15 ตุลาคม 2547 06:25 น.
น้ำหมึกขาว
พี่แบ๊งค์ พายเร็วๆ สิ เดี๋ยวปลามันก็ว่ายหนีหมดหรอก... เสียงใสๆของเด็กน้อยวัย 8 ปีตะโกนขึ้น ..
โอย...เหนื่อย แฮ่ก ๆ ๆ...พี่ไม่ไหวแล้วอ้อม แบ๊งค์เพื่อนรุ่นพี่ของอ้อมวัย 11 ปี ตอบ
อะไรกัน เป็นพี่น่ะ ต้องตามใจน้องสิ!! เร็วๆเข้า พายเร็วๆ ปลาว่ายหนีหมดแล้วเนี่ย จับไม่ทันแล้ว
เอ้า! เป็นไงเป็นกันวะ แบ๊งค์ตอบคนเดียวพร้อมกับงัดไม้พายไปบนผิวน้ำเพื่อส่งเรือให้ไปเร็วขึ้น
โครม!! โอ้ย!...เฮ้ย!อ้อมระวัง!! แบ๊งค์ตะโกนเรียกอ้อมในขณะที่เรือไปชนกับอะไรบางอย่างกลางบึงนั่นแล้วร่างของเด็กหญิงพลัดออกจากเรือและค่อยๆจะจมลงไปในน้ำ
อ้อม!... แบ๊งค์ตะโกนสุดเสียงพร้อมกับกระโดนลงไปช่วยอ้อมทันที...
พี่แบ๊งค์...ลงมาทำไม... น้ำมันแค่เอวอ้อมนะ อ้อมตอบพร้อมกับยืนให้แบีงค์ดู
อ...อ่าว แล้วกัน พี่ก็ลงจะมาช่วย นึกว่าน้ำลึกแล้วเราน่ะก็ว่ายน้ำไม่เป็น
ฮ่า ๆ ๆ หน้าแตกเลย ฮ่า ๆ ๆ นี่แนะ ๆ อ้อมหัวเราะชอบใจพร้อมกับเอามือวิดน้ำ สาดใส่หน้าแบ๊งค์เบาๆ
โอ้ย...เล่นอย่างงี้เหรอ เอามั่งๆ นี่แนะๆ ฮ่าๆ
ทั้งคู่เล่นกันอย่างสนุกสนานจนเริ่มที่จะเย็นแล้ว จึงชวนกันกลับบ้าน
พี่แบ๊งค์...จะมาเที่ยวที่นี่อีกเมื่อไหร่เหรอ อ้อมถามด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่อยากจากเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ไป
พี่...พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่แม่ของพี่น่ะ... ป่ะไปเหอะ ตัวเปียกหมดแล้วนะเราน่ะ
แต่อ้อมไม่อยากกลับบ้าน กลับบ้านไปก็ต้องไปนอน พอนอนตื่นมาก็ไม่เจอพี่แบีงค์ พี่แบ๊งค์หนีไปก็เพราะพี่แบ๊งค์ไม่รักอ้อมแล้ว อ้อมตอบ
เจอสิคับน้องอ้อม...แล้วก็พี่สัญญาคับ พี่จะรักน้องอ้อมตลอดไปคับ แบ๊งค์ตอบพร้อมกับยื่นหน้าตี๋ๆมาหาอ้อม
จริงๆนะ อ้อมถามด้วยท่าทางดีใจ
ป่ะ กลับบ้านกันดีกว่าเรา แบ๊งค์ตอบพร้อมกับเอามือดึงเรือที่น้ำเอ่อเต็มเรือนั่นขึ้นมา ส่วนอีกมือนึงก็จูงมืออ้อมในขณะที่ตัวของทั้งคู่อยู่ในน้ำ
โอ๊ย!...เจ็บ อ้อมตะโกนร้องลั่น
เป็นอะไรอ้อม!!?... แบ๊งค์ถามในขณะที่อ้อมค่อยๆเอาเท้ายกขึ้นมาพร้อมกับแผลยาวที่เกิดจากเปลือกหอย
โอโหหห...มานี่เลยเรา มาขี่คอพี่เลยขืนเดินต่อไปเชื้อโรคเข้าแน่ๆ แบ๊งค์พูดยังไม่ทันจะจบดีก็จับอ้อมขึ้นหลังตนเอง
โอยย...ตัวหนักเหมือนกันนี่หว่า เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้ หนักเหมือนหมูเลยนะเนี่ย
นี่!...พี่แบ๊งค์ อย่าเรื่องมากดิเป็นพี่น่ะต้องตามใจน้องสิ!! เร็วๆเข้า ไปเลยๆ ฮี้ กร๊อบๆ อ้อมตอบพร้อมกับกระโดดอยู่บนหลังของแบ๊งค์
โอย...เห็นพี่เป็นม้ารึไง ฮ๊ะเรา? แบ๊งค์ตอบพร้อมกับค่อยๆเดินขึ้นฝั่งอย่างช้าๆ แล้วเอาพลาสเตอร์ยาที่พกในกระเป๋าตังค์มาเปะให้โอ้อมอย่างเบาๆ
โอโห...สีฟ้าาาา หวานเชียวนะพี่แบ๊งค์ อ้อมตะโกนแซวเมื่อเห็นพลาสเตอร์ยาในขณะที่แบ๊งค์อายจนหน้าแดง แล้วตะกุกตะกักตอบอ้อม
ก...ก็ มันไม่มีสีอื่นขายนี่หว่า แล้วอีกอย่างปิดพลาสเตอร์ยาสีฟ้าอันนี้แล้วจะได้นึกถึงพี่ไง 555
ทั้งคู่ต่างยอกล้อและหัวเราะกันจนมาถึงบ้าน แม่ของอ้อมก็ทำแผลให้อ้อมพร้อมกับพาอ้อมกับแบ๊งค์ไปกินข้าวแล้วเข้านอน จนรุ่งเช้าอ้อมตื่นมาจึงรู้ว่าแบีงค์ได้กลับกรุงเทพฯไปตั้งแต่เช้าแล้ว อ้อมได้มีเวลาในช่วงของความสุขเล็กๆน้อยๆ ในช่วงปิดเทอมเพียงเท่านี้เหรอ นี่คือสิ่งที่อ้อมคิดเป็นสิ่งแรกในจิตใจของเธอในตอนนั้น และจากวันนั้นจนวันนี้เป็นเวลา 10 ปีพอดีที่อ้อมกับแบ๊งค์ไม่ได้เจอกันจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถ้าไม่ใช่สภาพแวดล้อมและสถานที่ที่ห่างไกลกันเหลือเกิน ทั้งคู่ต่างเปลี่ยนไปทั้งหน้าตาและนิสัย แบ๊งค์แทบจะจำไม่ได้เลยว่าครั้งหนึ่งเค้าได้เคยมาเที่ยวต่างจังหวัดแบบนี้ และสนุกมากในที่แบบนี้... แต่มีอยู่คนนึงที่เก็บภาพความทรงจำดีดีในอดีตนั่นได้เป็นอย่างดีและไม่มีวันลืม นั่นคือ อ้อม...
