2 พฤศจิกายน 2547 09:50 น.
น้ำหมึกขาว
ธัณ มกราคม 1964
ผมเดินผ่านรั้วโรงเรียนพร้อมๆกับร่างกายและใบหน้าที่กำลังปะทะกับลมหนาวที่กำลังโชยเอื่อย ด้วยฝีเท้าที่ย่างก้าวไม่เร็วหรือช้ามากนัก ร่างกายที่กำลังเดินผ่านร่างของผู้คนที่เป็นนักเรียนอย่างเชื่องช้าทำให้ผมสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองผมราวกับจะกลืนกินตัวผมไปซะอย่างนั้น สายตาของพวกเธอหลายสิบคู่ที่ผมเดินผ่านนั้นกำลังมองมาที่ผมเพียงผู้เดียว มันเป็นอย่างนี้ตลอดเวลานับแต่แต่ผมเริ่มเข้าเรียนมัธยมต้นในโรงเรียนนี้จนผมจะจบม.ปลายในอีกเร็วๆนี้เอง
แปลกมากที่ผมไม่ยอมยุ่งหรือคบหากับหญิงใดในโรงเรียนเป็นแฟนอย่างจริงๆจังๆสักคน จนครั้งนี้ หญิงคนนั้นเขียนจดหมายมาหาผมพร้อมกับกลอนรักบทเล็กๆ เธอช่างแปลกจากผู้หญิงอื่นในโรงเรียนซะนี่กระไร ผมคิดพลางอมยิ้มหัวเราะเบาๆคนเดียวหลังจากที่ได้เปิดกระดาษสีชมพูอ่อนกลิ่นกุหลาบแดงนั่น
มันเป็นอย่างตลอดนี้เรื่อยมา อันเป็นเวลาที่ยาวนาน ผมเขียนจดหมายโต้ตอบกับหญิงสาวที่ชื่อ ส้มโอ ผมรู้ได้ว่าเธอชื่อนั้นเพราะตรงมุมกระดาษเล็กๆมีชื่อๆนึงซึ่งเขียนอย่างบรรจงติดอยู่ แต่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้เลยว่าหน้าตาของเธอจะเป็นอย่างไร หรือว่าเธอจะเรียนอยู่ห้องไหน แต่สิ่งที่ผมรับรู้และเกิดขึ้นในจิตใจผมในตอนนั้นคือ หญิงสาวที่เขียนจดหมายนี่เป็นผู้หญิงที่ผมต้องการและตามหามาเป็นเวลานานแสนนาน
จนกระทั่งวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมนัดกับส้มโอมาเจอ ผมไม่รู้สึกขัดเขินเลยแม้แต่น้อย ผมสารภาพรักเธอโดยง่ายดาย แปลกจริงๆ ผมครุ่นคิดในขณะที่มือเริ่มแข็งถื่อและอุณภูมิในตัวเริ่มลดลงจนเย็นเฉียบจากขั้วหัวใจสู่ภายนอก ส้มโอกลับตอบรับมาว่า ฉันก็รักคุณ
ผมคบกับส้มโอโดยที่ผมก็รู้จักกับเพื่อนสนิทกับส้มโอคนหนึ่งที่ชื่อ น้ำหวาน น้ำหวานเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสระสวยได้รูป จะว่าไปเธอก็หน้าตาน่ารักและนิสัยดีกว่า ส้มโอ อยู่หลายขุม แต่ผมไม่สามารถที่จะปันใจจากที่มีให้กับส้มโอไปให้หญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นได้เพียงเพราะคำว่า รู้สึกผิด ที่คั่นกลางอยู่ในใจผมนั่นเอง
ผมมักจะเดินผ่านบ้านของน้ำหวานอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเวลาใดก็ตาม ตอนเช้าก่อนไปเรียน หรือตอนดึกก่อนเข้านอน เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าผมได้ยืนมองเธออยู่นอกรั้วอลูมิเนียมนั่น บางขณะเธอมักจะนั่งพักพรางฮำเพลงเบาๆที่ใต้ต้นไม้เพียงต้นเดียวกลางสวนที่ติดกับห้องนั่งเล่นของเธอ บางวันเธอก็จะนั่งเล่นกึ่งนอน หลังพิงหมอนรูปสามเหลี่ยมอยู่ตรงห้องรับแขกที่เปิดประตูบ้านทรงญี่ปุ่นนั่นโดยกว้าง พอที่จะทำให้คนภายนอกอย่างผม ที่แอบมองเธออยู่อดมองในความน่ารักของเธอไม่ได้เลย
