30 พฤษภาคม 2551 16:54 น.
น้ำผึ้งเดือนห้า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในทะเลสาบกันอย่างอิสระเสรี และมีความสุขเรื่อยมา แต่อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งก็เป็นเหมือนกับทุก ๆ วัน ที่พวกกบจะออกมารวมกลุ่มและส่งเสียงร้อง " โอ๊บ..โอ๊บ ๆๆๆ " แข่งประสานเสียงกันอย่างที่เป็นมาตามปกติ และในที่นั้นก็ได้มีกบตัวหนึ่ง ออกความคิดเห็นขึ้นมาว่า " ทำไม? พวกเราถึงได้มีเสียงร้องที่แสนจะห่วย อย่างนี้ก็ไม่รู้นะ ดูสิ จะพยายามดัดหรือหนีบเสียงเท่าไหร่ ๆ ก็ ไม่เห็นว่าจะไพเราะขึ้นมาได้เลยสักน้อยนิด ยังไง ๆ ก็ยังออกมาเป็นเหมือนเดิมอยู่นั่นแหละคือ " โอ๊บ..โอ๊บ ๆๆๆ " ได้อย่างเดียวจริง ๆ " กบตัวอื่น ๆ จึงเข้ามาสมทบ " ใช่เลยหละ...ดูอย่างพวกนกสิ จะร้อง " จิ๊บ ๆๆ จิ๊กกุๆๆ " แสนที่จะไพเราะ " " หรืออย่างพวกแมลงไง มันจะส่งเสียง " ริน ๆๆๆ " ที่แสนจะไพเราะ ว่าไหม...ว่าไหม พวกเรา... " กบทุกตัวให้มีความเห็นพ้องต้องกันไปหมดทุกตัวเลยก็ว่าได้ กบตัวหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า " เออ..ใช่แล้ว คงเป็นด้วยเพราะพวกเรานั้นขาดนายผู้ปกครอง และสั่งสอน นั่นเองแหละ " แล้วพวกกบเหล่านั้นจึงได้ไปขอผู้ที่จะให้มาเป็นนายจากเทพเจ้า เพื่อที่จะได้ให้มาช่วยแนะนำ และสั่งสอนในทางที่ถูกและว่ากล่าวตักเตือนในทางที่ผิด และเป็นผู้ออกกฎข้อบังคับ ตลอด จนให้รางวัล แก่ผู้ที่ทำความดี และลงโทษผู้กระทำความผิด แล้วพร้อมกันนั้นก็จะได้สอนวิธีการร้องเพลงอันแสนไพเราะ ให้อีกด้วย " ได้โปรดเถิดท่านเทพเจ้า ขอให้ช่วยบรรดาลเจ้านายมาให้กับพวกเราด้วยเถิด " แล้วเทพเจ้าก็ออกมาปรากฏกายขึ้น ต่อหน้าพวกมัน เทพเจ้าได้กล่าวว่า " เท่าที่เป็นมาและผ่านมาพวกเจ้าก็มีความสุขและก็สบายกันดีอยู่แล้วมิใช่หรือ ? " แต่พวกกบเหล่านั้นก็ยังคงเฝ้าอ้อนวอนขอเจ้านายจากเทพเจ้าอยู่ไม่ยอมหยุด เทพเจ้าทนฟังคำพูดอ้อนวอนอย่างโง่ๆของพวกกบทั้งหลายไม่ได้ จึงโยน ท่อนไม้ลงมาท่อนหนึ่ง และกล่าวด้วยเสียงดังอย่างฟ้าผ่าว่า " นี่คือนายของพวกเจ้า " เมื่อท่อนไม้ดังกล่าวได้ตกลงมา กระทบกับน้ำจนน้ำแตกกระจาย พวกกบต่างมีความตกใจกลัวอย่างยิ่ง และได้ว่ายลงไปซ่อนตัวอยู่ในโคลน แต่ต่อมาไม่นานก็ได้ มีกบตัวหนึ่งผงกหัวขึ้นมามองดูอย่างกล้าหาญ เพื่อมองหานายของมัน มันกระโดดขึ้นไป