เย้...ชั้นสอบติดแล้วววว ชั้นสอบติดแล้วว เสียงที่ดังโหวกเหวก ณ ที่ประกาศผลสอบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมีชื่อแถวๆกรุงเทพฯ
ชั้นสอบติดโว้ย.. คราวนี้เราจะได้มาอยู่กรุงเทพฯกันแล้วนะยัยอ้อม ไม่ต้องทนเรียนอยู่ที่เชียงใหม่แล้ววว ฮ่า ๆ ๆ แพท เพื่อนแถวบ้านของอ้อมพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามากอดอ้อมด้วยความดีใจ
เออ เออ ชั้นรู้แล้วว่าเธอดีใจ แต่ชั้นแน่น ปล่อยก่อนคนมองเยอะแยะ เดี๋ยวคนก็หาว่าเธอกับชั้นเป็นคู่ดี้กันหรอกย่ะ
เออเฮ้ย โทษๆๆก็ชั้นดีใจนี่หว่า ถ้าน้าอรอยู่คงจะดีใจแน่ๆเลยเธอว่าป่ะ แพทถาม
อ...เอ่อ อืมม อ้อมหน้าเสียทันทีเมื่อแพทพูดขึ้นถึงแม่ของเธอเองที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่บ้าน จนทำให้อ้อมต้องไปอยู่กับพ่อที่อังกฤษ ก่อนที่จะมาลองสอบเข้ามหาลัยในประเทศไทยได้
เฮ้ย..ชั้น ชั้นขอโทษ ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะ...
ชั่งมันเหอะ ป่ะไปกันดีกว่า เค้าเรียกนักศึกษาที่สอบติดแล้วนี่ ป่ะ อ้อมเปลี่ยนเรื่องทันที พร้อมกับชวนเพื่อนรักไปรายงานตัว
อ่อ...ป่ะ ไปก็ไป แพทตอบพร้อมกับวิ่งลากอ้อมเข้าไปในที่รายงานตัว.
ติดตามตอนต่อไป .. .
14 ตุลาคม 2547 06:53 น.
น้ำหมึกขาว
ไม่นานนัก น้ำหวานก็ได้ออกจากโรงพยาบาล และได้อยู่พักฟื้นที่บ้านจนแข็งแรงเหมือนเดิม... วันนี้อากาศดีเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่จะเดินออกไปเดินเล่นกัน กินข้าว หรือว่าดูหนังด้วยกัน น้ำหวานกับเรย์ก็เป็นเช่นนั้น... วันนี้เรย์นัดกับน้ำหวานว่าจะไปดูหนังและทานข้าวกัน โดยที่เรย์ต้องไปทำธุระกับครอบครัวก่อน น้ำหวานจึงตัดสินใจว่าเธอจะไปเจอกันที่ร้านอาหารเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาต่อคนทั้งสอง...
และวันนี้เองที่น้ำหวานจะได้นำรูปในสมัยเด็กของคนทั้งสองไปให้เรย์ดู. ไม่ใช่เพราะว่าจะเรียกความรักจากเรย์ให้มันมากขึ้น แต่สิ่งที่อยู่ในจิตใจของน้ำหวานในตอนนี้เธอรู้สึกว่า ตัวเธอเองอาจจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว เธอเลยอยากจะทำสิ่งที่จิตใจตัวเองเรียกร้องมาตลอดสิบกว่าปี ..ในวันนี้...
สองทุ่มตรงนั่นคือเวลานัดของคนทั้งสอง ดูเหมือนกับว่าเรย์จะมาก่อนและนั่งรออยู่ในร้านอาหาร... น้ำหวานลงจากรถเมล์และยืนรอเพื่อที่จะข้ามถนนไปที่ร้านอาหารที่ตนนัดคนรักไว้... หญิงสาวมองซ้ายขวามือกอดอกแน่นโดยที่มีอัลบ้ำรูปอยู่ในนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเดินข้ามถนน...