ทุกๆเย็น หลังจากที่ผมเดินไปส่งส้มโอที่บ้าน ผมก็มักจะทำทีว่าเดินผ่านบ้านน้ำหวาน แล้วชำเลืองมองเข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่นั่น แม้ว่าในบางครั้งผมไม่เห็นเธอ ผมก็ยังรู้สึกอุ่นใจลึกๆ เหมือนกับรู้จักนิสัยตัวเธอมากกว่าส้มโอซะอีก เอ๊ะ!กล่องใส่จดหมาย ผมอุทานพลางพูดในใจคนเดียวขณะที่ย่างกรายอย่างเชื่องช้าผ่านมาถึงประตูหน้าบ้านและเจอกล่องไม้เก่าๆซึ่งนั่นจะดูว่าเป็นที่เก็บใส่ซองจดหมายเป็นแน่
ใช่แล้วนี่อาจเป็นการดีที่สุด ผมคิดหลังจากที่จะนึกอะไรบางอย่างในหัวออก แม้ว่าสิ่งนั้นที่ผมคิดมันจะเป็นสิ่งที่ รู้สึกผิด ก็ตาม ผมเริ่มเขียนจดหมายสารภาพรักแล้วนำมาหย่อนในกล่องไม้ใบย่อมนั่น เนื้อความทั้งหมดที่มีในกระดาษสีขาวซอดสองเปล่าที่ไม่ได้ปิดแสตมป์หย่อนลงตู้ไม้นั่น
ความรู้สึกต่างๆมากมายเริ่มแล่นเข้ามาในหัวของผมในตอนนั้น ผมรักเพื่อนของคนรักมากกว่าความรักที่ผมจะให้คนรักหรือนี่
แต่วันแล้ววันเล่าที่ผมเขียนจดหมายสารภาพรักนั่น น้ำหวานก็ไม่เคยเขียนตอบกลับผมมาเลย และไม่ว่าเมื่อใดที่พวกเราทั้งสามอยู่ด้วยกัน ผมก็ทำได้แค่เพียงแอบมองผู้หญิงที่ยืนข้างหลังคนรักของผม เธอคงจะได้อ่านแล้วรู้สึกรังเกียจผมแน่ๆ แต่ดูเหมือนกลับว่าสิ่งนั้นมันทำให้ผมพยายามมากขึ้น มันทำให้ผมเขียนจดหมายอีกหลายฉบับไปหย่อนลงในตู้ไม้หน้าบ้านเธอเช่นเคยจนกระทั่งพวกเราทั้งสามจบมหาลัยและได้งานทำ
จนวันนี้ ในคืนนี้ ในบ้านหลังนี้ บ้านของน้ำหวาน ผมได้รับรู้บางสิ่งบางอย่างที่น้ำหวานก็อยากบอกผมเช่นกันจากไดอารี่สีฟ้าของเธอ ในเวลานั้นผมรู้สึกดีใจ รู้สึกผิด รู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก
มันคงจะดีนะ ถ้าที่ตรงนั้นไม่มีส้มโออยู่ด้วย ผมคิดหลังจากที่หยิบไดอารี่สีฟ้าขึ้นจากเก้าอี้ของน้ำหวานโดยหญิงสาวที่ชื่อส้มโอก็ยื่นหน้าของเธอมาพร้อมๆกับผมที่กำลังพลิกอ่านไดอารี่สีฟ้าของน้ำหวานทีละหน้าอย่างตั้งใจ
ข้อความจากน้ำหมึกตัวบรรจงเขียนขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นของหน้ากระดาษที่ผมพลิกอ่านนั่น จนถึงกลางเล่มก็ทำให้ผมมั่นใจและแน่ใจได้ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ หนึ่งเดียวในหัวใจของหญิงสาวที่ชื่อน้ำหวานนั่นมีเพียงผมเพียงคนเดียว และในเวลาเดียวกันตลอดหลายปีมานี่ ผมก็มีใจให้เธอเพียงคนเดียวเช่นเดียวกัน แต่ในขณะนั้น แล้วส้มโอล่ะ?? ส้มโอจะเป็นยังไง??
