงต่อพ่อบรรจง เจตจำนงดักล่อ...ตัวพ่อเอง...!!!
เป็นดอกหญ้าค่าด้อยแค่ฝอยหญ้า ไม่สูงค่าควรคู่ขึ้นหมู่หิ้ง แตกกอหน่องามในความจริง เย่อหยิ่งจองหองผองดอกบัว
อวดตนสูงค่าราคาสูง ชักจูงมือร้ายเขาหมายหัว ชูดอกออกเด่นเป็นภัยตัว ยวนยั่วเขาหักปักแจกัน
ย่ำแย่หดหู่อยู่บนหิ้ง หมดแล้วทุกสิ่งเคยเฉิดฉัน เหี่ยวแห้งอับเฉาเฝ้ารอวัน ค่าก็พลันหมดค่าเขาปาทิ้ง
เป็นต้นหญ้าค่าด้อยแค่ฝอยหญ้า ไม่อวดอ่ายกตนขึ้นบนหิ้ง ไม่คิดเป็นดอกฟ้าน่าชังชิง แต่เย่อหยิ่งในศักดิ์รักดินทราย
จึงผลิใบงามเรียวเขียวขจี ไปทุกที่ป่าเขาลำเนาหมาย แตกรากฝากหน่อกอกระจาย ได้หยัดกายยืนยงคงชีวา
ได้แต่งแต้มแซมดินถิ่นสล้าง งามน้ำค้างพร่ำพรอดกับยอดหญ้า แม้นเล็กน้อยแต่ยิ่งใหญ่ในสายตา งามดอกหญ้างามรับประดับดิน
เป็นดอกหญ้าค่าด้อยแค่ฝอยหญ้า ริมชายคาริมทางข้างโขดหิน เขาเมินมายชายตาเป็นอาจิณ ไม่ควรสิ้นเสียบแซมใส่แจกัน
จึงปลอดจากภัยพาลคอยผลาญพล่า ได้ชูช่อโสภาอวดสีสัน เจียมอัตตาหยัดยืนในคืนวัน ได้แบ่งปันความงามวาบหวามดิน...
กลั่นตนในความว่าง
อันเวิ้งว้างในเวหา หยาดหยดแห่งธารา
ก็หยาดฟ้ามาพราวดิน
ปลอบดินอันแล้งร้อน
ทุกกรวดก้อนและโขดหิน
ชุมชื่นคืนชีวิน
สายวารินฤดูกาล
หญ้าแห้งเพราะแล้งน้ำ
อุทกพรำก็ฉ่ำธาร
พลิกฟื้นคืนตำนาน
ผลิดอกบานระบัดใบ
จากหน่อเป็นกอหญ้า
เขียวระย้างามไสว
แต้มดินถวิลใจ
งามพงไพรสายธารพรำ
ดินฉ่ำเพราะน้ำชุ่ม
ที่ร้อนรุ่มก็ชุ่มฉ่ำ
ฝนโปรยก็โชยนำ
ทุกสัตว์ส่ำสำราญใจ
ชีวิตได้สืบต่อ
หยาดฝนก่อเป็นธารไหล
กลับกลายสลายไป
เป็นหมอกไอพราวนภา
กลั่นฟ้ามาเป็นฝน
ไร้ตัวตนในเวหา
หยาดหยดแห่งเมฆา
ก็หยาดฟ้ามาพราวดิน
หมุนเวียนและเปลี่ยนผัน
อยู่เช่นนั้นมิจบสิ้น
ชุ่มฉ่ำสายธารริน
แล้วกลับถิ่นคืนเมฆา....