รถเก๋งคันหรู แล่นผ่านตัดหน้าน้ำหวานอย่างเฉียดฉิว ถ้าเธอไม่สะดุ้งดีดตัวเดินถอยหลังกลับคงจะกลายเป็นศพเป็นแน่ แต่จนแล้วจนรอด ศีรษะด้านหลังของเธอก็ไปกระทบกับรถตู้คันหนึ่งซึ่งกำลังจะจอดรับผู้โดยสารซึ่งอยู่ด้านหลังในทันทีที่เธอถอยหลังกลับเมื่อชั่วครู่นี้
ปึก!!!...เสียงเบาๆจากศีรษะที่กระทบกระจกด้านข้างรถตู้ดังขึ้น หญิงสาวตกใจหันหลังกลับไปมองรถตู้เพื่อสำรวจว่าไม่เป็นอะไรก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังเดินข้ามถนนต่อ...... .. ..น้ำสีแดงข้น เริ่มไหลออกมาจากโพรงจมูกทั้งสองข้าง... โดยที่น้ำหวานหรือว่าบุคคลรอบข้างไม่ทันได้ทันสังเกต
ภาพบนถนนที่เริ่มเลือนลางและเกาะกลางถนนที่เริ่มจางหายไป สายตาของน้ำหวานรู้สึกได้เช่นนั้นสายตาที่จะเหมือนกับว่าพริ้มหลับ แต่ยังไม่หลับ ร่างหญิงสาวที่กำลังจะข้ามถนนนั้นเริ่มเป็นที่สนใจจากคนรอบข้างในบริเวณถนนในยามค่ำคืนตอนนั้น และมองดูด้วยอาการหวาดกลัว เพราะไม่รู้ว่าร่างนั้นจะล้มไปตอนไหน...
เรย์เริ่มมองนาฬิกาเพราะน้ำหวานไม่เคยสายมาก่อน... ..ชายหนุ่มมองผ่านกระจกในร้านอาหารและไปสะดุดตากับร่างๆหนึ่งซึ่งยืนเหมือนจะหมดแรงอยู่กลางถนน...
น.. .น้ำหวาน!!? ชายหนุ่มอุทานเสียงดัง ก่อนที่จะวิ่งออกไปหาคนรัก... เรย์ตะโกนเรียกหญิงสาวซึ่งร่างนั้นยืนอยู่กลางถนน รถที่แล่นกันโฉบเฉี่ยวโดยที่ไม่รู้เลยว่า มีหญิงสาวซึ่งกำลังจะหมดสติยืนอยู่กลางถนน น้ำหวานได้ยินเสียงเรียกของเรย์แต่มองหน้าไม่ชัด .เลือดที่ไหลออกมาจากโพรงจมูกทั้งสองข้าง ไหลออกมามากมายเสมือนกับว่าเป็นน้ำ...ในตอนนี้ได้เปรอะเปื้อนรดขอบปกเสื้อสีชมพูหวานจนแทบจะไม่เหลือของสีเสื้อนั้นอีกแล้ว. ..
สัญญาณเพื่อให้รถหยุดแดงขึ้น... เรย์วิ่งไปหาร่างที่กำลังจะล้มลงกลางถนนทันทีโดยที่คนในบริเวณนั้นต่างก็วิ่งไปช่วยด้วยเช่นกัน... แต่ร่างที่ทุกคนกำลังจะวิ่งไปหากลับไม่ยืนรอพวกเค้า เพราะความอ่อนล้าของขาทั้งสองข้างของน้ำหวานได้หมดไปอย่างหมดสิ้น ศีรษะของร่างนั้นกระทบกับพื้นถนนอย่างจัง ทำให้ผู้หญิงในละแวกนั้นตะโกนร้องด้วยความตกใจ... เรย์ผวาเข้ากอดพร้อมกับพยุงร่างที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นขึ้นมาแนบอก ..
นน้ำหวานน อย่าเป็นอะไรนะ...อยู่กับเรย์ก่อน... ชายหนุ่มพูดเสียงสั่นคลอกับคนรักพร้อมกับน้ำใสๆที่ไหลผ่านออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างโดยที่พลเมืองดีข้างๆนั้นโทรศัพท์หาตำรวจและรถพยาบาล
ร...เรย์ เรย์... น้ำหวานเรียกชื่อคนรักเบาๆพร้อมกับหยิบอัลบั้มรูปอยู่ในมือเธอขึ้นมา... ชายหนุ่มเหมือนกับรู้ว่าจะต้องทำยังไง เขารับอัลบั้มรูปนั้นขึ้นมาพร้อมกับถามอย่างแผ่วเบาที่ข้างหูของน้ำหวานว่านี่มันคืออะไร.. .เรย์ไม่ได้ยินคำตอบจากร่างที่ไม่ต่างอะไรกับปลาที่กำลังจะขาดน้ำนั่น...
ชายหนุ่มเปิดอัลบั้มรูปนั้นขึ้นดู... เขานิ่งไปพักใหญ่ ก่อนที่ภาพในอดีตทั้งหมด จะเรียบเรียงออกมาจากใจผ่านเข้าไปถึงความรู้สึกนึกคิดของเค้าในตอนนั้นเอง... ภาพขาวดำสีจางๆของรูปนั่น ล้วนแต่มีภาพของเด็กชาย-หญิงสองคนด้วยท่าทางและกิริยาบทในท่าทางต่างๆที่หยอกล้อเล่นกัน และล้วนแต่เป็นภาพที่มีความสุขทั้งคู่ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดอยู่บ้าน หรือในเครื่องแบบนักเรียน...