มาแล้วค่าโทษทีนะทุกคนที่ปล่อยให้รอนาน มาทานขนมกันเร๊ว เสียงใสๆดังขึ้น ร่างนั้นผ่านประตูเข้ามายืนมองผมและส้มโอ หลังจากที่ผมยืนอ่านไดอารี่นั้นตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้โดยที่คนที่ยืนอยู่เคียงข้างตัวผมก็หลั่งน้ำตาออกมาแล้วร้องไห้ฟูมฟายราวกับเธอจะรู้ดีว่ากำลังจะเสียของที่มีค่าสำหรับจิตใจเธอไป
ไม่นานนักเสียงจากถาดขนมได้ตกลงกระทับพื้นไม้ของบ้าน น้ำหวานปล่อยมันลงหลังจากที่เธอมองเห็นไดอารี่สีฟ้าที่อยู่ในมือผมพร้อมกับส้มโอที่ยืนเคียงข้างผมพลางร้องไห้โฮ ผมคิดว่าเธอรู้ได้ดีแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางความเงียบเพียงไม่กี่วินาทีนั้น มันสามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าราวจะแตกเป็นเสี่ยงๆเหมือนกับแก้วที่ร้าวแล้วถูกน้ำร้อนเทใส่ แต่สิ่งที่ไม่อาจคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อส้มโอได้วิ่งออกจากบ้านนั้นไปท่ามกลางความเงียบที่มีแต่เสียงสะอื้นของตัวเธอ ผมตั้งสติได้จึงวิ่งตามเธอไปพร้อมๆกับน้ำหวานที่อยู่ในชุดกันเปื้อนนั่น
หนทางที่เริ่มมืดมิด ผมมองไม่เห็นอะไรเลยในความมืดนั่นจะมีเพียงก็แต่เสียงเหนื่อยหอบของน้ำหวานที่ยืนข้างๆผมในตอนนั้น ปากของเธอพลางเรียกชื่อๆนึงที่เธอและผมคุ้นเคย เธอกล่าวขอโทษพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อนั้นต่อไป แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดแต่แสงไฟข้างทางก็ยังสลัวพอที่จะทำให้ผมเห็นน้ำตาที่กำลังไหลรินมาจากดวงตากลมโตที่สวยงามของเธอนั้นได้อย่างง่ายดาย
ท้องฟ้ามีเสียงคำรามราวกับราชสีห์ในป่าลึกกำลังโกรธจัด ผมรู้ได้ทันทีว่าฝนคงจะตกหนักเป็นแน่ ฝนตกหน้าหนาว แปลกดีนะ ผมคิดอย่างฟุ้งซ่านคนเดียวก่อนที่จะหันไปมองหน้าน้ำหวานเป็นสัญญาณแทนคำพูดว่าเราสองคนควรเร่งหาส้มโอให้เร็วไวที่สุดก่อนที่ฝนจะตก เธอพยักหน้ารับพร้อมๆกับน้ำใสๆที่ปาดเปื้อนแก้มสองข้างของเธอ ในเวลานั้นเม็ดน้ำจากฟากฟ้าก็ได้สาดลงมาทันใด
ผมตามหาส้มโอต่อไปจนเจอร่างๆหนึ่งริมถนนใหญ่ ร่างของหญิงสาวในชุดอยู่บ้านนอนนิ่งข้างถนนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ผมค่อยๆเดินไปดูร่างนั้นอย่างเชื่อช้าจนมั่นใจว่านั่นคือ ส้มโอ ผมพยูงและอุ้มร่างเธอขึ้นก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลังของผม
ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดนี้มาก มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ผมปลอบตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายมารในร่างกายของผมกลับพูดออกมาว่า นายจะได้อยู่กับน้ำหวานแล้วนะ รักแรกของนายไง ผมรู้สึกดีแบบแปลกๆเมื่อคิดได้อย่างนั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆนั่น ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าหรือได้ยินเสียงของน้ำหวาน
ผมจึงแวะไปที่บ้านของน้ำหวานอีกครั้ง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวคนนั้นจะทำอะไรอยู่นะ เธอจะร้องเพลงใต้ต้นไม้ หรือว่านั่งเล่นในห้องรับแขกที่เปิดประตูกว้าง ทว่า บ้านหลังนั้นถูกปิดตายพร้อมกับตัวหนังสือสีแดงขนาดใหญ่ ที่บรรจงเขียนบนกระดาษแข็ง
ประกาศขาย
ติดตามบทที่ 1 ตอนต่อไป
2 พฤศจิกายน 2547 09:45 น.
