3 ธันวาคม 2551 21:59 น.
บนข.
เมื่อจันทร์ยิ้มพริ้มเพราให้เราเห็น
มีดาวเด่นเป็นตาท่ามฟ้าใส
เป็นรูปพักตร์ลักยิ้มอิ่มละไม
เหมือนมีใครคอยจ้องมองโลกา
อันรอยยิ้มแห่งจันทร์นั่นจำเพาะ
เป็นยิ้มเยาะเย้ยหยันกันแน่หนา
คงทุเรศเหตุการณ์ผ่านสายตา
ดวงจันทราจึงยิ้มเหมือนทิ่มแทง
ถุย...ชาวโลกขี้เหม็นก็เช่นนี้
นั่นโน่นนี่ชี้ชัดความขัดแย้ง
สัตว์ประเสริฐแค่นามความสำแดง
สิ่งแสแสร้งมายาจันทรามอง
ปากมนุษย์พร่ำเพรียกเรียกสันติ
แต่กลับริการร้ายหมายหม่นหมอง
บ้างเรียกร้องสามัคคีมีปรองดอง
แต่กลับจ้องบีฑาเข่นฆ่ากัน
พันธุ์มนุษย์ยื้อแย่งเข้าแบ่งโลก
บริโภคอหังการ์หฤหรรษ์
ห่างสำนึกชั่วดีในชีวัน
มิต่างชั้นจตุบาทอนาถจริง
ดูก่อนเถิดชาวโลก กะโหลกหนา
ก่อนโลกาย่อยยับสรรพสิ่ง
มีบ้างไหมปัญญามาประวิง
เพื่อละทิ้งสิ่งทรามความระยำ
ให้สันติงอกงามความสงบ
แล้วสยบร้อนทุกข์ที่รุกล้ำ
หยุดเข่นฆ่าอาฆาตอันอาจทำ
โลกระกำเห็นเห็นเป็นเพราะใคร
เมื่อจันทร์ยิ้มพริ้มเพราให้เรารู้
ดาวเด่นคู่เป็นตาท่ามฟ้าใส
คือยิ้มเยาะเย้ยหยันจันทร์อำไพ
เพราะเห็นความเป็นไปในโลกา....
16 พฤศจิกายน 2551 20:28 น.
บนข.
ตลาดหุ้นขึ้นลงไม่คงที่
ดัชนีนิยามความผันผวน
ใครขาดทุนกำไรใครเซซวน
สิ่งยั่วยวนเงินตราราคาทุน
ตลาดรักขายใจในยามนี้
กลับทวีนิยามความว้าวุ่น
ใครผูกขาดกวาดรักมากักตุน
อาจต้องลุ้นเสียใจกำไรจาง
ตลาดหุ้นเปลี่ยนมือผู้ถือสิทธิ์
โดยลิขิตตัวเลขอันเสกสร้าง
อุปสงค์แตกกอก่ออำพราง
เข้าสู่ทางอุปทานอันซ่านซม
ตลาดรักเปลี่ยนใจใครเสนอ
ด้วยปรนเปรอราคาให้สาสม
ก็คว้ารักกอบใจไปชื่นชม
ผู้ระทมรักคุดรักหลุดมือ
ตลาดหุ้นซื้อขายด้วยหมายผล
เพดานล้นหลายจุดไม่หยุดซื้อ
ปิดตลาดกวาดทรัพย์อยู่นับอื้อ
โลภกระพือเผาใครไม่เพียงพอ
ตลาดรักซื้อขายโดยไร้จุด
มันจึงหลุดเพดานเกินการขอ
อยากซื้อรักเงินน้อยต้องคอยรอ
ให้รักฝ่อรวนเรเทกระดาน
ตลาดหุ้นซื้อขายด้วยหมายเปลี่ยน
เงินหมุนเวียนโดยมือผู้ถือผ่าน
ใครเจ้าของครองไว้มิได้นาน
ต้องมีการเทถ่ายออกขายไป
ตลาดหุ้นขึ้นลงไม่คงที่
ดัชนีนิยามความหวั่นไหว
ตลาดรักมักง่ายคนขายใจ
ยากที่ใครจะนิยาม...ความเรรวน
19 ตุลาคม 2551 16:09 น.