น.น้ำหวาน.น้ำหวาน... จริงๆน่ะหรอ? น้ำหวานนน!!... ชายหนุ่มเรียกชื่อๆนึงออกมา ก่อนจะตะโกนลั่นพร้อมกับกอดร่างนั้นและอัลบั้มรูปไว้แน่น...
อ..อย่าจากเราไปอีกนะ...เราจากกันมามากพอแล้ว..อย่าจากเราไปอีกเลย เรย์ตะโกนใส่ร่างที่แนบนิ่งโดยที่น้ำตาก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหล...
ร...เรย์ ธ.เธอ จำเราได้ใช่มั้ย...? เสียงแผ่วเบาออกมาจากปากที่เปรอะเปื้อนที่เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงจมูกของน้ำหวาน...
ได้...ได้สิ...ตอนนี้เราจำได้แล้ว... เราเป็นคนสัญญากับเธอเองไม่ใช่หรอ ว่าเราจะไม่ลืมเธอน่ะ แต่เราก็ลืม ..... ขอโทษนะ... อยู่กับเรานะ... อย่าจากเราไปไหน... เพราะเราก็จะไม่ไปจากเธอเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มพูดอย่างมีความหวัง เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยน้ำตา .. .
.ด...ดี...ดีใจจัง... น้ำหวานยิ้มก่อนที่จะหันไปลืมตากว้างเพื่อมองหน้าคนรักให้ชัดๆอีกครั้ง..... แต่น้ำหวานกลับยกแขนขึ้นพร้อบกับเอามือควานไปมาเหมือนกับว่าหาอะไรอยู่...
ท...ทำ ทำไมมันมืดอย่างนี้นะ...ร...เรย์...เรย์...เธอเธออยู่ไหนน่ะ... ร....เราได้ยินแต่เสียงเธอ... น้ำหวานตอบทั้งๆที่เธอลืมตาอยู่และเรย์อยู่ตรงหน้าเธอเอง. สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอิ้ง พูดอะไรไม่ถูก...
ร..เราอยู่นี่น้ำหวาน เราอยู่นี่แล้ว... เรย์พูดพร้อมกับคว้ามือที่เย็นเฉียบมากอดแนบอกพร้อมกับประกบปากไปที่มือนั้นอย่างแผ่วเบา...
ด...ด...เด็กดื้อ...อย่าร้องไห้สิ... น้ำหวานตอบโดยที่ตาทั้งสองข้างเริ่มพริ้มจะปิดกันพร้อมๆกับเลือดที่เริ่มคลออยู่ที่นัยตาทั้งสองข้างนั่นด้วย...
คนชอบตื้อ...จะหนีเราไปไหน... ไม่ให้ไปนะ...ไม่ให้ไป!!! สิ้นเสียงเรย์ดวงตาที่สดใสคู่นั้นก็ปิดกัน พร้อมกับมือที่หมดแรงล่วงพลอยหลุดออกมาจากฝ่ามือของชายหนุ่มที่กุมไว้... สิ่งเดียวที่เรย์ทำได้คือกอดและมองร่างนั้นจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับมา เสมือนกับว่าฟ้าได้ลงโทษให้เค้าได้รับเคราะห์กรรมที่เกี่ยวกับการจากลานี้บ้าง... น้ำหวานรอคอยเรย์ที่จากไปมาเป็นสิบกว่าปี แต่เรย์ต้องรอคอยน้ำหวานที่จากไปอย่างไม่มีวัน...ที่จะกลับมา
ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของทุกคนที่ยืนมุงอยู่นั้น คือชายหนุ่มซึ่งกอดร่างไร้วิญญาณของหญิงอีกคนกลางถนนสี่แยกแห่งหนึ่ง ร่างที่เต็มไปด้วยเลือดไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ แต่นั่นคือเลือดจากภายในร่างกายของเธอเอง...
การรอคอยจากหญิงสาวซึ่งซื่อสัตย์ในรักแท้และความรักแรกพบ ได้จบชีวิตลงภายใต้ดวงตาของใครหลายสิบคนและโอบมือของคนรักที่เธอรักและรอคอยมาเป็นเวลาอันยาวนานแสนนาน . ..ท่ามกลางเมืองใหญ่. และนี่ก็เป็นจุดจบของความรักและการรอคอยอันยาวนาน... .. .
จบแล้วครับ Comment ได้เต็มที่ครับ เหอๆๆ
14 ตุลาคม 2547 06:51 น.