น้ำหมึกขาว
น้ำหวาน มกราคม 1964
ทุกวันก่อนไปโรงเรียน...ฉันจะชอบให้แม่ถักเปียสองข้างให้ฉัน...
ฉันก้าวเข้าผ่านประตูไม้บานใหญ่ไปในห้องเรียน...ทันทีที่ฉันปรากฏตัวในห้อง... ที่กำลังมีเพื่อนชายหญิงที่คุยกันอย่างเซ็งแซ่นั้นก็ปรากฏร่างของเด็กหญิงผมม้าคนหนึ่ง ส้มโอ หล่อนโผล่พรวดออกมาจากหลังห้องนั่นแล้ววิ่งมาที่ฉันด้วยท่าทางลุกลนและกริยาที่ดีใจอย่างสุขล้น หล่อนเป็นคนที่ฉันเคยพูดคุยในยามฉันเปล่าเปลี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียว คนที่ฉันเคยแอบหนีไปค้างบ้านเธอเวลาแม่ฉันลงโทษ คนที่ฉันไปทานข้าวกลางวันพร้อมกับเธอเป็นประจำทุกวัน คนที่จะคอยหัวเราะหรือร้องไห้ไปพร้อมๆกับฉัน คนที่ฉันเอ่ยปากขอยืมทุกอย่างได้ในตัวของหล่อนเว้นแต่ชีวิต คนที่ฉันเรียกเธอว่า เพื่อนตาย
น้ำหวาน!.น้ำหวาน!ชั้นมีอะไรจะบอกเธอแหละเธอจำผู้ชายที่ชื่อธัณได้มั้ย??เค้ามาสารภาพบอกรักชั้นแล้วชั้นขอบใจเธอจริงๆนะ ส้มโอพูดหลังจากที่เธอวิ่งมาเขย่าตัวของฉันผมม้าของเธอสะบัดพริ้วไหวตามแรงเขย่าตัวเธอที่มีให้ฉัน เธอเล่าพร้อมกับกล่าวถึงชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันและเธอรู้จักดี ธัณ เด็กหนุ่มที่ดีทั้งหน้าตาและรูปร่าง พอๆกับฐานะทางการเงินของเขา ธัณอยู่ห้องเรียนถัดไปที่ติดกับห้องเรียนของฉันและส้มโอ
นายนั่นเป็นคนที่เพื่อนสนิทของฉันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่ส้มโอก็ไม่เคยรับรู้เลยว่าฉันก็แอบชอบเด็กผู้ชายที่ชื่อธัณนั่นไปพร้อมๆกับเธอ .. .