บนข.
ฤาษีหนึ่งหลีกเร้นบำเพ็ญพรต
หวังกำหนดเอกา ณ อาศรม
ท่ามพงไพรใบหนาชื่นอารมณ์
ขัดเกลาข่มกิเลสเหตุอบาย
มีเสียงนกเสียงกามาเป็นเพื่อน
ไม่กล่นเกลื่อนฝูงชนคนทั้งหลาย
แกเสพสุขทุกข์ห่างไม่ย่างกราย
วิเวกกายหมายมั่นมิหวั่นใด
เรื่องเสบียงเลี้ยงท้องมิต้องห่วง
สิ่งทั้งปวงเสาะหาก็มาได้
ทั้งผลไม้ใบไม้ทั้งใกล้ไกล
ตลาดไพรจับจ่ายสบายตน
ถือภาษิตฤาษีธชีป่า
กินเป็นยาปนมัตต์ไม่ขัดสน
เนื้อนมไข่หวานเค็มนั้นเต็มทน
จะดั้นด้นเสาะหามารับทาน
ไม่ติดใจกำหนดในรสชาติ
ด้วยมุ่งมาดหล่อเลี้ยงเพียงสังขาร
เพื่อทรงชีพขับเข็นบำเพ็ญฌาน
นับโดยกาลนานปีฉะนี้มา...
จะกล่าวถึงสัตว์หนึ่งซึ่งอาศัย
คือเหี้ยใหญ่สังขารคลานสี่ขา
มิใช่สัตว์ต่ำต้อยถ่อยชีวา
เป็นพญาแห่งเหี้ยไม่เสียที
เคยปกครองผองเหี้ยไม่เสียศักดิ์
ด้วยใช้หลักแห่งธรรมนำวิถี
รู้หลักปราชญ์ปรีชาปัญญามี
ผิดถูกชี้แนะนำด้วยชำนาญ
มาวันหนึ่งเหี้ยใหญ่ใจเบื่อหน่าย
จึงเร้นกายหมายหลีกปลีกสังขาร
สัญจรไพรเรื่อยมาหาสำราญ
ลุสถานฤาษีมุนีไพร
จึงขุดรูเป็นรังหวังกำหนด
บำเพ็ญพรตเยี่ยงธชีฤาษีไซร้
มิห่างเขตอาศรมชื่นชมใจ
วิเวกในกายาประสาตน
ทุกค่ำเช้าเฝ้ามองจ้องอาศรม
ศีรษะก้มคำนับไม่สับสน
อภิวาทวันทะนังหวังมงคล
ไร้เล่ห์กลสันดานวิการใด
มาวันหนึ่งมุนีฤาษีนั้น
นึกกระสันในจิตคิดเหลวไหล
โอ้รสเค็มเปรี้ยวหวานประการใด
หลายปีไซร้มิผ่านน่านลำคอ
เคยลิ้มรสจดจำย้ำปลายลิ้น
นึกอยากกินลึกล้ำน้ำลายสอ
เมนูไพรรสป่าน่าจะพอ
จำต้องขอจาริกภิกขาจาร
เช้าวันหนึ่งจึงจาริกเพื่อภิกขา
ด้นมรรคาออกสู่ยังหมู่บ้าน
เมื่อความอยากครอบงำให้รำคาญ
ต้องซมซานเสาะหามาประทัง
ให้บังเอิญจำเพาะเหมาะเจาะยิ่ง
ได้เนื้อปิ้งชิ้นงามสมความหวัง
ธชีชิมลิ้มค่อยอร่อยจัง
แกพลั้งปากถามเผื่อเนื้ออะไร
รสชาตินุ่มหอมหวนรัญจวนลิ้น
ร้อยพันสิ้นรสทิพย์มิสู้ได้
แม้รสอื่นหมื่นแสนในแดนไพร
ยังห่างไกลรสเนื้อเหลือบรรยาย