น้ำหมึกขาว
โอยยยยย .. ... จะแปดโมงแล้วหรอเนี่ย สายแน่ชั้น... น้ำหวานพึมกับกับตนเองก่อนที่จะวิ่งลุกลี้ลุกลน ลงมาจากห้องพัก
สวัสดีตอนเช้าครับ... เสียงที่น้ำหวานคุ้นเคยดังขึ้น ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มผมเกรียนคนนั้นยืนยิ้มกว้างใกล้เบ้นซ์สีบรอนคู่ใจ พร้อมกับส่งสายตามาที่น้ำหวาน
ร.. .. ...เรย์?? น้ำหวานพูดกับตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าที่งง พร้อมกับเดินหนีเพื่อไปรอรถเมล์
อ..เอ่อ.. .น้ำหวาน! น้ำหวาน!! เรย์ตะโกนพร้อมกับวิ่งไปหาน้ำหวาน
นี่คุณมาทำอะไรแถวนี้ค่ะ นี่จะแปดโมงแล้วเดี๋ยวก็เข้างานสายนะคะ น้ำหวานพูดกลับเมื่อชายหนุ่มวิ่งมาจับมือตน
คือ...ผมมารอคุณตั้งแต่หกโมงเช้าน่ะครับ เห็นปกติออกเวลานี้ไม่ใช่หรอ? เรย์พูดในขณะที่น้ำหวานยืนนิ่งแล้วคิดว่าเค้าใส่ใจ และสนใจตัวเธอเองขนาดเวลามาเวลากลับที่ทำงานเลยหรอ
ผมมารับ ขึ้นรถสิครับ มีอะไรจะบอกคุณด้วย เรย์พูดต่อ
มีอะไรคะ น้ำหวานถามด้วยท่าทางที่สงสัยเมื่อขึ้นรถ
พงษ์ มาสารภาพกับผมแล้วนะครับ ว่าเค้าเสียใจกับสิ่งที่เค้าทำลงไปมาก แล้วเค้าจะลาพักงานยาว เพื่อจะไปทดแทนบาปที่เค้าได้ทำไปเพื่อเพื่อนคุณน่ะครับ เค้าฝากผมมาบอกคุณเพราะเค้าไม่กล้าที่จะมองหน้าคนที่รู้จักเจนเลยแล้วน่ะครับ
หญิงสาวฟังคำตอบยิ้มกว้างด้วยท่าทางดีใจ แต่เก็บเอาไว้คนเดียว โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองไปที่ความเป็นตัวเองของเธอ... หลังจากนั้นเรย์ก็ไปรับไปส่งน้ำหวานเสมือนกับว่าเป็นกิจวัตของเรย์ไปแล้ว... ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นแฟนกันไปโดยปริยาย นี่คือสิ่งที่น้ำหวานรอคอยมาแทบชั่วชีวิต เธอเก็บสิ่งที่อยู่ในใจในอดีตที่ผ่านมา ให้เป็นความหลัง. .. เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องในวัยเด็กเพื่อเป็นการเรียกความรักจากเรย์ให้มันมากขึ้นอีก... เธอพยายามที่จะให้สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีที่สุด ก็เท่านั้นเอง...
เห็นน้ำหวานมั้ยครับ? เรย์ถามพนักงานคนหนึ่ง
อ...เอ่อ...ผมเห็นเดินลงไปทางบันไดหนีไฟนะครับ ถามว่าไปไหนก็ไม่บอก
อ..อืม ขอบใจมาก เรย์พูดจบก็เดินไปทางบันไดหนีไฟทันที ภาพที่เห็นคือร่างของคนรักนอนนิ่งอยู่ตรงทางลงขั้นสุดท้ายของบันไดหนีไฟ เลือดที่ออกมาเป็นก้อนและบางที่ที่ไหลออกมาเป็นหยด ได้ออกมาจากปากของน้ำหวานนั้น ทำให้เรย์ตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก... เค้าตั้งสติได้ก็พุ่งตัวไปหาร่างคนรักพร้อมกับอุ้มขึ้นทันที
ร่างน้ำหวานถูกนำส่งโรงพยาบาล โดยที่มีพนักงานที่บริษัทตามเรย์มาด้วยสี่-ห้าคน เสียงพนักงานที่คุยกันเองไม่ดังมาก พอที่จะรู้แล้วว่าน้ำหวานเป็นเนื้องอกในสมองมาตั้งนานแล้ว และกำเริบมาไม่นานนี้ แต่ไม่หนักมาก นั่นคือตอนที่เรย์ได้มาเหยียบที่บริษัทนี้เป็นครั้งแรกนั่นเอง...
ขอพบญาติของคุณ ญัฐริกา ด้วยครับ เรย์ลุกลี้ลุกลนเมื่อได้ยินเสียงของหมอ
เอ่อ..ผมขอให้คุณทำใจด้วยนะครับ...คนไข้อาจจะอยู่กับเราได้ไม่นาน แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของคนไข้เอง ว่าจะแข็งแรงรึเปล่า...เพราะตอนนี้เนื้อร้ายนั้นค่อนข้างใหญ่มากแล้วกินสมองไปเกิน50เปอร์เซ็นแล้วครับ.
ม...ไม่มีทางรักษาเลยหรอครับ?...ผมมีเงินนะหมอ จะเอาเท่าไหร่ก็ยอม ให้น้ำหวานหาย นะครับ... นะครับ!! เรย์ถามทั้งๆที่เค้ารู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ได้คือไม่มีทาง...
ผมเสียใจด้วยจริงๆครับ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้คนไข้อยู่กับคุณได้นานที่สุดคือสภาพจิตใจของแกเองน่ะครับ นายแพทย์พูดจบก็ปลีกตัวออกห่างเรย์เพื่อไปทำธุระอื่น...
เรย์ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก ส่วนเพื่อนๆที่บริษัทก็ตกใจไม่แพ้กัน เรย์ยืนตั้งสติก่อนที่จะทำใจแล้วเดินเข้าห้องนั้น... ห้องที่มีคนรักเค้านอนอยู่ น้ำใสๆได้ไหลออกผ่านแก้มทั้งสองข้าง ร่างในชุดสีน้ำเงินของโรงพยาบาล บนเตียงเหล็กพอดีตัว ใบหน้าซีดเผือด เหมือนกับว่าไม่มีเลือดหล่อเลี้ยงเลยแม้แต่น้อยนั้นหลับตาพริ้ม ราวกับว่าหลับอยู่... ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับมองหน้าไปหาน้ำหวาน และลูบศีรษะไปที่ร่างนั่น...
ไม่นานนักน้ำหวานก็เริ่มรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เค้าเห็นคือเรย์ที่กำลังมองด้วยสายตาที่ไม่อาจบอกได้เลยว่านั่นคือสายตาของความรักหรือความสงสาร...