. .. ชื่อเล่นที่ชื่อน้ำหวานนั้น เป็นชื่อที่คุณพ่อคุณแม่ของฉันตั้งให้ ท่านบอกว่าพวกท่านทั้งสองชอบดื่มน้ำหวานมาก โดยตอนตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ของฉันก็ยังชอบดื่มน้ำหวานอยู่อย่างไม่ขาด และนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันชื่อเล่นชื่อนี้
ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวนี้ ฉันเติบโตมากับบ้านทรงญี่ปุ่นที่อาจจะดูใหญ่ไปสักหน่อยสำหรับครอบครัวเล็กๆที่มีเพียงสามคนคือ พ่อ แม่ และลูก ตั้งแต่จำความได้ฉันโตมากับ ปุย ปุยเป็นแมวตัวผู้สีขาวสะอาด เราทั้งคู่มักจะไปนั่งเล่นที่ใต้ต้นไม้ต้นเล็กๆที่มีอยู่เพียงต้นเดียวกลางสนามที่ติดอยู่กับห้องรับแขก จนกระทั่งฉันขึ้นประถม ปุยจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับมา
ฉันจำได้ดีว่ากลางดึกวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักมาก ฉันนั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้าประตูภายในบ้านกับแม่ของฉัน ที่ยังคงลูบหัวพร้อมคำพูดที่ปลอบฉันอยู่อย่างไม่ขาด ฉันมองดูประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพ่อของฉันวิ่งออกไปตามหาปุย นานพักใหญ่กว่าพ่อของฉันจะกลับมาด้วยสภาพที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน
บางสิ่ง อยู่บนอุ้งแขนของพ่อฉันที่กำลังอุ้มอยู่ ร่างสัตว์สี่เท้าสีขาวที่ฉันรู้จักดีนอนแนบนิ่ง แม้ว่าบนตัวของ บางสิ่ง ที่พ่อฉันอุ้มอยู่จะมีคราบสีแดงสดหยดลงมาพร้อมๆกับน้ำฝนที่ยังคงติดตัวผสมอยู่ แต่ฉันก็มั่นใจว่ามันคือ ปุย พ่อของฉันพูดสั้นๆด้วยสีหน้าเศร้าสลดเพียงว่า ปุยหลับไปแล้วนะ แล้วพ่อก็ส่งปุยมาให้ฉัน ฉันก็ร้องไห้ไม่หยุด ฉันได้แต่เขย่าตัวของมันให้ฟื้นขึ้น ปากก็พลางพูดให้มันตื่น ฉันหอมไปที่ขนเปียกๆบนหัวมัน เพื่อหวังว่ามันจะเงยหน้ามาเลียฉันเหมือนทุกครั้ง แต่ปุยก็ยังคงหลับสนิทเหมือนที่พ่อฉันบอกไว้ ฉันจึงไปฝังปุยไว้ที่ใต้ต้นไม้ที่มีเพียงต้นเดียวของบ้านหลังนี้ .. .
แม้ว่าปุยจะจากฉันไปได้ไม่นานนัก ฉันก็ได้เริ่มเรียนชั้นประถมในทันที ความรู้สึกที่นึกถึงปุยยังคงอยู่ในใจฉันตลอด จนวันหนึ่งจิตใจของฉันก็ถูกแทนที่ด้วยเด็กหญิงที่ชื่อ ส้มโอ
ส้มโอดีกับฉันทุกอย่าง เราเล่นด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน เราทั้งคู่ถือเป็นตัวแทนซึ่งกันและกัน บางวันถ้าฉันถูกทำโทษส้มโอก็จะมาอธิบายจนคุณครูยอมสยบยกโทษให้ ฉันกับส้มโอสนิทกันมากจนกระทั้งเราเรียนถึงชั้นม.ปลาย
วันหนึ่งในขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้านหลังจากเลิกเรียน เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันคุ้นหูก็ดังขึ้น
น้ำหวานเสร็จรึยัง?? ส้มโอถามคำถามหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างตั้งใจ ฉันพยักหน้าอมยิ้มพร้อมกับยื่นกระดาษสีชมพูหวานไปให้เธอ เธอยิ้มกว้างพร้อมกับทำตาโตพลางกอดฉันหนึ่งทีก่อนวิ่งจากฉันไป เธอวิ่งไปห้องเรียนที่ติดข้างๆห้องพวกเราทั้งสอง เพื่อนำกระดาษสีชมพูอ่อนกลิ่นกุหลาบแดงที่ฉันบรรจงเขียนให้เธอไปสอดไว้ใต้โต๊ะไม้ของ ใครคนนั้น
ส้มโอ เธอให้ฉันเขียนจดหมายรักให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อธัณ ฉันรู้ได้เพราะว่าเธอเขียนบทสารภาพรักหวานซึ้งตรึงใจ หรือเข้าใจไปยังเบื้องลึกของผู้ชายไม่ดีเท่าฉัน คงเป็นเพราะว่าเธอคงจะไม่มีอารมณ์โรเมนติกเลยกระมัง เธอถึงมาขอร้องฉัน ฉันเขียนจดหมายให้เธอเพื่อที่จะนำไปให้ผู้ชายที่ชื่อธัณคนนั้น แต่ฉันก็คงจะไม่มีทางเขียนบทรักหวานชื่นนั่น ได้ถ้าฉันไม่ได้รู้สึกอย่างที่ส้มโอรู้สึกกับธัณ .. .