บนท่อนไม้นั้น กบตัวอื่นๆก็ตามขึ้นมาบ้าง เมื่อหายกลัวแล้ว พวกมันเฝ้าพูดอ้อนวอนกับนายของมันว่า " นาย ๆ ช่วยสอนพวกเราร้องเพลงให้ออกเสียงมาเพราะ ๆ ให้หน่อยสิ " แต่ท่อนไม้เจ้านายของพวกมัน ก็เฉยไม่พูดอะไรเลยสักอย่าง หนักเข้า ๆ พวกกบเลยเริ่มคิดดูหมิ่นเจ้านายของพวกมัน อย่างช่วยไม่ได้ พวกมันเลยขึ้นไปขย่ม ขึ้นไปกระโดดและถีบเจ้านายเสีย เป็นว่าเล่นเลยทีเดียว แต่เจ้านายก็ยังเฉยอยู่ เหมือนเดิม และแล้วพวกมันจึงไปหาเทพเจ้าอีกครั้ง แล้วบอกกับเทพเจ้าว่า " นายเฉยเกินไป " กบร้องเรียน " โปรดส่งนายใหม่ที่เป็นผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงมาให้พวกเราเถิด และถ้าจะให้ดีพวกเราอยากได้อย่างพวกนก นั่นแหละดีจะได้ช่วยสอนวิธีร้องเพลงให้ด้วย " เทพเจ้าเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงเกิดทรงพิโรธขึ้นและกล่าวว่า " เข้าใจแล้ว พวกเจ้าต้องการและอยากที่จะได้นกมาเป็นนายน่ะ ใช่ไหม ? ห้ามเสียใจภายหลังก็แล้วกัน !! "ดังนั้นเทพเจ้าจึงปล่อยนกกระสาลงมาตัวหนึ่ง " เอ้า..ตั้งแต่วันนี้ไป นี่คือนายของพวกเจ้า เราเตือนพวกเจ้า แล้วนะ ว่าอย่ามานั่งเสียใจภายหลัง !! " เมื่อกบเห็นคอยาวๆของนกกระสา ต่างก็ทุ่มเถียงกันเป็นเวลานานว่า เป็นงูหรือนกกระสากัน แน่ แต่เมื่อได้เจ้านายใหม่ที่เป็นนกสมใจ พวกมันจึงรีบบอกกับเจ้านายใหม่ว่า " ช่วยสอนร้องเพลงแบบนกให้กับพวกเราด้วยเถิด " แต่นกกระสานั้นแทนที่จะสอนร้องเพลงอย่างที่ พวกมันบอกกลับส่งเสียงร้อง " แกล๊ก ๆๆ แล้วลงมือจับพวกกบกินเป็นอาหาร พวกกบจึงไปร้องต่อเทพเจ้า อีก ขอให้เอานกกระสากลับไปเสีย และให้ส่งนายใหม่มาแทน เทพเจ้าจึงกล่าวว่า " เมื่ออยู่กันสบายๆ อยู่ดี ๆ แล้ว พวกเจ้าก็ไม่พอใจ เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ต้องทนเอาละ "
ที่จริงแล้ว นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"จงพอใจในสภาพปัจจุบัน แม้จะเลวร้ายอย่างไรก็ยังดีกว่า เพราะถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอาจจะยิ่งเลวร้ายหนักกว่าเก่าขึ้นไปอีก ก็เป็นได้"
ถ้าเป็นสภาพก่อนหน้าที่บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เราอาจใช้นิทานนี้มาสอนใจได้ แต่ตอนนี้น่าจะสายเกินไป กบจึงได้รับชะตากรรมเช่นนี้ นั่นอาจเป็นเพราะว่า "เลือกเกินไปหรือเปล่า"