อ...ออกจากโรงพยาบาล...ได้ตอนไหนหรอคะ? น้ำหวานถามเรย์
คงอีกสองสามวันน่ะน้ำหวาน ตอนนี้อยากได้อะไรก็บอกเรย์นะครับ แล้วมีอะไรก็ไม่ต้องคิดมากรู้มั้ย... ชายหนุ่มกระซิบบอกคนรัก...
อืมม...เป็นอะไรไปน่ะ ชั้นแค่ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ น้ำหวานพักไม่กี่วันก็หายดีแล้ว น้ำหวานตอบพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเตียง และเอามืออีกข้างไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาให้เรย์
ติดตามตอนสุดท้าย .. .
13 ตุลาคม 2547 07:04 น.
น้ำหมึกขาว
หลังจากการเสียชีวิตของเจนก็ทำให้น้ำหวานเสียใจไปหลายวัน จนสังเกตได้...น้ำหวานตัดสินใจที่จะไปบอกอดีตคนรักของเจน ว่าตอนนี้เจนเป็นอย่างไร...
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องก่อนที่จะมีเสียงว่าเข้ามา ดังขึ้น น้ำหวานเปิดประตูพร้อมกับยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ภาพที่อยู่ตรงหน้าคืออดีตคนรักของเพื่อนกับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทฯนี้อีกคน .ทั้งคู่ต่างหยอกล้ออย่างสนุกสนาน
มีอะไรหรอน้ำหวาน พงษ์ถามในขณะที่กำลังหยอกล้ออยู่กับผู้หญิงอีกคน
อ...เอ่อ ชั้นมีธุระกับคุณนิดหน่อยคะ... น้ำหวานตอบด้วยการที่ก้มหน้าเพราะไม่อยากที่จะเห็นภาพอย่างนั้น
เดี๋ยวมานะครับ... พงษ์หันไปบอกข้างหูของผู้หญิงคนนั้นเบาๆก่อนที่จะเดินตรงไปหาน้ำหวาน ...น้ำหวานเริ่มรู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดในเศษกระดาษที่เจนเขียนถึงตนแล้วว่าทำไมเธอถึงต้องยอมจบชีวิตลง...เพราะเหตุนี้เองสินะ...คำถามและคำตอบที่ถูกตั้งขึ้นและถูกตอบในเวลาเดียวกันในจิตใจของน้ำหวานอยู่อย่างไม่ขาดสาย...
เจน...เจนตายแล้วค่ะ .. น้ำหวานตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่าย...
แล้วไง?... คำตอบที่ดูชินชาเสมือนกับว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยดังต่อภายในทันทีหลังจากที่สิ้นเสียงน้ำหวาน.น้ำหวานโกรธจัด พร้อมกับตบหน้าของพงษ์สุดแรง พร้อมกับตะโกนลั่น...
ก็คนรักของพี่ไง...ก็คืออดีตคนรู้จักของพี่ก็เท่านั้น...มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีอะไรเลยใช่มั้ย!!... น้ำหวานตะโกนจบก็หันหลังไปที่โต๊ะทำงานทันที...เธอโกรธจัดจนหน้าแดงแต่ไม่มีน้ำตาออกมาสักหยด คงเป็นเพราะเธอเสียใจไปจนหมดแล้วมั้ง...
เมื่อกลางวันเกิดอะไรขึ้นหรอ?... เสียงๆหนึ่งที่น้ำหวานคุ้นเคยดังขึ้นอยู่ข้างๆโต๊ะทำงานตอน5โมงเย็น
อ...เอ่อ น้ำหวานตะกุกตะกักเมื่อสบตาขึ้นมาเจอหน้าคนที่เค้ารอคอยมาเป็นเวลานานแสนนาน
อืมม...ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วน่ะครับ ว่าเจนไม่ได้ลาออก แต่เจนเค้าเอ่อ.เอาเป็นว่าคุณอย่าคิดมากนะครับ...... แล้วเรื่องนี้น่ะ ผมจะพูดกับพงษ์เค้าให้เองนะครับ. เรย์พูดต่อในขณะที่น้ำหวานนั่งนิ่งน้ำตาหลอเบ้า
อ...เอ่อ...ค..ค่ะ.คะ
ง...ง..โง่!...ทำไมเราต้องไปรักเค้าอยู่ได้เราห่างกันแค่ไหน ดูตัวเองซะบ้าง ยัยน้ำหวาน!! ฮืออๆๆ ทำไม!!. น้ำหวานตะโกนลั่นห้องน้ำพร้อมกับใช้มือตนเองตบไปลงบนหน้าของเธอเอง ก่อนที่จะมีร่างๆหนึ่งมาโอบข้างหลังเธอไว้ พร้อมกับใช้มือจับไปที่มือของน้ำหวานเพื่อไม่ให้มือน้ำหวานนั้นไปตบหน้าตนเองอีก... หญิงสาวตกใจมองผ่านใบหน้าไปที่หน้ากระจก ภาพที่เห็นบวกกับเสียงที่ได้ยิน...
ร...เรย์ น้ำหวานพูดเบาๆกับตนเอง
โอเคครับ โอเคนะ...ชู่ววว ชู่วววว...โอเคครับๆ ค่อยๆใจเย็นๆนะครับ ชู่ววว.... เรย์กระซิบไปที่ข้างหูของน้ำหวานก่อนที่จะพยุง ร่างที่เหมือนกับจะสลายไปได้ในทันทีถ้าเค้าไม่ใช่คน ขึ้นรถตนเองก่อนที่จะพาขับส่งไปที่ห้องพัก...