ใช่แล้ว ฉันชอบธัณด้วยเช่นกัน แต่ฉันไม่สามารถทำได้ เพราะส้มโอคือ เพื่อนตาย ของฉัน ฉันเขียนจดหมายรักโต้ตอบกับผู้ชายที่ชื่อธัณนั่นเป็นเวลานานนับเดือน โดยที่ตรงมุมชื่อของจดหมายที่ฉันเขียนนั้นเป็นชื่อของ ส้มโอ
วันใดถ้ามีเวลาว่าง ฉันมักจะเอาไดอารี่สีฟ้าเล่มโปรดของฉันมาเสก็ดภาพเด็กผู้ชายที่ชื่อธัณนั่น แม้ว่าชั่วโมงศิลปะฉันจะทำคะแนนได้ไม่ดีนัก แต่ฉันก็ตั้งใจที่จะวาดผู้ชายคนที่ฉัน รัก
ส่วนใหญ่ฉันเขียนเรื่องราวที่เป็นเหมือนนิยายของฉันผ่านเส้นหมึกที่บรรจงเขียนทุกตัวอักษรลงในไดอารี่ของฉัน เรื่องราวความรักของฉันที่ไม่สามารถบอกส้มโอหรือธัณได้
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ความรักที่ส้มโอรอคอยก็สมหวัง ฉันจึงทำได้แต่เพียงยืนยิ้มและดีใจไปกับเธอ แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดธัณก็รับรักหญิงที่เขียนจดหมายรักนั่น ภายใต้จิตใจของฉันที่ผ่านออกไปนั่นคือ ส้มโอ
ตลอดระยะเวลาที่มีนั้น ธัณและส้มโอรักกันมาก ฉันรู้สึกอิ่มไปด้วยความรักของคนทั้งคู่ ทั้งสองนั้นไม่เคยลืมฉันและไม่เคยคิดว่าฉันเป็นส่วนเกินแต่อย่างใด ไม่ว่าทั้งคู่จะไปเที่ยวหรือทานข้าวก็จะชวนฉันไปด้วยเสมอ ฉันรู้สึกว่าธัณเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์พร้อมและเหมาะกับคนที่ดีอย่างส้มโอ โดยที่ความลับของฉันกับส้มโอที่ปิดซ่อนไว้ไม่มีทางที่ธัณจะรู้ได้ แต่ภายในของความรู้สึกนึกคิดนั้น ฉันก็แค่คิดว่าเพียงได้อยู่ใกล้ชิดกับธัณก็เพียงพอแล้ว
บ้าสิ!น้ำหวาน!เธอคิดอะไรของเธอ!ส้มโอเพื่อนเธอนะ!! ฉันเตือนตัวเองหลังจากเพ้อฝันเป็นเวลานาน
สองคนนั้นดีกับฉันเสียจริงๆ ทั้งคู่ต่างนำเงินที่เก็บไว้ไปซื้อนาฬิกาข้อมือให้ฉันใส่ในวันเกิดของฉัน โดยที่ฉันก็ยังชอบใส่อยู่ไม่เคยถอดออกหรือลืมทิ้งไว้ที่ไหนเลย เว้นแต่ตอนอาบน้ำ
. .. แต่แล้วในที่สุด เรื่องราวความรักของคนสองคนที่ฉันรัก นั้นกำลังจะจบจากงานแต่งงานของพวกเค้าในไม่กี่เดือนข้างหน้าที่จะมาถึงหลังจากที่เราทั้งสามจบมหาลัย เรื่องทั้งหมดอาจจบเพียงเท่านี้และไม่ยืดเยื้อออกไปอีก ถ้าไม่มี ใครคนนั้น เห็น ไดอารี่สีฟ้า ของฉัน
ไดอารี่ที่เปลี่ยนผันชีวิตของคนทั้งสาม
