4 ตุลาคม 2551 16:03 น.
บนข.
รักหนุ่มสาวคราวรักก็มักซึ้ง
แน่นตราตรึงดวงจิตคิดใฝ่ฝัน
เธอเสนอฉันสนองต้องใจกัน
เกินรำพันเพียงพจน์ให้หมดความ
แม้นบอกรักค่ำเช้าเฝ้าเพียรพร่ำ
ให้ดื่มด่ำด้วยรักที่วาบหวาม
เขียนคำรักฝากฟ้ามานิยาม
ก็ไร้ความบรรยายธิบายใด
ก็เพราะรักมักหลงเข้าดงรัก
อันจูงชักเชิญจิตลิขิตให้
ดอกรักบานสวยหรูอยู่ในใจ
ร้อยหทัยรักรื่นชื่นกมล
รักจึงไร้กำแพงแห่งชนชั้น
มาขวางกั้นหัวใจให้ทุกข์ท้น
จะสูงศักดิ์ต่ำศักดิ์เมื่อรักยล
ก็ทิ้งตนแห่งศักดิ์มารักกัน
แม้ต่างกันโดยชาติศาสนา
ต่างภาษาโดยรอบขอบฟ้ากั้น
เมื่อบุพเพฯบรรจบให้พบพลัน
ก็ด้นดั้นด้วยรักมันชักชวน
ใช่เรื่องแปลกประหลาดประการใด
เรื่องหัวใจใครหมายก็ขวายขวน
จะรักจริงรักเล่ห์หรือเรรวน
ก็รัญจวนฤดีโลกีย์ชน
หากจะตอบคำถามแห่งความรัก
มากยิ่งนักดาษดื่นหมื่นเหตุผล
รักเพราะรักหรือใคร่ใครหลงกล
สุขทุกข์ปนแปดเปื้อนมาเยือนครอง
.......แต่รักหนึ่งยิ่งกว่าบรรดารัก
อันจูงชักชวนใจใครทั้งผอง
รักหนุ่มสาวว่าแท้แค่เป็นรอง
โลกกล่าวร้องแน่นัก....คือรักตน....
1 กันยายน 2551 18:02 น.
บนข.
ประ กาศความงี่เง่าให้เขารู้
เทศ ถิ่นผู้นักรบสงบรัก
ไทย แท้ต้องอย่างนี้ไม่มีหลัก
รวม ศรีศักดิ์ผู้กล้ามาย่ำยี
เลือด ไหลนองกี่ครั้งยังไม่เข็ด
เนื้อ ทะเล็ดเลือดทะลักคือศักดิ์ศรี
ชาติ ปี้ป่นย่อยยับนับกี่ปี
เชื้อ กาลีฝังหัวให้มัวเมา
ไทย ผู้กล้าประจญทุกกลศึก
เป็น น้ำลึกไหลนิ่งยิ่งมัวเขลา
ประ จานตนคนหนาปัญญาเบา
ชา- ตาเข้าดีร้ายเป็นฝ่ายมาร
รัฐ บาลบ้าบอนอมินี
ไผท นี้จึงแหลกแทรกร้าวฉาน
ของ ดีดีเหยียบย่ำน่ารำคาญ
ไทย มินานคงสิ้นหมดถิ่นไทย
ทุก คมปากอาวุธรุดทำร้าย
ส่วน วอดวายไทยชอบระบอบไหน
อยู่ ไหนเหวยคนกล้าช้าอยู่ใย
ดำรง ใยเรื่องรักหนักแผ่นดิน
คง คาเดือดเลือดหลั่งสักครั้งเถิด
ไว้ ชูเชิดเชิงรบมิจบสิ้น
ได้ จารึกนามไทยให้โลกยิน
ทั้ง พังภินท์ฉิบหายวอดวายใคร
มวล เมธีปรีชาจึงล่าถอย
ด้วย คนถ่อยครองเมืองเรืองไสว
ไทย ตกออกใต้เหนือไม่เหลือใย
ล้วน หมายใจชิงชังหวังทำลาย
หมาย เข่นฆ่ากันเองไม่เกรงกริ่ง
รัก ถูกทิ้งฝังกลบลบสลาย
สามัคคี จึงจอดชาติวอดวาย