ทำไมต้องทำร้ายตนเองด้วยล่ะครับ? มันไม่ได้จะทำให้เพื่อนคุณฟื้นขึ้นมาเลยนะครับ เรย์พูดไปขณะขับรถ
อ...เอ่อ ชั้นชั้น แค่สงสารเพื่อนน่ะค่ะ น้ำหวานตอบด้วยสายตาเลื่อนลอย ทั้งๆที่อยากจะบอกอยู่เต็มอกว่าที่เธอทำร้ายตัวเองน่ะไม่ใช่เพราะเพื่อนรัก แต่เป็นเพราะผู้ชายที่นั่งข้างๆเธอต่างหากล่ะ .. .
ฝันดีนะครับ...คุณ...เอ่อหน้าคุ้นมาก เราไม่รู้จักกันมาก่อนใช่มั้ยครับ? ชายหนุ่มผู้มาส่งน้ำหวานพูดขึ้น ในขณะที่เธอกำลังจะออกจากรถชะงักทันที่ ไม่มีแรงแม้แต่จะเปิดประตูออกลงไป...
อ...เอ่อ...เปล่าค่ะ.. เราไม่รู้จักกันมาก่อน ชั้นคงหน้าโหลมั้งค่ะ...ฝันดีคะ น้ำหวานตอบพร้อมกับตัดสินใจเปิดประตูออกไป เธอหันหลังเดินตรงขึ้นห้องไป โดยไม่มองหันหลังกลับมาเลยแม้แต่น้อย . .. .
และเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่มาส่งนั้นเริ่มมีใจให้เค้ามากเพียงไรแล้ว... .. .
ติดตามตอนต่อไป ..
13 ตุลาคม 2547 07:02 น.
น้ำหมึกขาว
น้ำหวาน........ยัยน้ำหวาน......น้ำหวาน...น้ำหวาน! เป็นไงบ้าง? ค่อยยังชั่วรึยัง?? เสียงเจนดังขึ้นใกล้ๆน้ำหวานที่ร่างกายของเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของบริษัทฯ พร้อมกับมือที่มียาดมแกว่งไปมาเหนือจมูก
อ...อืมม ค ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ อ...เอ่อ แล้วแล้วเราเป็นไรหรอเนี่ย ทำไมมานอนอยู่ในห้องนี้ น้ำหวานถามทั้งๆที่หน้าออกเหลืองนิดๆเหมือนคนป่วย.
เธอเป็นลมตอนที่กำลังจะประชุมน่ะสิยะ ...แต่โชคดีมีคนมาช่วยไว้ ไม่งั้นหัวเธอฟาดลงขอบโต๊ะเลือดอาบไปนานแล้ว... เจนตอบน้ำเสียงดุแนวตักเตือนเพื่อนรัก
อะ...อ่าว เจน เธอไม่ได้ประคองเราหรอกหรอ? น้ำหวานถามยังไม่ทันจบ เจนก็แทรกขึ้นมาทันที
หืมมมผอมๆแบบเธอ แต่ตัวก็ไม่ใช่เบาๆนะยะ คนที่ช่วยน้ำหวานผู้น่าสงสารก็คือ เรนุวัฒน์ ย่ะ อิอิอิอิ เจนพูดจบเรย์ก็เดินมาข้างๆเตียงของน้ำหวานพอดี...ทำให้เจนถึงกับหน้าเสีย
เป็นไงบ้าง... เสียงห้วนๆ ที่ฟังดูแล้วอบอุ่นแม้จะไม่มีคำว่า ครับ ต่อท้ายก็เถอะ ได้ดังขึ้น ทำให้ใจน้ำหวานรู้สึกอบอุ่นขึ้นอีกครั้งเมื่อเค้าได้ยินเสียงนี้....
เมื่อกลางวันน้ำหวานเค้าไม่ได้กินข้าวน่ะค่ะ เลยหน้ามึดนิดหน่อยค่ะ เจนตอบแทน
อ่าวหรอ....งั้นก็วันหลังก็กินอะไรรองท้องก่อนนะครับ แล้วค่อยมาประชุมนะครับ เรย์ตอบพร้อมกับยื่นมือไปแตะหน้าฝากของร่างที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ไม่มีคำใดหลุดออกมาจากปากของน้ำหวาน มีแต่แววตาที่สุขล้น และความอิ่มเอมในหัวใจที่มากมายเหนือคำใดๆที่จะบอกได้และถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด. ..
หลังจากที่เรย์ไปแล้วน้ำหวานได้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดที่เก็บกลั้นมาไว้คนเดียวมาเป็นสิบกว่าปีให้เจนได้ฟัง...เจนรับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้วก็สัญญาว่าจะทำให้เรย์รู้ให้ได้ ว่าน้ำหวานคือคนที่รอคอยการกลับมาของเรย์มาเป็นเวลานานแสนนาน...
****** *****************
น...น้ำ. น้ำหวาน... เสียงเรียกปนเสียงสะอื้นที่น้ำหวานรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีดังขึ้นในค่ำคืนหนึ่ง เมื่อเธอเปิดประตูห้องพักหลังจากได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนรักซึ่งยืนอยู่หน้าห้อง ที่ทั้งตัวเปียกโชกไปกับสายฝนที่กำลังตกอย่างแรงราวกับว่า ถ้าทำให้น้ำท่วมโลกได้คงทำไปแล้ว... ..น้ำตาของเจนปะปนไปกับสายฝนจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคือน้ำและไหนคือน้ำตา...