เขาจึงบอกถ้อยความไปตามสัตย์
ให้แจ้งชัดเนื้อนี้ที่ถวาย
คือเนื้อเหี้ยนะท่านฉันสบาย
มีมากมายเชิญรับสำหรับมี
ฝ่ายตาเฒ่าฤาษีมุนีป่า
ติดรสแห่งมังสาตัณหาชี้
แม้นบำเพ็ญพรตฌานมานานปี
เฒ่าธชีมิอาจตัดกำจัดมัน
จึงเดินกลับอาศรมนิยมสถาน
คิดแผนการณ์ยิ่งใหญ่ในใจนั้น
หวังฆ่าเหี้ยเอาเนื้อคลุกเกลือพลัน
สารพันเมนูแกรู้มา
เหี้ยแดดเดียวรสเด็ดก็น่าลุ้น
เนื้อเหี้ยตุ๋นสมุนไพรที่ในป่า
เหี้ยต้มยำกำหนดรสโอชา
เหี้ยผัดฉ่า,ผัดเผ็ดก็เด็ดจริง
ลาบเนื้อเหี้ยเมนูน่าซูฮก
เหี้ยน้ำตก,รสจัดเหี้ยผัดขิง
เหี้ยลอยฟ้า,ลงเหวเชลล์ชวนชิง
เหี้ยคั่วกลิ้ง,เหี้ยทอด,ยอดโอชา
จึงวันหนึ่งตัดใจได้เด็ดขาด
ต้องพิฆาตพญาเหี้ยให้เสียท่า
เตรียมไม้ค้อนซ่อนมิดชิดกายา
แล้วห่มผ้าเรียบร้อยนั่งคอยที
ฝ่ายเหี้ยนั้นเฝ้าคิดวินิจฉัย
ด้วยสงสัยอาการท่านฤาษี
แต่ก่อนมาปะไรไม่เห็นมี
เฒ่าธชีออกนั่งยังนอกชาน
จึงค่อยคลานจากรูดูซ้ายขวา
หวังวันทามุนีฤาษีท่าน
ผงกหัวเคารพนบอาจารย์
แล้วจึงคลานกลับรูที่อยู่มัน
ในบัดนั้นมุนีฤาษีเฒ่า
รีบคว้าเอาไม้ค้อนอันซ่อนนั้น
แล้วขว้างไปโดยคิดปลิดชีวัน
แห่งเหี้ยนั้นให้ดับย่อยยับไป
แต่อาวุธฤาษีมุนีเฒ่า
กลับพลาดเป้าหวุดหวิดผิดไปได้
เพราะเหี้ยคอยระวังคอยชั่งใจ
วิ่งเร็วไวรีบรุดมุดรูตน
แล้วโผล่หัวจากรูดูฤาษี
พร้อมวจีกล่าวแจ้งแถลงผล
แน่ะฤาษีตาเฒ่าเจ้าเล่ห์กล
ผู้ทรงตนถือพรตดาบสเอย
เครื่องแบบเจ้าสูงล้ำเกินคำกล่าว
กลับเหม็นคาวความชั่วตัวเจ้าเอ๋ย
ภายนอกเจ้าสดใสกระไรเลย
ภายในเหวยหลบเร้นเหม็นเน่าจริง
อันตัวเจ้าเหล่ากอสมณะ
มิอาจละตัณหาอันมาสิง
เจ้าคือโจรชั่วช้ามาแอบอิง
เจ้าละทิ้งศีลสัตย์วิบัติครอง
ข้าหลงราบกราบเจ้าด้วยเคารพ
หวังประสบบุญกรรมนำสนอง
แต่เจ้าเผยธาตุแท้ให้แลมอง
ข้าเกือบต้องฉิบหายวายชีวี
แนะฤาษีธชีเฒ่า
วันนี้เจ้ามิเป็นเช่นฤาษี
ข้าขอหลีกห่างไกลไม่รอรี
คนกาลีเช่นเจ้าน่าเศร้าใจ.......