ไทย เราหมายสงบจึงรบกัน
นี้ แหละไทยของจริงยิ่งกว่าแท้
รัก กันแค่เปรยเปรยน่าเย้ยหยัน
สงบ ไทยคือรบให้ครบครัน
แต่ ปางบรรพ์สืบทอดตลอดไป
ถึง เข่นฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น
รบ ถึงขั้นสิ้นชาติขาดเชื้อไข
ไม่ ต้องคิดรำลึกว่าศึกไทย
ขลาด กันใยเรามาฆ่ากันเอง
เอกราช อยู่ไหนไทยมิสน
จะ ปี้ป่นย่อยยับกระฉับกระเฉง
มิ ต้องรอศึกใดไทยบรรเลง
ให้ กันเองมล้างสร้างริปู
ใคร ที่ไหนเห็นไหมไทยทั้งนั้น
ข่มขี่ กันหยันหยามความอดสู
สละ ชีพเพื่อใครไทยหรือกู
เลือด พรั่งพรูไหลนองพี่น้องไทย
ทุก เดือดร้อนร้อนรุกทุกหย่อมหญ้า
หยาด น้ำตารินหลั่งเห็นบ้างไหม
เป็น ศัตรูล้างผลาญแต่กาลใด
ชาติ เป็นไฟลุกลามอยู่ครามครัน
พลี ชีพกันเถิดผองไทยไหนอาวุธ
เถลิง ยุทธ์กลางเมืองเรื่องห้ำหั่น
ประ กาศศึกผู้กล้ามาประจัญ
เทศ ไทยนั้นนักรบสงบลวง
ไผท ผืนแผ่นดินให้สิ้นขาด
ทวี ความอาฆาตยิ่งใหญ่หลวง
มีชัย เหนือธงชาติอันขาดกลวง
ชโย ล่วงเถิดไทย.....ชัยชโย......
25 กรกฎาคม 2551 18:44 น.
บนข.
....จากหัวใจรองเท้าถึงเจ้าของ
ผู้ครอบครองบาทาสง่าสม
ฉันก็แค่รองเท้าเฝ้าชื่นชม
ใฝ่นิยมหมายปองรองบาทา
อย่าดูถูกตัวฉันนั้นแค่เกือก
ไร้ทางเลือกรองรับประดับหน้า
ก็แค่เกือกเก่าเก่าขึ้นเหนารา
โปรดเมตตาดูแลเผื่อแผ่กัน
หน้าที่ฉันแท้จริงแสนยิ่งใหญ่
ป้องกันภัยบาทาพาสุขสัน
ทั้งก้อนหินขี้หมาสารพัน
เกือกอย่างฉันกำหนดด้วยอดทน
ไมเคยคิดบ่ายเบี่ยงทำเลี่ยงหลบ
หน้าแนบซบบาทาท้าแดดฝน
ตีนหญิงชายหมายสุขได้ทุกคน
ทั้งรวยจนเกือกนำให้ย่ำเดิน
เกิดเป็นเกือกเลือกตีนได้ไฉน
เขาใส่ใส่ทิ้งขว้างให้ห่างเหิน
เกียรติแห่งเกือกต้อยต่ำซ้ำเขาเมิน
ตีนเพลิดเพลินเมินใครที่ใส่มา
ขอร้องเถอะเจ้าของหันมองบ้าง
อย่าทิ้งขว้างเกะกะอนาถา
ใส่แล้วเก็บเข้าที่ฉันปรีดา
ยืดชีวายืนยงให้คงทน
หากปล่อยให้หมูหมาเข้ามาแทะ
มากัดแคะคาบซุกยิ่งทุกข์ท้น
ฉันย่อมเจ็บสังขารพิการกล
อาจส่งผลถูกทิ้งยิ่งช้ำใจ
....เปิดหัวใจรองเท้าถึงเจ้าของ
ผู้ครอบครองบาทาสง่าใส
คุณใส่เกือกเลือกเดินเพลินฤทัย
ย่ำหัวใจใครหนา...ใต้ฝ่าตีน....
23 กรกฎาคม 2551 20:52 น.
บนข.