. .. นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวที่ฉัน ส้มโอ และธัณเพิ่งได้งานทำที่เดียวกัน หลังจากที่พวกเราจบจากมหาลัย และพิธีงานศพครบร้อยวันของพ่อแม่ของฉันซึ่งท่านเสียชีวิตไปอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุ
พรุ่งนี้พวกเราไปค้างบ้านเธอนะจ๊ะ น้ำหวาน
อืมม์จ่ะไว้ฉันจะไปเตรียมห้องให้นะ ฉันตอบส้มโอหลังจากที่เธอเอ่ยปากขอ เพราะเธออยากให้ฉันช่วยเลือกของที่ละลึกกับการ์ดแต่งงาน
ถึงฉันจะรู้ตั้งแต่แรก ว่ารักแรกของฉันไม่มีทางที่จะสมหวังได้ แต่วันนี้คนที่ฉันรักทั้งคู่จะมาที่บ้านของฉัน ฉันไม่ขอให้ธัณเค้ารักฉัน ฉันขอแค่ฉันมีลมหายใจที่จะรักเค้าต่อไปก็เพียงพอแล้ว
สายลมเย็นๆแผ่วเบาพาดผ่านมายังภายในบ้านที่เปิดหน้าต่างบานใหญ่หลายบานเปิดรับ แสงแดดสีส้มแสดกระทบกับต้นไม้ที่ฉันฝังปุยอยู่ ฤดูหนาวอันใกล้นี้คงจะอีกไม่นานแน่ ฉันคิดขณะที่เพื่อนสนิทของฉันมาพร้อมกับว่าที่สามีของเธอ
พวกเราทั้งสามต่างพูดคุยเล่นกันจนดึก โดยที่ลืมไปเลยว่าฉันต้องเลือกของที่ละลึกให้คนที่สองที่อยู่ตรงหน้าฉัน
เดี๋ยวมานะส้มโอ ขนมที่ฉันทำไว้ใกล้สุกแล้วล่ะ ฉันพูดเมื่อได้กลิ่นหอมกรุ่นๆ ของขนมที่ฉันทำไว้โชยมากลบกลิ่นเลม่อนอ่อนๆในห้องนั่งเล่นนั่น ก่อนที่จะเดินลับตาชายหญิงคู่นั้นไปโดยที่ไม่เอะใจเลยว่า ฉันลืม ไดอารี่สีฟ้า วางอยู่บนเก้าอี้ของฉัน .. .
และนั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้พูดกับ ส้มโอ
บางสิ่ง อยู่บนอุ้งแขนของธัณที่กำลังอุ้มอยู่ ร่างหญิงสาวในชุดอยู่บ้านที่ฉันรู้จักดีนอนแนบนิ่ง แม้ว่าบนร่างของ บางสิ่ง ที่ธัณอุ้มอยู่จะมีคราบสีแดงสดหยดลงมาพร้อมๆกับน้ำฝนที่ยังคงติดตัวผสมอยู่ แต่ฉันก็มั่นใจว่าเธอนั้นคือ ส้มโอฉันรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ขึ้นมาทันทีแม้ว่าฉันจะลืมเลือนมันไปนานแล้วก็ตาม
ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นมันกัดกินใจฉันเรื่อยมาจนทุกวันนี้ ฉันไม่อาจทำให้ใจของฉันรักธัณได้แม้ว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้เค้ามากเพียงใด เพราะสิ่งๆหนึ่งที่คั่นกลางระหว่างจิตใจของฉันที่มีให้กับธัณ นั่นคือ ส้มโอ ฉันจึงตัดสินใจ จากเค้าไป จากไปให้ไกล
ให้ไกลจาก .. รักครั้งแรกซึ่งจะเป็นรักครั้งสุดท้าย ของฉัน
ติดตามบทนำตอนต่อไป