น้ำหวานได้เอาเพื่อนเข้ามาในห้องและถามถึงเรื่องราวพร้อมกับหาเสื้อผ้าให้เปลี่ยน...เจนเลิกกับแฟนเค้าแล้ว โดยการเลิกในครั้งนี้ทำให้เจนเสียใจมากเพราะเจนได้รักและทุ่มเทกับความรักในครั้งนี้มากจนไม่เหลือหรือเผื่อใจไว้เลยแม้แต่น้อย...น้ำหวานโอบไหล่เพื่อนรักพร้อมกับพูดปลอบกันตั้งแต่หัวค่ำจนเกือบรุ่งเช้า...ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น แต่สิ่งที่ดูจะเป็นเหมือนเดิมคือน้ำตาของเจน ที่ไหลอยู่ไม่ขาดสายราวกับจะขาดใจตายหรือร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดให้ได้ในตอนนั้น...
มันไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้แล้วนะเจน...นอนก่อนเถอะ ตื่นมาแล้วค่อยหาวิธีแก้ไข วันนี้วันสุดสัปดาห์พอดีกว่าจะทำงานก็อีก2วัน ยังมีเวลาพักผ่อนอีกเยอะ... น้ำหวานพูดใส่เพื่อนรักเบาๆพร้อมกับพยุงไปที่เตียงนอนของตน... ร่างของเจนได้ค่อยๆนอนลงบนพื้นที่นอนนุ่มสีน้ำเงินอ่อนที่ปูไว้เป็นอย่างดี น้ำหวานนั่งจับมือเพื่อนรักพร้อมกับมองหน้าเพื่อนรักจนร่างที่เค้าจับมือนั้นเปลี่ยนจากการสะอึกที่เกิดจากการร้องไห้เปลี่ยนเป็นนอนนิ่งเสมือนกับว่าได้หลับไปแล้ว...
น้ำหวานลูบหัวเพื่อนรัก พรางส่ายหัวเบาๆก่อนที่จะหันหลังแล้วเอนตัวนั่งคุกเข่าข้างๆเตียง แล้วหลับไปในที่สุด...
เอี้ยยดด.........เอี้ยยดด......เอี้ยยดด...เอี้ยยดด .เสียง เสียงหนึ่งเหมือนกับว่าใครเอาอะไรมาถูกับแท่งไม้ดังขึ้นเบาๆ น้ำหวานได้สะดุ้งตื่นเพราะเสียงประหลาด หญิงสาวขยี้ตาเพราะเนื่องจากเพิ่งตื่นนอนในตอนบ่ายกว่าๆแบบนี้ เธอลุงพร้อมกับบิดขี้เกียจ 1 ทีก่อนที่จะหันหลังไปมองหาเพื่อนรัก...ภาพที่เห็นคือเตียงเปล่า พร้อมกับเศษกระดาษเล็กๆ น้ำหวานไล่มองไปตามถึงที่มาของเสียงประหลาด... ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือร่างของเพื่อนรักที่ลอยขึ้นจากพื้น...เบื้องล่างไม่มีอะไรรองรับร่างที่ไร้วิญญาณนั่น. .. ตรงพื้นที่ลอยอยู่โดยมีเชือกไนลอนสีขาวบริสุทธ์ผูกอยู่กับคอโดยที่อีกด้านของเชือกมัดติดอยู่กับขื่อไม้ของห้อง จึงทำให้เกิดเสียงดังประหลาดเช่นนั้น... หยดน้ำเล็กๆ ตรงพื้น พอที่จะเห็นได้ว่านั่นคือคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากความเสียใจผ่านแก้มทั้งสองข้างของเจนเป็นแน่...
จ...เจน .. ....ม...ไม่...โกหก...ฝัน...เราฝัน หญิงสาวพูดขึ้นกับตัวเองเบาๆเมื่อเห็นสิ่งนั้น เขาเดินไปใกล้ๆร่างไร้วิญญาณของเพื่อนรักพร้อมกับเอานิ้วสัมผัสร่างนั้นเบาๆก่อนที่จะแน่ใจและบอกกับตัวเองว่านี่ไม่ใช่ความฝัน...มันคือเรื่องจริง น้ำหวานกอดเพื่อนรักพร้อมกับพยุงขึ้นเพราะหวังว่าเพื่อนยังคงรอดชีวิตอยู่และยังไม่เป็นไรมาก เธอตะโกนเรียกเพื่อนร่วมห้องพักในแถวนั้นมาช่วย และได้นำร่างของเจนส่งโรงพยาบาล ก่อนที่จะไปจบลงที่วัดแห่งหนึ่งที่ใกล้กับบ้านเกิดของเจน...ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของเจนถูกปิดเงียบ จะมีแต่คนที่รู้จักจริงๆและครอบครัวของเจนเท่านั้นที่จะรู้... ส่วนคนที่บริษัทก็รู้แค่ว่าเจนลาออกจากงานเพราะได้งานใหม่ ความจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้...
ในห้องที่เงียบสงัด....เศษกระดาษเล็กๆบนเตียงนุ่มๆสีน้ำเงินมีข้อความก่อนสิ้นลมหายใจของเจเขียนเอาไว้...
ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะเพื่อนรัก...ชั้นคงเคยทิ้งผู้ชายมามาก.แต่เธอจงอย่าท้อถอยนะจงสู้เพื่อรักแท้ที่เธอรอคอยมานานแสนนะยัยน้ำหวาน. จำเอาไว้ว่าฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอไม่ใช่สิย๊ะ .ฉันจะอยู่ข้างเธอตลอดไปแล้วก็ตลอดกาลต่างหากล่ะ. ..เจน
ติดตามตอนต่อไป...