นี่แหละท่านนิทานที่ฉานกล่าว
เป็นเรื่องราวอ่านเล่นท่านเห็นไหม
เกิดเป็นเหี้ยเป็นฤาษีเป็นที่ใด
วินิจฉัยใตร่ตรองมองดูเทอญ....
14 ตุลาคม 2551 09:34 น.
บนข.
สมศักดิ์สมศรีมณีวิโชติ
สมโภชน์สมสมทัตวิภัตติ์สนอง
สมบูรณ์สมทรงอนงค์ประคอง
สมปองสมพลสกลสราญ
สมเพชสมพาสประกาศประสิทธิ์
สมพิตรสมภพประสพประสาน
สมเด็จสมรสประคตประทาน
สมจิตรสมภารสะพานอุไร
สมมุติสมโมทประโยชน์ประหยัด
สมบัติสมการสนานสมัย
สมยศสมรักษ์วิลักษณ์วิไล
สมทบสมใจสไบสภา
สาธิตสาธกวิหควิหาร
สาทรสาธารณ์วิศาลวิสาข์
สาเกตสากลสถลสุชา
สาครสาขาสลาสะคราญ
สาทิสสามารถวิลาศวิถี
สามลสามีสมีสะท้าน
สาแหรกสาลูวิภูวิจารณ์
สาฎกสามานย์วิธารวินัย
สารูปสารีวจีวิภัช
สารมภ์สารัทธ์วิบัติวิสัย
สายัณห์สาลีวิธีวิจัย
สากัลย์สาไถยวิชัยวิวัน
สมชายสมฤทธิ์วินิจวินาศ
สมเกียรติสมปราชญ์วิวาทวิศัลย์
สมพงศ์สมตนประจญประจัญ
สมวัยสมกันวลัญช์วลี
สมเสร็จสมปักวิจักษณ์วิทิต
สมใจสมคิดวิวิธวสี
สมจริงสมจังวรังค์วดี
สมโพธน์สมธีร์ฉะนี้นะเอย......
7 ตุลาคม 2551 16:33 น.
บนข.
หงอกนะหงอกใช่หอกจะบอกให้
หัวฉันไซร้มีหงอกบอกเฉยเฉย
ผ่านกระจกยกส่องมองผ่านเลย
เอื้อมมือเสยเส้นผมไม่ตรมใจ
เคยดกดำดูดีเต็มศีรษะ
มินานปะขาวแซมยิ่งแจ่มใส
ผมคงที่แต่สีนะเปลี่ยนไป
โดยวันวัยเวลามิช้านาน
สีดำดำขาวขาวราวดอกหญ้า
แต้มเกศาสวยจริงยิ่งภูมิฐาน
รักนะหงอกบอกให้ไม่รำคาญ
เชิญสำราญงอกงามไปตามมี
ถึงจะหงอกเต็มหัวไม่กลัวหรอก
สวยไม่หยอกน่าชมผมสองสี
เสริมเสน่ห์หน้าตาบารมี
แสนโชคดีมีหงอกอย่าบอกใคร
เป็นเครื่องเตือนตัวเองให้เกรงกริ่ง
ต่อความจริงปรากฏกำหนดให้
หงอกบนหัวหัวหงอกบอกอะไร
ทุกสิ่งไซร้ทั่วถ้วนล้วนเปลี่ยนแปลง
ฉันจึงยิ้มยืดอกได้พกหงอก
กระซิบบอกกับใจไม่เสแสร้ง
คนมีหงอกดูเก๋เท่อย่างแรง
คือเพื่อนแพงคู่หัวกลัวไปใย
ถึงจะหงอกก่อนวัยไปก่อนหน้า
แซงตีนกางามเด่นเห็นไสว
หงอกหัวฉันใช่หงอกบนหัวใคร
งามกระไรใครเห็นต้องเป็นมอง
........หอกนะหอกใช่หงอกบอกให้รู้
มันโจมจู่กระบาลพาลสยอง
นั่นเงาใครในกระจกเมื่อยกส่อง
ถือหอกจ้องทิ่มแทง...แสยงใจ....