ทุกชีวิตที่เห็นย่อมเป็นทุกข์
มันเคล้าคลุกทุกคนให้หม่นหมอง
เมื่อทุกข์เกิดแก่ใครท่านให้มอง
หมั่นไตร่ตรองครวญใคร่ใช้ปัญญา
ทุกข์ที่เห็นเป็นผลยลประจักษ์
มันจูงชักใจกายทั้งซ้ายขวา
เกิดจากเหตุทั้งมวลล้วนหลากมา
อวิชชาก่อผลดลบันดาล
เหตุแห่งทุกข์ที่แท้แลหลายหลาก
ล้วนความอยากตัณหามาประสาน
เมื่อไม่สมใจอยากหลากประการ
ทุกข์คืบคลานครอบคลุมมาสุมใจ
ความอยากในทุกสิ่งวิ่งกำหนด
สัมผัส,รส,รูป,กลิ่น,เสียงสำเนียงใส
ปรนเปรอกาย,ชิวหา,ตา,หู,ไป
นาสิกไซร้สูดค้นสุคนธ์มี
ความอยากเป็นทุกอย่างแล้ววางกฎ
หมายกำหนดเที่ยงแท้ไม่แปรหนี
ยึดมั่นในตัวตนล้นทวี
อัตตาชี้ฝังแน่นถึงแก่นใจ
มีสิ่งใดก็อยากเป็นเช่นสิ่งนั้น
มิอยากผันแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งไหน
มันฝังติดอิฏฐารมณ์ระงมไป
ยากผลักไสถอนตนให้พ้นมา
(ความ)ไม่อยากเป็นเช่นสิ่งอันเกินสิทธิ์
แห่งชีวิตมนุษย์จะใฝ่คว้า
ไม่อยากแก่เจ็บตายวายชีวา
ไม่อยากลาจากใครให้ตรอมตรม
เมื่อทุกข์เกิดให้เห็นย่อมเป็นผล
จงค้นเหตุจำเพาะให้เหมาะสม
ตัดความอยากยื้อยุดก็หลุดปม
ทุกข์หมักหมมทั้งหลายก็คลายตัว...
21 กรกฎาคม 2551 21:32 น.
บนข.
เมื่อฉันอ่านกลอนหวานประมาณรัก
อิ่มใจนักตามกลอนจนอ่อนไหว
อักษรรักหญิงชายระบายไป
เผยความในแนบกลอนสะท้อนมา
ชายเฝ้าเพียรเขียนกลอนไว้อ้อนพร่ำ
ทุกเช้าค่ำคร่ำครวญรันจวนหา
หญิงก็แต่งกลอนเอ่ยเผยวาจา
รจนาหัวใจใส่บทกลอน
หากเก็บรักฝากฟ้าเวลานี้
คงเต็มปรี่ด้วยรักเป็นอักษร
ฝากทะเลเหว่ว้าด้วยอาวรณ์
รักคงค่อนคงคาล้นวารี
เก็บคำรักหญิงชายเรียงรายสิ้น
ฝากผืนดินบรรจบทุกภพนี้
ทั้งแดนไตรคงเอียงเพียงเพราะมี
คำรักนี้โน้มถ่วงจากดวงใจ
ฉันจึงอ่านกลอนหวานประมาณรัก
เพื่อพิงพักอารมณ์ที่บ่มไหม้
เก็บคำรักอักษรใช่อ้อนใคร
หรือโยงใยใฝ่รักให้หนักทรวง
แต่อยากแต่งกลอนหวานประมาณว่า
ในอุราร่ำรักจนหนักหน่วง
ระบายรักทักทายใช่หมายลวง
คนไร้ดวงเด็ดรักมาปักใจ
แม้ฉันขาดพธูเชิดชูรัก
แต่มิหักหาญจิตคิดฝันใฝ่
ปลูกรักงามแนบจิตฉันคิดไป
หวังหทัยเอิบอิ่มปริ่มปรีดา
จึงอยากแต่งกลอนหวานประมาณซึ้ง
โดยเอื้อมดึงดวงดาวที่พราวฟ้า
เป็นสักขีพยานผ่านเวลา
สื่อรักพาชื่นชมภิรมย์ใจ.....